สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งกับการได้รับเชิญจากมิชลินให้ร่วมทดสอบยางรุ่นใหม่ ในครั้งนี้ทางมิชลินได้เปิดตัวยางรุ่นใหม่ในรุ่น Michelin Primacy SUV ซึ่งจากชื่อรุ่นที่กล่าวมาทำให้พอที่จะคาดเดาได้จากคำว่า Primacy อันเป็นชื่อที่โดดเด่นทางด้านความนุ่มเงียบ เรียบหรู ในแบบฉบับยางเกรดพรีเมี่ยมสำหรับรถซีดานขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่อย่างรุ่น Michelin Primacy 3ST แต่ในครั้งนี้แปะคำว่า SUV ห้อยท้ายมาด้วย ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเป็นยางเกรดพรีเมี่ยมสำหรับรถ SUV อันเป็นรุ่นรถที่กำลังเติบโตในตลาดรถประเทศไทยเป็นอย่างมากนั่นเอง
เรามาลองดูรายละเอียดของยางรุ่นนี้กันดีกว่า
หลังจากมิชลินได้มุ่งเน้นการออกแบบยางรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้อยู่ภายใต้แนวคิด MICHELIN Total Performance ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นให้ยางที่ผลิตออกมามีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในทุกๆด้าน เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆที่เมื่อพัฒนาคุณสมบัติด้านใดเพิ่มขึ้นแต่กลับจะทำให้คุณสมบัติอีกด้านลดลง ยกตัวอย่างเช่นการพัฒนาให้ยางใช้งานได้ยาวนานขึ้นแต่กลับต้องสูญเสียคุณสมบัติการเกาะถนนลงไปเป็นต้น
ดังนั้นยาง Michelin Primacy SUV จึงได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่ดีรอบด้านโดยชูจุดขายดังนี้
ทั้งนี้ภายใต้แนวคิด MICHELIN Total Performance ยางรุ่น Michelin Primacy SUV จึงถูกออกแบบและผลิตด้วยเทคโนโลยีอันโดดเด่นของมิชลินดังนี้
- เบรคได้สั้นกว่าบนถนนเปียก : ระยะเบรคสั้นกว่า 2.1 เมตรบนถนนเปียกเมื่อเทียบกับยางคู่แข่งชั้นนำ
- เข้าโค้งมั่นใจบนถนนเปียก : เข้าโค้งแม่นยำบนถนนเปียกลดการลื่นไถลได้ดีกว่ายางคู่แข่งชั้นนำ 10%
- เบรคสั้นกว่าบนถนนแห้ง : ระยะเบรคสั้นกว่า 1.6 เมตรบนถนนแห้งเมื่อเทียบกับยางคู่แข่งชั้นนำ
- นุ่มสบายตามแบบฉบับ มิชลิน ไพรมาซี่ : เงียบและนุ่มกว่ายางคู่แข่งชั้นนำ
- โครงยางแข็งแรงเหมาะกับการใช้งานแบบเอสยูวี : เสริมเส้นใยไนลอนพิเศษ 2 ชั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงยาง
เทคโนโลยี Flexmax 2.0 มาพร้อมกับ StabiliGrip ดีไซน์ใหม่ ผสมผสานการทำงานเพื่ออีกขึ้นของความปลอดภัยในรถเอสยูวี
การทำงานของสูตรเนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับตัวเข้ายืดจับผิวถนนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
การอออกแบบดอกยางแบบตัดมุมช่วยลดการบิดตัวและป้องกันการโก่งตัวของดอกยาก จึงทำให้ยืดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น
ร่องรีดน้ำขนาดใหญ่ กว้าง และลึก เพิ่มขีดความสามารถในการระบายน้ำ ช่วยให้ขับขี่ถนนเปียกได้อย่างมั่นใจ
ร่องบากแบบละเอียด ดอกยางใหม่ที่มีร่องบากขนาดเล็กเต็มพื้นที่หน้าดอกยาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดฟิลม์น้ำ ให้สมรรถนะสูงสุดในการยืดเกาะ
เทคโนโลยี StabiliGrip ที่นอกจากจะป้องกันการล้มตัวของดอกยางและเพิ่มประสิทธิภาพการยืดเกาะแล้ว ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ออกแบบเป็นปุ่มยางเสริมในร่องบาก ทำให้ดอกยางรีดน้ำและระบายน้ำได้ดียิ่งขึ้น ยืดเกาะแน่น รีดน้ำเต็มพิกัด
เบรคสั้นกว่า ตอบสนองแม่นยำ เพิ่มความแข็งแรงของบล๊อคดอกยาง เพิ่มประสิทธิภาพแรงกด จึงให้ระยะเบรกที่สั้นกว่า ป้องกันการล้มตัวของบล๊อคดอกยาง ให้การบังคับขับขี่ที่มั่นคงและการตอบสนองที่แม่นยำ
เทคโนโลยี CushionGuard พร้อมกับชั้นผ้าใบเสริมพิเศษช่วยดูดซับแรงสั่นจากการกระแทก
ตัดเสียงรบกวนด้วยเทคโนโลยี EvenPeak กับลายดอกยางแบบละเอียดช่วยตัดเสียงรบกวน
เนื้อยางพิเศษช่วยกรองแรงสั่นสะเทือนและลดเสียงรบกวนไม่ให้ผ่านถึงห้องโดยสาร แก้มยางโค้งมนช่วยซึมซับแรงกระแทก
โครงยางแข็งแรง พร้อมในทุกเส้นทาง
ด้วยการออกแบบโครงสร้างที่แข็งแกร่ง กับโครงสร้างไนลอนเสริมพิเศษ 2 ชั้น พร้อมสำหรับการรับน้ำหนักของรถเอสยูวี อุ่นใจทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเมื่อต้องแบกรับสัมภาระเพื่อการท่องเที่ยวและพักผ่อนกับครอบครัว
โดยยาง Michelin Primacy SUV ได้ถูกวางตัวในตลาดรถยนต์กลุ่มรถเอนกประสงค์ ขนาด คอมแพคท์ - กลาง - ใหญ่ อาทิเช่น Nissan X-Trail,Honda CR-V,Isuzu D-Max,Toyota Vigo Revo Fortuner,Mitsubishi Pajero Sport,Chevrolet Captiva,Mazda CX-5,Volvo XC90,Lexus NX,Subaru Forester และอื่นๆอีกมากมายในพิกัดเดียวกัน
เราลองมาดูรูปแบบการทดสอบที่ทางมิชลินเชิญเราได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ในการใช้งานยาง Michelin Primacy SUV ซึ่งจัดการทดสอบที่แรนโชชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์คันทรีคลับ ซึ่งมิชลินได้ใช้สนามบินส่วนตัวของรีสอร์ทในการจัดทำสนามทดสอบให้เราในรูปแบบต่างๆดังนี้
Comfort Station
การทดสอบความนุ่มเงียบ โดยใช้รถ Subaru Forester ขนาดยาง 225/65 R17 เปรียบเทียบระหว่างการใช้งาน Michelin Primacy SUV กับยางยี่ห้อคู่แข่ง
โดยการทดสอบการขับทางตรงที่ความเร็ว 60 Km/h แล้วยกคันเร่ง ปิดแอร์ ให้ลองฟังเสียงยางที่เกิดขึ้น ผลทดสอบในช่วงนี้ ทำได้ใกล้เคียงกันแต่ก็ยังจับความรู้สึกแตกต่างกันได้นิดหน่อยว่า Michelin Primacy SUV ทำได้ดีกว่า
และทดสอบการขับผ่านเส้นเชือกบนถนนเพื่อเปรียบเทียบความนุ่มเงียบระหว่างยางทั้งสองชุด ผลการทดสอบในช่วงนี้ Michelin Primacy SUV ทำได้ดีกว่าในระดับหนึ่งเท่านั้น
Dry Station
การทดสอบในพื้นแห้ง โดยใช้รถ CR-V ขนาดยาง 225/65 R17 เปรียบเทียบระหว่างการใช้งาน Michelin Primacy SUV กับยางยี่ห้อคู่แข่ง
โดยทดสอบสลาลมที่ความเร็ว 55 Km/h Michelin Primacy SUV มี Grip หรือเกาะถนนที่ดีกว่า การสลับเข้าโค้งต่อๆไปในสลาลมตัวรถมีความเสถียรมากกว่า ส่งผลให้สามารถขับผ่านไปได้อย่างราบรื่นกว่า ไม่ต้องมัวแต่งหรือคืนพวงมาลัยเพื่อแก้อาการรถที่เริ่ม Understeer หรือหน้าไถล นิดๆ เหมือนตอนใช้ยางคู่แข่ง
เปลี่ยนเลนกระทันหันที่ความเร็ว 55 Km/h Michelin Primacy SUV ไม่มีอาการ Understeer หรือหน้าไถล เลยซึ่งต่างจากยางคู่แข่งที่มีอาการค่อนข้างชัดเจน
การขับวนเป็นวงกลมที่ความเร็ว 40 Km/h ค่อนข้างชัดมากเนื่องจากเราพยายามหักพวงมาลัยเพื่อรักษาไลน์ในโค้งอาการ Understeer หรือหน้าไถล ของยางคู่แข่งค่อนข้างชัดเจนจนรถเสียความเร็วไปในระดับหนึ่ง ส่วนรอบที่ใช้ Michelin Primacy SUV ตัวรถสามารถเกาะอยู่ในไลน์ที่ขับและออกจากวงกลมไปได้อย่างรวดเร็ว
การวัดระยะทางเบรคจนหยุดนิ่งที่ความเร็ว 85 Km/h ซึ่งในวันที่ทดสอบรถคันที่ใช้ยาง Michelin Primacy SUV สามารถเบรคให้รถหยุดได้สั้นกว่าระของยางคู่แข่งโดยเฉลี่ย 1.8 เมตร ซึ่งสั้นกว่าระยะที่เคลมไว้ซะอีก
Wet Station
การทดสอบในพื้นเปียก ยังคงใช้รถ CR-V ขนาดยาง 225/65 R17 เปรียบเทียบระหว่างการใช้งาน Michelin Primacy SUV กับยางยี่ห้อคู่แข่ง
โดยการทดสอบเปลี่ยนเลนกระทันหันที่ความเร็ว 50 Km/h Michelin Primacy SUV ออกอาการ Understeer เพียงเล็กน้อย ส่วนยางคู่แข่งมีอาการ Understeer หรือหน้าไถล ค่อนข้างมากจนทำให้ต้องยกคันเร่งและหักพวงมาลัยเพื่อแก้อาการรถ
การทดสอบระยะเบรคจนหยุดนิ่งที่ความเร็ว 80 Km/h ซึ่งการทดสอบจากผู้ทดสอบของ RacingWeb.NET ค่อนข้างได้ความแตกต่างเป็นอย่างมากคือระยะ ซึ่งโดยเฉลี่ยของการทดสอบของเราอยู่ที่ 4 เมตรเลยทีเดียว ทั้งนี้ผลการทดสอบดังกล่าวจะมีความแตกต่างมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับลักษณะการขับและลักษณะการเบรคของแต่ละบุคคลด้วย แต่โดยรวมแล้วผลการทดสอบของผู้ที่ทดสอบในวันนั้นเมื่อขับรถที่ใช้ยาง Michelin Primacy SUV จะสามารถเบรคได้ระยะที่สั้นกว่ายางคู่แข่งค่อนข้างชัดเจน และมากกว่าระยะ 2.1 เมตรตามที่มิชลินเคลมไว้
และการทดสอบสุดท้ายในสนามเปียกคือการค่อยๆ ขับรถวนเป็นวงกลมแล้วเร่งความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรถเริ่มเสียการทรงตัว เพื่อดูว่าแรง G สูงสุดที่ทำได้นั้นมีความแตกต่างกันเท่าไหร่ ซึ่งยางในกรณีนี้ยางที่สามารถทำค่า G ได้สูงกว่านั้นจะหมายถึงมีความเกาะถนนมากกว่า ซึ่งผลการทดสอบของทีมงาน RacingWeb.NET ด้วยยาง Michelin Primacy SUV สามารถวัดความแตกต่างได้ถึง 0.06 G เมื่อเทียบกับยางคู่แข่ง
คลิปวิดีโอการทดสอบ Dry Station และ Wet Station
RacingWeb.NET ร่วมทดสอบยาง Michelin Primacy SUV
Discussion in 'Review' started by RacingWeb, Nov 24, 2015.
Comments
Discussion in 'Review' started by RacingWeb, Nov 24, 2015.
-
Tags: