อจ.สาวไฮโซโดดตึกชั้น10ดับ เขียนลง'ไดอารี่สีฟ้า'ระบายความผิดหวังพ่อร่ำไห้-ลูกคิดสั้น! น่าเสียดายชีวิตของสาวเพอร์เฟกต์ครบเครื่องทั้งสวยทั้งรวยทั้งเก่ง เป็นดาวประจำคณะ เรียนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมและปริญญาโทคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แถมีรสนิยมใช้กระเป๋าถือ "พราด้า" กับหลุยส์วิตตอง ขับเบนซ์สปอร์ต เป็นอาจารย์สอนที่เอแบค ประสบปัญหาเรื่องความรักกับแฟน หนุ่มหล่อฐานะดี เขียนระบายไว้ใน ไดอารี่สีฟ้า ก่อนตัดสินใจกระโดดจากลานจอดรถชั้น 10 อาคารเอ็มไพร์เพลส ร่างแหลกดับอนาถ พ่อถึงกับร่ำไห้โฮเมื่อเห็นศพ แต่ไม่ติดใจการตายเชื่อ ลูกฆ่าตัวตายเอง เหตุการณ์อดีตดาวประจำคณะของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระโดดตึกฆ่าตัวตายรายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 มี.ค. พ.ต.ต.อดิเรก พันธุไย พงส. (สบ2) สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุมีคนตกจากลานจอดรถชั้น 10 ของตึกเอ็มไพร์เพลส ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ตัดกับถนนสาทร แขวงยานนาวา เขตสาทร จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ชุมพล พุ่มพวง รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ สว.สส. และหน่วยกู้ชีพนเรนทร พบร่าง น.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 ซอยพัฒนาการ 61 แขวงและเขตประเวศ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว นุ่งกางเกงยีน นอนหงายสภาพร่างกายแขนขาหักจนผิดรูปหายใจรวยรินอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ชีพพยายามช่วยชีวิตเบื้องต้นก่อนจะนำตัวส่ง รพ.เลิดสิน แต่ น.ส.มุทิตา ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างทาง ในที่เกิดเหตุพบกระเป๋าถือสตรีสีน้ำตาห้อพราด้า ภายในมีกระเป๋าเงินยี่ห้อหลุยส์ วิตตองมีเงินอยู่ 200 บาท บัตรเครดิต แว่นตายี่ห้อกุชชี่ ยาเม็ดระงับประสาทยี่ห้อ โซลอฟท์ อยู่ในซองของโรงพยาบาลสมิติเวช 1 แผง มีจำนวน 30 เม็ด ทานไปแล้ว 11 เม็ด และไดอารี่ ลายสีฟ้าคาดเขียว ภายในไดอารี่ซึ่งเขียนโดยปากกาเมจิกสีน้ำเงินและสีแดงทั้งภาษาไทยและอังกฤษบรรยายถึงความรักระหว่างผู้ตายกับแฟนหนุ่มชื่อ ปอม เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการผิดหวังในความรักยาว 4-5 หน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุบนชั้น 10 ซึ่งเป็นลานจอดรถ ของอาคารดังกล่าวพบรอยครูดตรงผนังปูนกั้นของอาคาร จึงคาดว่าผู้ตายน่าจะกระโดดลงมาจากจุดดังกล่าว ส่วนที่ ชั้นบี 3 ลานจอดรถชั้นใต้ดินพบรถเบนซ์สปอร์ต 2 ประตู รุ่น SLK 200 สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน วก 2527 กรุงเทพมหานคร รถของผู้ตายจอดอยู่ จากการสอบสวน รปภ. ของอาคารที่เกิดเหตุ ได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย เห็น น.ส.มุทิตา เดินสูบบุหรี่ไปมาอยู่ที่ลานจอดรถชั้น 10 แต่ไม่ได้สนใจ เพราะปกติลานจอดรถชั้นนี้จะมีคนมาสูบบุหรี่กันเป็นประจำ จนกระทั่งเห็นผู้ตายเดินไปที่ริมผนังปูนกั้นของอาคารก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดลงมาเสียชีวิต ส่วนพนักงานขายของร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ให้การว่า ผู้ตายเป็นคนหน้าตาดี มาซื้อของในร้านเป็นประจำ โดยก่อนจะเป็นศพ ผู้ตายได้ลงมาซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าไม่สดใสเหมือนครั้งที่ผ่านมา และมีท่าทางเหมือนคนเลื่อนลอย ขณะเดียวกัน ได้มี นายพีระยุทธ ไทยลิ่มทอง อายุ 59 ปี พ่อของผู้ตายเดินทางมาดูศพลูกสาวถึงกับร่ำไห้โฮ ก่อนจะให้การทั้งน้ำตานองหน้าว่า น.ส.มุทิตา เป็นลูกสาวของตน มีอาชีพเป็นอาจารย์อยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบค เป็นคนสวยและเรียนเก่งจบปริญญาตรีเกียรตินิยมจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังเป็นดาวประจำคณะเศรษฐศาสตร์ด้วย เพิ่งจบปริญญาโทจากที่เดียวกัน ก่อนหน้านี้ ตนได้ขอร้องให้ลูกสาวลาออกจากงานให้มาช่วยดูแลธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกระเป๋าแบรนด์เนมของครอบครัวซึ่งลูกสาวก็รับปาก แต่ขอเวลาระยะหนึ่งก่อน ส่วนเรื่องความรักทราบว่าลูกสาวคบหากับแฟนหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ แต่ไม่เคยเล่าถึงปัญหาให้ฟัง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิตของลูกสาว เชื่อว่าลูกสาวคิดสั้นฆ่าตัวตายเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า น.ส.มุทิตา น่าจะตัดสินใจฆ่าตัวตายเอง สาเหตุน่าจะมาจากมีปัญหาเรื่องความรักกับแฟนหนุ่มที่คบหากันอยู่ ทำให้เกิดเครียดจัดจึงตัดสินใจขึ้นไปบนลานจอดรถชั้น 10 ของอาคารที่เกิดเหตุกระโดดลงมาฆ่าตัวตาย จึงนำศพผู้ตายส่งสถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์อีกครั้ง.
ตรงข้าม Office เลย ครับ ปกติ จะเดินกลับไปเอารถที่จอดฝากบ้านเพื่อน ต้องผ่านตรงจุดที่เกิดเหตุ อะครับ แต่เมื่อคืน ไม่กล้า ไป............. กลัววววว ยอมเดินอ้อมดีก่า
ไม่เข้าใจ ไอ้ผู้ชายคนนั้น สำคัญกว่าพ่อ แม่ หรือไง แล้วเรียนมาขนาดนั้น คิดเรื่องง่ายๆ แค่นี้ ไม่ออก ไม่เข้าใจ จิงๆ
บางที่ บางเวลา เก่งแค่ไหน พอเจอกะตัวเอง บางทีก็มึนเหมือนกันเนอะ สงสารเค๊าคับ คงไม่มีที่ที่ให้คำปรึกษา เหมือนพวกเรา
มานเป็นช่วงอารม วูบนึง ที่มองหาทางออกไม่ได้ เข้าใจนะ แต่ก็ไม่น่าคิดอะไรสั้นๆแบบนี้ สงสารคนที่เค้ารัก เนอะ
เรื่อง ที่ผ่านมาแล้ว ให้มัน ผ่านไป สำหรับ พี่น้อง เรา หรือ ใคร ๆ ที่ มี เรื่อง แบบ นี้ อย่า พึง่ คิด อะไร สั้น ๆ นะคร๊าบ ก่อนที่จะตัดสินใจทำ อะไร ครั้งสุดท้าย ลอง หัน หน้า มา หา พวก เรา ดู ผม ว่า ทาง ออกไม่ใช่ แบบ นั้น แน่ นอน
เร่องนี้แสดงให้เห็นว่า ความรักความเอ็นดู ของพ่อแม่ ไม่สำคัญเท่า ความรัก และการให้ดูเอ็น ของแฟนหนุ่ม จริงๆ สงสารพ่อแม่ เลี้ยงมากว่าจะโต ให้ใจ ห้ความรักไปตั้งเยอะ