ยางรถยนต์ทุกเส้นจะมี Symbol บอกตามรูปครับ M up to 81 mph (130 kph) N up to 87 mph (140 kph) P up to 93 mph (150 kph) Q up to 99 mph (160 kph) R up to 106 mph (170 kph) S up to 112 mph (180 kph) T up to 118 mph (190 kph) U up to 124 mph (200 kph) H up to 130 mph (210 kph) V up to 149 mph (240 kph) Z speeds above 149mph (240 kph) The Z rating turned out to be to vague, and so two more ratings were added: W up to 168 mph (270 kph) Y up to 186 mph (300 kph) วันเดือนปีที่ผลิต จะปั๊มเป็นตัวเลข 4 หลักบนแก้มยางครับ เช่น 0408 สองหลักแรกเป็นสัปดาห์ที่ผลิต และสองหลักสุดท้ายเป็นปี คศ. ที่ผลิตครับ
วะ..วะ..หวัดดีกั๊บ(-/l\-) P = ยางที่ใช้สำหรับรถประเภทโดยสารทั่วไปนะคะ >>> Passenger Car Passenger Car = รถโดยสารทั่วไป Tire = ยาง 89 = Load index หมายถึง ยางนี้สามารถรับน้ำหนักได้เท่าไหร่นะคะ คิดว่าน่าจะรับได้ประมาณ 890 kg. นะคะ
ขอบคุณครับ จากกระทู้ http://202.57.191.84/forums/showthread.php?t=521720 .....เรี่องรหัสของ "ยางรถยนต์"มันบอกอะไร......ลองอ่านดู....!!!!!! -------------------------------------------------------------------------------- ลองเอาไปอ่านดูครับ....เผื่อคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเลขบนยางรถยนต์เรามันบอกใบ้อะไร.....ไม่ใช่หวยแน่... .... เมื่อรถยนต์มีสมรรถนะและประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่วนของยางที่รับน้ำหนักภาระถ่ายทอดม้าลงสู่พื้น ก็พลอยได้รับการปรับปรุง พัฒนาไปด้วย ซึ่งผู้ใช้รถส่วนใหญ่ก็เห็นความสำคัญของยางอยู่เหมือนกัน สังเกตจากการที่เปลี่ยนยางรถทันทีที่ขับรถออกมาจากห้าง เพื่อให้การเปลี่ยนยาง เป็นไปอย่างคุ้มค่ากับเงินที่ควักกระเป๋าจ่ายไป เราจึงควรจะทำความรู้จักกับยางกันบ้างซักเล็กน้อย โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับยางที่เราจะใช้ ว่ายางเส้นนั้นเหมาะสมหรือมีประสิทธิภาพระดับไหน ซึ่งเค้ามักจะมีตัวเลขและตัวหนังสือ ติดเอาไว้ที่ยาง ยกตัวอย่างเช่น 195/60 R 15 87 V ..... " 195 " คือความกว้างของหน้ายางที่สัมผัสกับพื้นถนนมีหน่วยเป็น มิลลิเมตร ..... " 60 " เป็นซีรี่ส์หรือความสูงของแก้มยาง ตัวเลขนี้คือ เปอร์เซ็นต์กับหน้ายาง อย่างยางเบอร์นี้ความสูงของแก้มยางจะเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของหน้ายาง 195 มม. คือมีค่าเท่ากับ 117 มม.(60 เปอร์เซ็นต์ของ 195) ..... " R " หมายถึงโครงสร้างยางแบบเรเดียล ..... " 87 " ดัชนีการรับน้ำหนัก คือพิกัดการรับน้ำหนักสูงสุดของยางเส้นนี้ว่าสามารถรับน้ำหนักต่อเส้นได้เท่าไหร่ ..... " V " เป็นสัญลักษณ์ความเร็วเพื่อบอกให้ทราบว่า ยางรุ่นนี้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ โดยยางไม่เกิดความเสียหาย ตารางดัชนีการรับน้ำหนัก ดัชนีการรับน้ำหนัก น้ำหนักต่อเส้นยาง (กก.) 62 265 63 272 64 280 65 290 66 300 67 307 68 315 69 325 70 335 71 345 72 355 73 365 74 375 75 387 76 400 77 412 78 425 79 437 80 450 81 462 82 475 83 487 84 500 85 515 86 530 87 545 88 560 89 580 90 600 91 615 92 630 93 650 94 670 95 690 96 710 97 730 98 750 99 775 100 800 101 825 102 850 103 600 104 615 105 630 106 650 107 975 108 1,000 109 1,030 110 1,060 ตารางสัญลักษณ์ความเร็ว สัญลักษณ์ ความเร็ว (กม./ ชม.) J 100 M 130 N 140 P 150 Q 160 R 170 S 180 T 190 U 200 H 210 VR มากกว่า 210 V 240 ZR มากกว่า 240 ..... ยางติดรถเดิมๆ นั้นบางคนก็รังเกียจอยากเปลี่ยนยางชุดใหม่ หรือเพิ่มขนาดกระทะล้อให้มากขึ้น สิ่งที่ควรนึกถึงเอาไว้บ้างคือ ขนาดของ เส้นผ่าศูนย์กลางของยางที่เล็กลงหรือใหญ่ขึ้นกว่าขนาดมาตรฐานติดรถ ซึ่งจะมีผลต่อรถด้วยกันหลายประการคือ การเปลี่ยนไปใช้ยางที่มี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่าขนาดมาตรฐาน เข็มความเร็วจะแจ้งเกินความเร็วจริง ในความเร็วเท่าเดิมต้องใช้รอบเครื่องสูงเพิ่มขึ้นอัน เป็นผลต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์ และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังทำให้ความสูงของตัวรถลดลงซึ่งอาจทำ ให้ระบบช่วงล่างเกิดการเสียหาย... ..... สำหรับการเปลี่ยนยางที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโตขึ้นกว่าขนาดมาตรฐาน มาตรวัดความเร็วจะชี้ที่ความเร็วน้อยกว่าความเป็นจริง ถึง แม้ในความเร็วเท่าเดิมจะใช้รอบเครื่องต่ำลง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลดการสึกหรอของเครื่องยต์หรือช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้เสมอ ไป เพราะถ้าเครื่องยนต์เล็กมีเรี่ยวแรงกำลังม้าและแรงบิดน้อย อาจต้องลากรอบเครื่องเพิ่มมากขึ้นก็ได้ ดังนั้นการเปลี่ยนยางจึงควรจะเลือก ใช้ยางที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับยางมาตรฐานติดรถเอาไว้ก่อน การเลือกเปลี่ยนยางแล้วให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์เท่าเดิม ให้ดูได้จาก "ตาราง เปรียบเทียบขนาดยาง " โดยเลือกใช้ขนาดที่อยู่แถวเดียวกัน..... ตารางเปรียบเทียบขนาดยาง 80 ซีรี่ส์ 70 ซีรี่ส์ 65 ซีรี่ส์ 60 ซีรี่ส์ 55 ซีรีส์ 50 ซีรี่ส์ 45 ซีรีส์ 145-13 165/70-13 185/60-13 185/55-14 175/60-14 155-13 175/70-13 175/65-14 205/60-13 205/55-14 195/50-15 185/60-14 185/55-15 165-13 185/70-13 185/65-14 195/60-14 195/55-15 235/45-15 175-13 195/70-13 195/65-14 205/55-15 225/50-15 225/45-16 155-14 175/70-14 195/65-14 205/60-14 205/55-15 225/50-15 225/45-15 195/60-15 205/50-16 225/45-16 165-14 185/70-14 185/65-15 165/60-15 225/50-16 245/45-16 175-14 195/70-14 195/65-15 205/60-15 205/55-16 225/50-16 245/45-16 185-14 205/70-14 205/65-15 215/50-17 145-15 185/65-15 195/60-15 205/50-16 155-15 175/70-15 195/65-15 205/60-15 205/55-16 225/50-16 245/45-16 165-15 185/70-15 205/65-15 215/60-15 215/50-17 235/45-17 175-15 195/70-15 215/65-15 .....เมื่อได้ขนาดยางแล้วก็มาถึงขนาดความกว้างของกระทะล้อ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ให้มันเหมาะสมกับขนาดความกว้างของขนาดยางด้วย ถ้า กระทะล้อแคบไปมันจะบีบแก้มยางเอาไว้ ทำให้หน้ายางเบ่งไม่เต็มที่ แล้วยังมีผลกับประสิทธิภาพของยางอีก เช่นเดียวกันถ้าใช้กระทะล้อ กว้างเกินไป ขอบยางเบ่งมากทำให้หน้ายางเป็นประเภท " หัวหลิม " ทำให้ดูไม่สวยและมีผลกับประสิทธิภาพของยาง จากตารางความ กว้างของกระทะล้อ จะเป็นแนวทางในการเลือกหาขนาดความกว้างของกระทะล้อ ที่สามารถใช้กับยางขนาดและซีรี่ส์ต่างๆ ได้ตั่งแต่ขนาด แคบสุดจนถึงขนาดกว้างสุดที่ควรใช้ แต่ในด้านความเหมาะสมที่สุดแล้วควรจะเลือกใช้ขนาดตรงกลางระหว่างขนาดที่ใช้ได้ เช่นในตารางกำหนดให้ใช้กระทะล้อได้ระหว่างความกว้าง 5-7 นิ้ว แต่ขนาดที่เหมาะสมควรจะเป็นระหว่างกลางคือ 6 นิ้ว...... ตารางความกว้างของกระทะล้อ ความกว้างของขนาดยาง 155 165 175 185 195 205 215 225 235 245 เอาไว้อ่านเล่นๆ...แก้เซ็ง....รู้ไว้..ใช่ว่า..ใส่บ่า..แบกหาม สนับสนุนเนื้อหาโดย tumracing.com