The new Cayenne เสริมทางเลือกสุดพิเศษด้วยรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด

การสนทนาใน 'News' เริ่มโดย News, 5 พฤษภาคม 2018

โดย News เมื่อ 5 พฤษภาคม 2018 เมื่อ 04:40
  1. News

    News Member Super Moderator

    981
    3
    18
    [​IMG]

    ปอร์เช่เสริมทัพขุมพลังขับเคลื่อนไฮบริดต่อยอดสมรรถนะเหนือระดับให้ยนตรกรรม SUV สุดหรู: ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Porsche Cayenne E-Hybrid) ผสมผสานการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ตให้เป็นหนึ่งเดียวกับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด เครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร (340 แรงม้า/250 กิโลวัตต์) เสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า (136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร พร้อมนำพายนตรกรรมสปอร์ต SUV พุ่งทะยานอย่างไร้ขีดจำกัดทันทีที่เหยียบคันเร่ง;
    ด้วยศักยภาพของขุมพลังที่สืบทอดแนวทางการออกแบบจากรถซูเปอร์สปอร์ตอย่าง ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder) คาเยนน์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Cayenne plug-in hybrid) สามารถเร่งออกตัวจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 5.0 วินาทีเท่านั้น เร้าใจยิ่งกว่าด้วยความเร็วสูงสุดถึง 253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด ใหม่(The new Cayenne E-Hybrid) สามารถเดินทางได้ 44 1) กิโลเมตร และทำความเร็วได้ถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเมื่อวัดตาม มาตรฐาน New European Drive Cycle (NEDC) โดยขึ้นอยู่กับขนาดของยางรถยนต์ที่ติดตั้งอยู่ที่ 29.4 - 31.2 กิโลเมตร ต่อลิตร หรือ 3.4 - 3.2 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.9 - 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร นอกจากการเปิดตัว คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ปอร์เช่ยังได้เพิ่มเติม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบช่วยเหลือการขับขี่หลากหลายรายการให้แก่ คาเยนน์ (Cayenne) ทุกรุ่น อาทิ หน้าจอ แสดงข้อมูล head-up display แบบใหม่ เบาะนวดไฟฟ้า และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 22 นิ้ว

    [​IMG]

    พละกำลังสูงสุดกว่า 462 แรงม้า ด้วยแนวคิดในการพัฒนาแบบเดียวกับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder)
    คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) คือหนึ่งในผลงานอันเป็นตัวแทนที่แสดงออกถึงทิศทางการพัฒนายานพาหนะพลังงานไฟฟ้าในอนาคตของปอร์เช่ประจำการด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในสมรรถนะสูงซึ่งผ่านการปรับแต่งจนมีกำลัง สูงสุดเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 7 แรงม้า (5 กิโลวัตต์) รวมเป็น 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) ประสิทธิภาพจากระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 43 เปอร์เซ็นต์ หรือ 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) ทั้ง 2 ขุมพลังผสานพละกำลังสูงสุดกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) แนวทางในการออกแบบระบบเสริมสมรรถนะที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากรถซูเปอร์สปอร์ต ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder) ถูกนำมาใช้อย่างเหมาะสมลงตัว เพื่อให้มั่นใจว่ามอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพเมื่ออยู่ภายใต้โปรแกรมการขับขี่ทุกรูปแบบของชุดแต่งสปอร์ตโครโน (Sport Chrono Package) ซึ่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นั่นหมายความว่าแรงบิดสูงสุดจะพร้อมตอบสนองต่อการบังคับควบคุมทุกครั้งที่สัมผัสคันเร่งผู้ขับขี่สามารถสนุกสนานกับอัตราเร่งและแรงบิดมหาศาลในทุกรอบความเร็วพร้อมรับมือกับสถานการณ์บนท้องถนน ที่ต้องเผชิญด้วยความมั่นใจทั้งหมดข้างต้นนำมาซึ่งเสถียรภาพการทรงตัวและประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยมกำลังสำรองที่ล้นเหลือจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกเก็บสะสมเอาไว้ผ่านการชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างการเดินทางโดยขึ้นอยู่กับโปรแกรมการขับขี่ที่เลือกใช้งานขณะนั้น โหมด Sport และ Sport Plus เน้นการดึงสมรรถนะตัวรถออกมาจนถึงขีดสุดพลังงานจากแบตเตอรี่ทั้งหมดจะได้รับการนำมาใช้เพื่อสร้างอัตราเร่งสำหรับโหมด Sport การชาร์จแบตเตอรี่จะเกิดขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการเสริมพละกำลัง ในส่วนของโหมด Sport Plus แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จอย่างรวดเร็ว ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โหมดการขับขี่อื่นๆ นั้นเหมาะสมกับลักษณะการขับขี่ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด

    [​IMG]

    ชาร์จพลังงานผ่านระบบ Porsche Connect app และ Porsche Charging Service
    แบตเตอรี่ที่ติดตั้งในปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Porsche Cayenne E-Hybrid) ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพื่อเพิ่ม ความจุในการเก็บสะสมพลังงานเสริมขีดความสามารถทั้งในแง่ของพิสัยระยะการเดินทางและพละกำลังสำรองยามที่ต้องการอัตราเร่ง: เมื่อเปรียบเทียบกับ คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นก่อนหน้าพบว่าความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นจาก 10.8 เป็น 14.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แบตเตอรี่ดังกล่าวผ่านการระบายความร้อนด้วยระบบ fluid-cooled ติดตั้งลงบริเวณพื้นตัวถังด้านท้ายของรถอย่างหนาแน่นประกอบด้วยโมดูลพลังงาน 8 ชุด ภายใน แต่ละโมดูล คือเซลล์ prismatic lithiumion จำนวน 13 เซลล์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มความจุภายในระยะเวลา 7.8 ชั่วโมง ด้วยไฟฟ้าแรงดัน 230 โวลต์ ผ่านสายต่อขนาดกระแส 10 แอมป์ ในกรณีที่ใช้อุปกรณ์พิเศษ on-board charger 7.2 กิโลวัตต์ ด้วยไฟฟ้าแรงดัน 230 โวลต์ ผ่านสายต่อขนาดกระแส 32 แอมป์ แทนที่ระบบชาร์จมาตรฐานแบบ 3.6 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จพลังงานจนเต็มความจุภายในระยะเวลาเพียง 2.3 ชั่วโมงเท่านั้น

    กระบวนการชาร์จพลังงานสามารถควบคุมและตรวจสอบสภาวะการทำงานผ่านระบบติดต่อสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM) พร้อมสั่งการระบบปรับอากาศอย่างสะดวกสบายจาก Porsche Connect app ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิหรือลดอุณหภูมิในขณะปิดสวิทช์กุญแจทั้งหมดข้างต้นติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและสามารถเลือกเชื่อมต่อด้วยโทรศัพท์มือถือได้ตามต้องการ นอกจากนี้ระบบ Porsche Connect ยังรองรับการค้นหาและ คัดกรองสถานีชาร์จพลังงานรวมทั้งบันทึกตำแหน่งที่ตั้งของสถานีลงในจุดหมายของระบบนำทางผ่านดาวเทียมระบบ เครือข่ายการให้บริการ Porsche Charging Service ใหม่ล่าสุดเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่เข้าถึง สถานีบริการชาร์จพลังงาน สาธารณะได้โดยอิสระ ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการจะถูกส่งตรงมายังผู้ใช้งานผ่าน Porsche ID account โดยไม่จำเป็นต้อง ลงทะเบียนใช้งานเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการรายอื่นแต่อย่างใด

    [​IMG]

    ระบบขับเคลื่อนไฮบริด และเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ Tiptronic S ใหม่ล่าสุด
    ปอร์เช่ ออกแบบและสร้างสรรค์ระบบขับเคลื่อนและระบบส่งกำลังของ คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ใหม่ทั้งหมด ชุดขับเคลื่อนไฮบริดประกอบด้วยเซลล์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงพร้อมชุดคลัทช์อิสระ electromechanical แตกต่างจากระบบ electro-hydraulic และอุปกรณ์ spindle actuator ในรุ่นก่อนหน้าให้อัตราการตอบสนองที่รวดเร็วและฉับไวกว่าอย่างเห็นได้ชัดในส่วนของระบบส่งกำลังประจำการด้วยเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะ Tiptronic S ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่สำหรับปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ ชุดนี้ไม่เพียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวลแต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างรวดเร็ว ลดอาการกระตุกที่เกิดขึ้นขณะเปลี่ยนจังหวะ

    [​IMG]

    หนึบแน่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive พร้อมสมรรถนะการลากจูงสูงสุดกว่า 3.5 ตัน
    ด้วยการทำงานของระบบ Porsche Traction Management (PTM) ส่งผลให้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ของ คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ได้รับการควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านอุปกรณ์ map-controlled multiplate clutch โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อนอย่างเหมาะสม การทำงานของระบบดังกล่าวช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับควบคุมรถยนต์ได้ทุกรูปแบบการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการขับขี่สไตล์สปอร์ตความเร็วสูงที่ต้องการเสถียรภาพ ในการทรงตัวหรือแม้แต่ในยามบุกตะลุยไปบนเส้นทางทุรกันดารสไตล์ offroad ต้องยกประโยชน์ให้ระบบรองรับและช่วง ล่างของ คาเยนน์ ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารถสปอร์ตพันธุ์แท้ เฉกเช่นกับที่เคยเป็นมาใน ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) ทุกเจเนอเรชั่น ระบบควบคุมการทรงตัว Porsche Active Suspension Management (PASM) ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้สามารถเลือกสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษอีกหลากหลายรายการ อาทิ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ระบบ roll stabilisation และระบบลากจูงรถต่อพ่วงที่สามารถ รับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 3.5 ตัน

    [​IMG]

    จัดเต็มอุปกรณ์พิเศษ: หน้าจอแสดงผล head-up display และล้ออัลลอยน้ำหนักเบา ขนาด 22 นิ้ว
    พร้อมกับการเปิดตัว คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Porsche Cayenne E-Hybrid) ปอร์เช่ได้บรรจงเพิ่มเติมระบบช่วยเหลือการขับขี่และนวัตกรรมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกล้ำยุคมากมายหลายรายการสำหรับ คาเยนน์ (Cayenne) ทุกรุ่นนับเป็นครั้งแรกของปอร์เช่สำหรับการติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ head-up display ทำงานด้วยการฉายภาพข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับระบบต่างๆ ของตัวรถไปยังระดับสายตาของผู้ขับขี่โดยตรงในลักษณะของหน้าจอสีในส่วนของอุปกรณ์ พิเศษอื่นๆ ที่ได้รับการเพิ่มเติมลงใน คาเยนน์ (Cayenne) เป็นครั้งแรก ได้แก่ ระบบดิจิทัลช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ Porsche InnoDrive พร้อมระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ adaptive cruise control เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบนวดไฟฟ้า massage seats ระบบไล่ฝ้ากระจกบังลมหน้า heated windscreen ระบบทำความร้อนภายในห้องโดยสารแยกตำแหน่ง อิสระควบคุมด้วยรีโมท และล้ออัลลอยน้ำหนักเบา ขนาด 22 นิ้ว

    [​IMG]

    กำหนดการจำหน่าย
    ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด ใหม่ (The new Porsche Cayenne E-Hybrid) มีกำหนดเปิดตัวในภูมิภาคยุโรปประมาณ ปลายเดือนพฤษภาคม 2018

    อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าการปล่อยไอเสีย
    ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Porsche Cayenne E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 29.4 - 31.2 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 3.4 - 3.2 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 78 - 72 กรัมต่อกิโลเมตร; อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.9 - 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร
    1. ระยะทางขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุดอยู่ระหว่าง 42 และ 44 กิโลเมตร โดยขึ้นอยู่กับยางรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้ง
    2. อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขึ้นอยู่กับยางรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้ง
     

ความคิดเห็น

การสนทนาใน 'News' เริ่มโดย News, 5 พฤษภาคม 2018

แบ่งปันหน้านี้