Ford Ranger ใหม่ โดดเด่นด้วยขุมพลังใหม่ ผสานเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมเทคโนโลยีที่เหนือชั้น เพื่อสมรรถนะที่เหนือกว่า

การสนทนาใน 'News' เริ่มโดย News, 21 กรกฎาคม 2018

โดย News เมื่อ 21 กรกฎาคม 2018 เมื่อ 06:57
  1. News

    News Active Member Super Moderator

    1,005
    3
    38
    [​IMG]

    Ford Ranger ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันนี้ พร้อมนำเสนอรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยยิ่งขึ้น มอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายอย่างเหนือชั้น

    Ford Ranger รถกระบะที่สร้างนิยาม 'เกิดมาแกร่ง' รุ่นใหม่นี้ สานต่อศักยภาพและสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น ทั้งบนทางเรียบและแบบออฟโรด เพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างลงตัว

    Ford Ranger ใหม่ ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งหมด 20 รุ่น ซึ่งรวมถึงรุ่น Wildtrak XLT XLS XL กระบะฐานล้อสั้น (Short Wheel Base) และรุ่นใหม่ 'ลิมิเต็ด' (Limited) และยังรวมถึง Ford Ranger Raptor รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงที่ผลิตจากโรงงานรุ่นแรกและรุ่นเดียวของเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งได้เปิดตัวไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

    [​IMG]

    "ด้วยเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ พร้อมขุมพลังใหม่ที่มอบสมรรถนะอันเหนือกว่า Ford Ranger ใหม่จะสานต่อความแข็งแกร่งของ Ford Ranger รวมถึงสร้างการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในวงกว้างขึ้น" นางสาวยุคนธร 'วิคกี้' วิเศษโกสิน ประธานฟอร์ด อาเซียน และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว "เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า Ford Ranger จะยังคงเดินหน้าปฏิวัติมาตรฐานของวงการรถกระบะ และเรารู้สึกภาคภูมิใจที่ลูกค้าจำนวนมากเชื่อมั่นใน Ford Ranger เช่นเดียวกับเรา"

    [​IMG]

    ขุมพลังขั้นสูงเพื่อสมรรถนะที่เหนือกว่าและเทคโนโลยีที่เหนือชั้น
    Ford Ranger ใหม่ มีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือกถึง 3 แบบเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายยิ่งขึ้น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร เทอร์โบ และเครื่องยนต์ดูราทอร์ค ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ ที่ผ่านบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งมาแล้ว

    เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ของฟอร์ดผลิตจากวัสดุและการออกแบบทางวิศวกรรมที่ล้ำสมัย อีกทั้งยังมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพ ด้วยระบบคอมมอนเรล หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น ท่อร่วมไอดี และสายพานไทม์มิ่งแบบจุ่มในน้ำมันเครื่อง

    พิเศษสุดสำหรับรุ่น Raptor และรุ่น Wildtrak 4x4 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมมอบแรงบิดที่สูงขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ที่หลากหลาย ทำให้เสียงเครื่องยนต์เงียบลงกว่าเดิม ช่วยให้การเดินทางด้วย Ford Ranger ใหม่ สะดวกสบายยิ่งขึ้น

    เครื่องยนต์ไบเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ใช้ระบบ Sequentail Turbocharging ที่ผสานการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ทั้ง 2 ตัว เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพและมอบสมรรถนะสูงสุด โดยเทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวแรกเป็นแบบเทอร์โบแปรผัน (Vartiable Turbocharger) จะช่วยเร่งการตอบสนองของคันเร่ง และลดช่วงการรอรอบ ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดและแรงม้าสูงแม้ตอนใช้ความเร็วต่ำ ในขณะที่เทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวที่สองซึ่งเป็นระบบเทอร์โบ Fixed-geometry จะรับหน้าที่ต่อเพื่อเพิ่มกำลังและความเรียบลื่นให้กับเครื่องยนต์ขณะใช้ความเร็วสูง

    ด้วยแรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ไบเทอร์โบมอบแรงบิดที่เหนือกว่า และอัตราทดเกียร์ที่แคบลงของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด จะช่วยเพิ่มพลังและแรงเร่ง ทำให้การไต่เขาที่ลื่นและสูงชันง่ายดายยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน Ford Ranger Raptor และ Wildtrak ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ ยังคงสมรรถนะที่เหนือชั้นในการบรรทุกและลากจูงได้สูงสุดถึง 3,500 กิโลกรัม

    เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ในรุ่น Wildtrak 4x2 และรุ่นใหม่ลิมิเต็ด (Limited) มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดที่ล้ำหน้าของฟอร์ด มอบกำลังสูงถึง 180 แรงม้า และแรงบิด 420 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Limited ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือกอีกด้วย

    ส่วนรุ่น XLT XLS และ XL มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบมอบกำลัง 160 แรงม้า และแรงบิด 385 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

    เครื่องยนต์ของ Ford Ranger ใหม่
    ดูราทอร์ค 2.2 ลิตร 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที แรงบิด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,500 รอบต่อนาที
    2.0 ลิตร เทอร์โบ 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
    2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที

    [​IMG]

    แกร่งกว่า ฉลาดกว่า
    Ford Ranger ใหม่ มาพร้อมระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) เป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจจับคนเดินถนนและยานพาหนะด้านหน้า และจะทำการช่วยเบรกจนหยุดนิ่งเมื่อระบบพบว่าคนขับไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป

    ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) และระบบแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน (Lane Departure Warning) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ยังคงมีอยู่ใน Ford Ranger ใหม่ เช่นเดิม

    เทคโนโลยีเที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถระดับเดียวกัน ยังรวมถึงระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ (Active Park Assist - APA) ซึ่งช่วยให้การเทียบจอดรถข้างทางเป็นเรื่องง่าย โดยระบบกึ่งอัตโนมัติจะบังคับทิศทางของรถให้เข้าสู่ช่องจอด ผู้ขับขี่เพียงควบคุมคันเร่งหรือเบรกเท่านั้น

    นอกจากนี้ เรนเจอร์รุ่น Wildtrak และ LTD มาพร้อมระบบผ่อนแรงฝากระบะท้าย (Easy Lift Tailgate) ครั้งแรกในตลาดรถกระบะ ด้วยกลไกซึ่งช่วยผ่อนแรงของผู้ใช้ลง 70 เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้เปิดปิดฝากระบะท้ายง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

    พิเศษสุด Ford Ranger ยังเพิ่มระบบพวงมาลัยไฟฟ้าในรุ่น XL และ XLS ถือเป็นครั้งแรกของตลาดรถกระบะระดับเดียวกัน ที่อุปกรณ์นี้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถฟอร์ด มอบสมรรถนะที่เหนือกว่าให้แก่รถกระบะพันธุ์แกร่ง ให้พร้อมรับมือทุกงานหนักในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านขนส่ง การค้าเชิงพาณิชย์ งานในโครงการก่อสร้าง หรืองานเกษตรกรรมทั่วประเทศ

    [​IMG]

    โฉมใหม่ของเรนเจอร์
    รูปลักษณ์ของเรนเจอร์ใหม่ได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อสื่อถึงความสมบุกสมบันแบบออฟโรดและความโฉบเฉี่ยวยามอยู่บนท้องถนนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เริ่มจากกระจังหน้าที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายแต่มีมิติที่เด่นชัด และกันชนล่างปรับให้ช่องนำอากาศกว้างขึ้นด้วยดีไซน์ที่ลงตัว Ranger Wildtrak และรุ่น Limited มาพร้อมไฟเดย์ไลท์ LED และไฟหน้า HID เพื่อทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้น

    "ดีไซน์ที่ประสบความสำเร็จควรสื่อถึงคุณลักษณะของรถได้ในทันทีที่มองเห็น" มร. ท็อดด์ วิลลิ่ง ผู้อำนวยการด้านการออกแบบ ฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก กล่าว "ด้วยชื่อเสียงของเรนเจอร์ในฐานะยนตรกรรมที่เปี่ยมสมรรถนะและรองรับทุกความต้องการใช้งาน งานของเราคือการสร้างสรรค์ดีไซน์ที่สื่อถึงคุณสมบัติเหล่านี้ให้เด่นชัด โดยยังคงความสวยงามที่เปี่ยมเสน่ห์ไว้"

    นอกจากนี้ Ford Ranger ใหม่ แต่ละรุ่นยังมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันชัดเจน ด้วยสีและการตกแต่งที่สื่อถึงลักษณะที่โดดเด่นของแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่พร้อมรองรับทุกงานหนัก เช่น เรนเจอร์ XL XLS หรือรุ่น Wildtrak ที่พร้อมลุยไปทุกที่

    การตกแต่งเส้นสายด้วยโครเมียมใน Ranger XLT และ Limited รวมไปถึงการตกแต่งแบบโดดเด่นใน Ranger Wildtrak สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่นได้เป็นอย่างดี Ranger Wildtrak ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่เฉพาะรุ่น นั่นคือสี 'เซเบรอ' สีส้มประกายบลอนด์ ซึ่งตัดกันอย่างงดงามกับกระจังหน้าสีเทาเข้ม สปอร์ตบาร์และล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยังช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี

    [​IMG]

    ควบคุมทุกสถานการณ์
    Ford Ranger ใหม่มอบความสะดวกสบายด้วยกุญแจอัจฉริยะ (PEPS) และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Limited และรุ่น Wildtrak

    ภายในห้องโดยสารของ Ford Ranger ใหม่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน ทั้งในวันทำงานที่หนักหน่วง การเดินทางไกลในช่วงสุดสัปดาห์หรือการผจญภัยแบบออฟโรด ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของเรนเจอร์ตกแต่งในโทนสีดำ พร้อมพื้นผิววัสดุตรงจุดสัมผัสที่ทนทานเพื่อคุณภาพการใช้งานที่ยาวนาน พร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งรายละเอียดด้วยโครเมียมและการเดินด้ายสีเงิน

    นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกสบายและเป็นส่วนตัว รวมถึงได้รับความบันเทิงสูงสุด Ford Ranger ใหม่ ยังเพิ่มระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation) ในรุ่น Wildtrak ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออีกด้วย

    ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) รองรับ Apple Carplay และ Andriod Auto พร้อมบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถเมื่อออกนอกพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ นอกจากนี้ ระบบซิงค์ 3 ยังมาพร้อมระบบจดจำเสียงและระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทยเพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น

    ระบบซิงค์ 3 ยังครอบคลุมไปถึงระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) ซึ่งจะทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อผ่านบลูทูธภายในรถ เพื่อติดต่อไปยังหมายเลข 1669 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจนถุงลมนิรภัยทำงานหรือระบบตัดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบช่วยโทรฉุกเฉินนี้จะติดตั้งมากับรถ Ford Ranger ใหม่ทุกคันที่ใช้ระบบซิงค์ 3

    [​IMG]

    นุ่มสบายบนท้องถนน เอาชนะทุกเส้นทางออฟโรด
    ระบบช่วงล่างของ Ford Ranger ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดการโคลงตัวและการควบคุมการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น โดยเน้นที่การยกระดับประสบการณ์การขับขี่เมื่อบรรทุกและลากของหนัก

    ด้วยการปรับเปลี่ยนระบบช่วงล่างใหม่นี้ ช่วยให้สมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น ลดการโคลงตัวและเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมทิศทาง โดยยังคงสมรรถนะที่เหนือชั้นในการลากจูงและบรรทุกสิ่งของอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ford Ranger ไว้ได้

    "เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของเรนเจอร์ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อบรรทุกของ ลากเรือ หรือรถคาราวานไปทั่วประเทศ" มร. จอห์น วิลเล่มส์ หัวหน้าวิศวกรรมโปรแกรม เรนเจอร์ กล่าว "Ford Ranger ใหม่ ยิ่งทำงานหนักเท่าไร ยิ่งขับขี่ได้ยอดเยี่ยมเท่านั้น ทั้งยังควบคุมรถได้ง่าย จึงใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งการบรรทุกและลากจูง และยังช่วยลดความเหนื่อยล้าเมื่อเดินทางระยะไกลอีกด้วย"

    [​IMG]

    ราคา สี และบริการ
    Ford Ranger ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 20 รุ่น ตามราคาจำหน่ายดังต่อไปนี้:
    • Raptor - ราคา 1,699,000 บาท
    • Wildtrak - มีให้เลือก 2 รุ่น ราคาตั้งแต่ 1,029,000 - 1,265,000 บาท
    • Limited - มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 889,000 - 1,029,000 บาท
    • XLT - มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 749,000 - 869,000 บาท
    • XLS - มีให้เลือก 4 รุ่น ราคาตั้งแต่ 659,000 - 789,000 บาท
    • XL - มีให้เลือก 3 รุ่น ราคาตั้งแต่ 559,000 - 649,000 บาท
    • กระบะฐานล้อสั้น (Short Wheel Base) - มีให้เลือก 2 รุ่น ราคาตั้งแต่ 589,000 - 799,000 บาท

    Ford Ranger ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีใหม่ 2 สี นั่นคือ สีส้มเซเบรอ (เฉพาะรุ่น Wildtrak) และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) และสีมาตรฐาน ได้แก่ สีเงินอะลูมิเนียม เมทัลลิค (Aluminuim Metallic) สีดำแอพโซลูท แบล็ค เมทัลลิค (Absolute Black Metallic) สีเทาเมทีออร์ เกรย์ เมทัลลิค (Meteor Grey Metallic) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีแดงทรู เร้ด (True Red)

    Ranger Raptor มีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ซึ่งเป็นสีใหม่เฉพาะ Raptor เท่านั้น และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) และสีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)

    นอกจากนี้ ลูกค้า Ford Ranger ใหม่ จะได้รับความคุ้มค่าและความสะดวกสบาย ด้วยบริการฟรีค่าแรงในการตรวจเช็คตามระยะ สูงสุดถึง 5 ปี หรือภายในระยะ 75,000 กิโลเมตร เพียงเข้าตรวจเช็คระยะทุก 15,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 ปี

    Ford Ranger ใหม่ ผลิตที่โรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (AAT) และโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ที่จังหวัดระยอง สำหรับการจำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกไปยังทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

    [​IMG]

    ข้อมูลเพิ่มเติมของ Ford Ranger ใหม่ รุ่นปี 2018
    Ford Ranger ใหม่ มาพร้อมขุมพลังที่เหนือกว่าและฟีเจอร์อันทันสมัย เพื่อสานต่อศักยภาพและสมรรถนะการขับขี่บนท้องถนนรวมถึงแบบออฟโรด รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างลงตัว เรนเจอร์ทุกรุ่นได้รับการยกระดับให้ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่มากมาย รวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างเช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift และระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assist เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความสะดวกสบาย และความปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น

    ช่วงล่างของ Ford Ranger ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดการโคลงตัวและการควบคุมการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น เน้นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่เมื่อบรรทุกและลากจูงเต็มอัตรา

    Ford Ranger ใหม่ รุ่น XL-XLS
    Ford Ranger รุ่น XL และ XLS เป็นรถกระบะเพื่อการใช้งาน มอบความคุ้มค่าคุ้มราคา ยกขีดระดับความสามารถยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์ทันสมัยใหม่ที่เน้นการเพิ่มศักยภาพและสมรรถนะในการใช้งานในชีวิตประจำวัน

    Ford Ranger รุ่น XL
    มีให้เลือกทั้งแบบกระบะตอนเดียวและกระบะแบบมีแค็บ ทำให้ Ford Ranger รุ่นนี้สามารถรองรับทุกการใช้งานหนัก ด้วยโครงแชสซีแบบขั้นบันได รวมทั้งโครงสร้าง และการออกแบบที่นำโดยทีมงานของออสเตรเลีย พร้อมขุมพลังที่มาทั้งในรุ่น 4x2 และ 4x4

    นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่มอบความสะดวกสบายมากขึ้น เช่นพวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าที่มีให้ตั้งแต่รุ่น XL

    อุปกรณ์มาตรฐานใน Ford Ranger ใหม่ รุ่น XL และ XL+
    เครื่องยนต์
    • เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตรพร้อม VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 160 แรงม้า, แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร
    อุปกรณ์ภายนอก
    • กระจังหน้า มือจับประตู และกระจกมองข้าง สีดำ
    • กันชนหน้าโฉมใหม่และสีเดียวกับตัวรถ (เฉพาะรุ่นโอเพ่นแค็บ)
    • บันไดข้าง (เฉพาะรุ่น XL+)
    • กระจกมองข้างแบบปรับไฟฟ้า (เฉพาะรุ่นโอเพ่นแค็บ)
    • ล้อกะทะเหล็ก 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/70 R16
    • ล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/70 R16 (เฉพาะรุ่น XL+)
    อุปกรณ์ภายใน
    • พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
    • หน้าต่างปรับไฟฟ้าพร้อมระบบเปิด-ปิดแบบสัมผัสเดียวด้านคนขับ (เฉพาะรุ่นโอเพ่นแค็บ)
    • ระบบปรับอากาศ
    • ระบบเซ็นทรัลล็อก
    • ช่องต่อไฟ 12V
    • วิทยุพร้อมช่องต่อ AUX และ USB, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth
    ความปลอดภัย
    • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
    • ระบบป้องกันลล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
    • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer

    อุปกรณ์มาตรฐานใน Ford Ranger รุ่น XLS ใหม่ (เพิ่มเติมจากรุ่น XL และ XL+):
    อุปกรณ์ภายนอก
    • กระจังหน้า และกระจกมองข้าง สีเทา
    • บันไดข้าง (เฉพาะรุ่น Hi-Rider)
    • ไฟตัดหมอกหน้า
    • ไฟส่องสว่างกระบะท้าย
    • กันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ
    • ล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/70 R16
    • ล้ออัลลอย 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/70 R16 (สำหรับรุ่น Hi-Rider)
    อุปกรณ์ภายใน
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
    • กุญแจรีโมทแบบพับเก็บได้
    • หน้าจอข้อมูลบนหน้าปัดแบบสี ขนาด 4.2 นิ้ว
    • วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD/MP3 แบบแผ่นเดียว, ลำโพง 6 ตำแหน่ง
    • ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC
    ความปลอดภัย
    • จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็ก ISOFIX (เฉพาะดับเบิ้ลแค็บ)

    Ford Ranger ใหม่ รุ่น XLT
    Ford Ranger XLT
    เป็นรถกระบะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากกตระกูลเรนเจอร์ อัดแน่นด้วยสมรรถนะ และความสามารถที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งานได้อย่างลงตัว มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ด้วยกระจังหน้าโครเมียมอันเป็นเอกลักษณ์ Ford Ranger XLT มาพร้อมฟีเจอร์เพื่อความสะดวกสบายที่มากกว่าในรุ่น XLS ไม่ว่าจะเป็น ล้ออัลลอยดีไซน์ภายนอกใหม่ ไฟตัดหมอกด้านหน้า โคมไฟหน้า และดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่

    อุปกรณ์มาตรฐานใน Ford Ranger XLT ใหม่ (เพิ่มเติมจากรุ่น XLS)
    อุปกรณ์ภายนอก
    • ไฟหน้าโปรเจกเตอร์
    • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
    • ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
    • กระจังหน้าโครเมียม
    • กระจกมองข้างพับด้วยไฟฟ้า
    • ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/65 R17
    อุปกรณ์ภายใน
    • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
    • พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง
    ความปลอดภัย
    • สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง

    Ford Ranger ใหม่ รุ่นลิมิเต็ด (Limited)
    Ford Ranger ลิมิเต็ด (Limited)
    เป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ดีขึ้น โดยการตกแต่งภายนอกแบบโครเมียม พร้อมขุมกำลังใหม่ และเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น รูปลักษณ์โฉมใหม่ด้วยกระจังหน้าโครเมียมพร้อมไฟเดย์ไลท์ LED และไฟหน้า HID ที่มอบทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้น ขณะที่กระบะท้ายติดตั้งฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift มอบความสะดวกในการใช้งาน

    ขุมพลังใหม่ใน Ford Ranger ลิมิเต็ด (Limited) ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ลิมิเต็ด (Limited) ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์มากมาย รวมถึงกุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ระบบซิงค์ 3 ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบจดจำเสียง และระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น

    อุปกรณ์มาตรฐานใน Ford Ranger ลิมิเต็ด (Limited) (เพิ่มเติมจากรุ่น XLT):
    เครื่องยนต์
    • เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ขนาด 2.0 ลิตรพร้อม VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร
    อุปกรณ์ภายนอก
    • ล้ออัลลอย 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/60 R18
    • ไฟหน้า HID โปรเจกเตอร์ พร้อมไฟวิ่งกลางวัน LED
    • ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift
    อุปกรณ์ภายใน
    • กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
    • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
    • เบาะหนัง
    • คอนโซลทำความเย็น Cool Box
    • ระบบกุญแจ My Key
    • หน้าจอข้อมูลบนหน้าปัดแบบสี ขนาด 4.2 นิ้ว 2 จอ
    • เครื่องเสียง
      - ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC™3 ภาษาไทย
      - จอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว
      - รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
    ความปลอดภัย
    • ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assistance
    • กล้องมองหลังขณะถอยจอด
    • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control
    • ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA) ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง (TSC) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (ROM)
    • สัญญาณกันขโมย
    • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC (เฉพาะ 4x4)
    • เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (เฉพาะ 4x4)

    Ford Ranger ใหม่ รุ่น Wildtrak
    Ford Ranger Wildtrak ใหม่มอบสมรรถนะที่เหนือกว่า ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ไบเทอร์โบ พร้อมเทคโนโลยีและฟีเจอร์ล้ำสมัย ทำให้ Ranger Wildtrak ใหม่ เป็นเรนเจอร์ที่อัดแน่นด้วยอุปกรณ์ที่ดีที่สุด นอกเหนือจาก Ranger Raptor

    นอกเหนือจากเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว Ford Ranger Wildtrak ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยที่มีเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
    • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป
    • ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ช่วยให้การจอดรถง่ายขึ้น เพียงผู้ขับขี่เปิดใช้งานและคอยควบคุมเบรก เกียร์ ระบบจะควบคุมพวงมาลัยรถให้เข้าจอดในพื้นที่จอดโดยอัตโนมัติ
    • ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation) เพื่อความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวและได้รับความบันเทิงสูงสุด

    เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ เป็นที่สุดของขุมพลังที่มีใน Ford Ranger ที่มอบกำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เพื่อการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้นสำหรับการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและออฟโรด

    เครื่องยนต์ใหม่อันเป็นทางเลือกใน Ford Ranger Wildtrak นี้ยังคงสมรรถนะที่เหนือชั้นในการบรรทุก 961 กิโลกรัม และลากจูงได้สูงถึง 3,500 กิโลกรัม ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยโครงระบบส่งกำลังที่ทันสมัยทำให้ใช้น้ำมันน้อยกว่า แต่ให้สมรรถนะและความสะดวกสบายมากขึ้นทั้งการขับขี่บนทางเรียบและออฟโรด

    อุปกรณ์มาตรฐานใน Ford Ranger รุ่น Wildtrak (เพิ่มเติมจากรุ่น ลิมิเต็ด (Limited)):
    เครื่องยนต์
    • เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตรพร้อม VG Turbo Intercooler กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร
    • เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตรพร้อมเทอร์โบคู่ (Bi-Turbo) กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร (เฉพาะรุ่น 4x4)
    อุปกรณ์ภายนอก
    • ไฟตัดหมอกหน้า LED
    • ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
    • สปอร์ตบาร์และราวหลังคา
    • พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12 โวลต์
    อุปกรณ์ภายใน
    • ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient light
    • ช่องต่อไฟ 230V
    • ปรับเบาะที่นั่งคนขับแบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง
    • ชุดตกแต่งภายในแบบ Wildtrak
    • ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (เฉพาะรุ่น 4x4)
    • ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (เฉพาะรุ่น 4x4)
    • ระบบนำทาง Navigation
    ความปลอดภัย
    • ถุงลมนิรภัยเพิ่มเป็น 6 จุด: คู่หน้า / ด้านข้าง / และม่านถุงลมนิรภัย
    • สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า
    • เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential
    • เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ (Advanced- Driving Assist technology) (เฉพาะ 4x4)
      - ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB)
      - ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control)
      - ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
      - ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)
      - ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ (Driver Alert System)
      - ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)

    ขุมพลังใน Ford Ranger ใหม่:
    เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร เทอร์โบ TDCi
    160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที แรงบิด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด/เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

    เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ (ใหม่)
    180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด/เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด (ใหม่)

    เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ (ใหม่)
    213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด (ใหม่)

    Ford Ranger ใหม่ วางจำหน่ายทั้งหมด 20 รุ่น รวมถึงรุ่น Limited ตามราคาดังต่อไปนี้:
    • SWB 2.0L Turbo 4x2 6MT ราคา 589,000 บาท
    • SWB 2.0L Bi-Turbo 4x4 10AT ราคา 799,000 บาท
    • Standard Cab 2.2L XL 6MT ราคา 559,000 บาท
    • Open Cab 2.2L XL 6MT ราคา 599,000 บาท
    • Open Cab 2.2L XL+ Hi-Rider 6MT ราคา 649,000 บาท
    • Open Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6MT ราคา 659,000 บาท
    • Open Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6MT ราคา 699,000 บาท
    • Open Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6AT ราคา 739,000 บาท
    • Open Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6MT ราคา 749,000 บาท
    • Open Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6AT ราคา 789,000 บาท
    • Open Cab 2.0L Turbo Limited 4x4 6MT ราคา 889,000 บาท
    • Double Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6MT ราคา 789,000 บาท
    • Double Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6MT ราคา 829,000 บาท
    • Double Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6AT ราคา 869,000 บาท
    • Double Cab 2.0L Turbo Limited Hi-Rider 6MT ราคา 899,000 บาท
    • Double Cab 2.0L Turbo Limited Hi-Rider 10AT ราคา 949,000 บาท
    • Double Cab 2.0L Turbo Limited 4x4 10AT ราคา 1,029,000 บาท
    • Double Cab 2.0L Turbo Wildtrak Hi-Rider 10AT ราคา 1,029,000 บาท
    • Double Cab 2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4x4 10AT ราคา 1,265,000 บาท
    • Double Cab 2.0L Bi-Turbo Raptor 4x4 10AT ราคา 1,699,000 บาท

    Ford Ranger ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือก 7 สี และสีใหม่ 2 สี นั่นคือสีส้มเซเบรอ (Saber) และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue)
    • SWB สีเงินอะลูมิเนียมเมทัลลิค
    • XL สีเงินอะลูมิเนียมเมทัลลิค, สีดำแอพโซลูทแบล็ค, สีขาวโฟรเซ่นไวท์,
    • XLS สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู, สีเงินอะลูมิเนียมเมทัลลิค, สีดำแอพโซลูทแบล็ค, สีขาวโฟรเซ่นไวท์, สีแดงทรูเร้ด
    • XLT สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู, สีเงินอะลูมิเนียมเมทัลลิค, สีดำแอพโซลูทแบล็ค, สีเทาเมทีออร์เกรย์, สีขาวโฟรเซ่นไวท์, สีแดงทรูเร้ด
    • LTD สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู, สีเงินอะลูมิเนียมเมทัลลิค, สีดำแอพโซลูทแบล็ค, สีเทาเมทีออร์เกรย์, สีขาวโฟรเซ่นไวท์, สีแดงทรูเร้ด
    • Wildtrak สีส้มเซเบรอ, สีเงินอะลูมิเนียมเมทัลลิค, สีดำแอพโซลูทแบล็ค, สีเทาเมทีออร์เกรย์, สีขาวโฟรเซ่นไวท์

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมของFord Ranger Raptor
    Ford Ranger Raptor ได้รับการออกแบบโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) ซึ่งเป็นแผนกที่รับผิดชอบในส่วนของรถยนต์สมรรถนะสูงของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี บทบาทหน้าที่หลักของทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์คือการคิดค้นพัฒนารถยนต์เปี่ยมสมรรถนะที่สามารถเอาชนะความท้าทายในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตและกิจกรรมการแข่งรถระดับโลก โดยรถยนต์ในกลุ่มฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ที่มีชื่อเสียงอันโด่งดัง ได้แก่ ฟอร์ด จีที ฟอร์ด มัสแตง จีที350 ฟอร์ด อาร์เอส ฟอร์ด เฟียสต้า เอสที และฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ ทั้งนี้ Ranger Raptor ได้ผสานสมรรถนะอันเหนือชั้นของฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ เข้ากับประสิทธิภาพการขับขี่อันเหนือระดับของ Ford Ranger ทำให้สามารถส่งมอบดีเอ็นเอตามแบบฉบับรถฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ร่วมกับนิยาม "เกิดมาแกร่ง" ให้แก่เหล่านักขับขี่ออฟโรดได้อย่างเหนือชั้น

    [​IMG]

    Ranger Raptor จะได้รับการผลิตและประกอบขึ้นที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) จังหวัดระยอง ประเทศไทย เพื่อส่งมอบแก่ลูกค้าทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และทั่วโลก

    ขนาดรถยนต์
    ความสูงที่ 1,873 มิลลิเมตร
    ความกว้างที่ 2,180 มิลลิเมตร
    ความยาวที่ 5,398 มิลลิเมตร

    สมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้น
    Ford Ranger Raptor ได้ผสานดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เข้ากับความแข็งแกร่งด้านยนตรกรรมของ Ford Ranger และยังมาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตรและเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ทำให้สามารถมอบพละกำลังได้สูงสุดถึง 213 แรงม้าและแรงบิดที่ 500 นิวตันเมตร

    Ranget Raptor
    สามารถตอบสนองการขับขี่แบบขั้นสุดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยแชสซีที่ได้รับการออกแบบใหม่ ระบบเบรกและช่วงล่างอันทรงพลัง ผนวกกับโช้คอัพคู่ด้านหน้าและด้านหลังของ FOX ที่ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass technology) และวัตต์ลิงค์และคอยล์โอเวอร์ช็อคยังช่วยเรื่องการรองรับแรงกระแทกด้าน ข้างสำหรับการควบคุมรถขณะขับขี่บนเส้นทางออฟโรดได้อย่างเหนือชั้น ระบบเบรกอันทรงประสิทธิภาพมาพร้อมดิสก์เบรกที่ทำงานควบคู่กับระบบ Brake Actuation Master Cylinder ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเบรกได้อย่างแม่นยำในทุกขณะที่ต้องการ

    ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17 และระบบ Terrain Management System (TMS) ช่วยให้ Ranger Raptor สามารถเอาชนะทุกเส้นทางหฤโหด ตั้งแต่เส้นทางเรียบไปจนถึงถนนขรุขระและสภาพถนนอันแสนท้าทายในรูปแบบต่างๆ ระบบ TMS อันชาญฉลาดมาพร้อมโหมดการขับขี่มากมาย รวมถึงโหมดบาฮาที่ทุกคนต่างรอคอยเพื่อการขับเคลื่อนบนสภาพเส้นทาง ที่หลากหลาย พร้อมทั้งมอบการตอบสนองอันยอดเยี่ยม มั่นใจ และปลอดภัยในทุกสถานการณ์

    การออกแบบโครงสร้างของชิ้นส่วนต่างๆ ได้นำเหล็กอัลลอย HLSA (High-Strength Low-Alloy) มาใช้ พร้อมด้วยแผงกันกระแทกด้านล่างผลิตจากเหล็กกล้าที่มีความหนา 2.3 มิลลิเมตร เพื่อให้สามารถปกป้องห้องโดยสารจากแรงกระแทกขณะขับขี่บนเส้นทางออฟโรดได้อย่างไร้กังวล

    การออกแบบที่ดุดัน สะท้อนสุดยอดสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรด
    ด้วยความสูงตัวรถที่ 1,873 มิลลิเมตร ความกว้างตัวรถที่ 2,180 มิลลิเมตร และความยาวตัวรถที่ 5,398 มิลลิเมตร พร้อมด้วยระยะช่วงล้อหน้าและล้อหลังที่กว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ช่วยให้ Ranger Raptor สามารถมอบสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดได้แบบขีดสุด ความสูงใต้ท้องรถของ Ranger Raptor ได้เพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร พร้อมมุมไต่ที่ 32.5 องศา มุมคร่อมที่ 24 องศา และมุมจากที่ 24 องศา

    กระจังหน้าใหม่มาพร้อมโลโก้ฟอร์ดสะกดด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่อันสะดุดตา พร้อมกับชุดกันชนด้านหน้าซึ่งทนต่อการบุบและรอยขีดข่วนต่างๆ จากการขับขี่แบบออฟโรดได้เป็นอย่างดีชุดกันชนท้ายได้ผ่านการปรับปรุงโดยเพิ่มชุดตะขอเกี่ยวจำนวน 2 ชุด ซึ่งสามารถรองรับการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน นอกจากนี้ บันไดด้านข้างตัวรถยังผลิตจากอะลูมิเนียมมอัลลอยเพื่อเพิ่มความคงทนในการใช้งาน

    การออกแบบภายในของ Ranger Raptor มาพร้อมความประณีตขั้นสูงและการคัดเลือกวัสดุที่มีความคงทนสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและสามารถตอบโจทย์การขับขี่บนเส้นทางสุดท้าทาย ทันทีที่ผู้ขับขี่นั่งอยู่ในรถจะสัมผัสได้ถึงพวงมาลัยที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเป็นพิเศษของ Ranger Raptor ซึ่งมาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ผลิตจากแม็กนีเซียม พร้อมด้วยเบาะที่นั่งที่ได้รับการออกแบบพิเศษด้วยวัสดุหนังกลับอาคันทาร่า (Alcantara) เพื่อช่วยในการโอบประคองผู้ขับขี่และช่วยให้สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย On-Centre Marker ซึ่งเป็นแถบสีแดงด้านบนของพวงมาลัยช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถระบุจุดกึ่งกลางของรถขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง

    ส่วนประกอบภายนอก
    • ระบบล็อคเฟืองท้าย
    • ไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ HID
    • ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED
    • ไฟตัดหมอกแบบ LED
    • ไฟหน้า เปิด-ปิด อัตโนมัติ
    • ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
    • กระจกข้างแบบพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมสัญญาณไฟเลี้ยว
    • ไฟส่องพื้น
    • พื้นปูกระบะ
    • บันไดข้างอะลูมิเนียม
    สิ่งอำนวยความสะดวกภายใน
    • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
    • เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า ได้ 6 ทิศทาง
    • เทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation)
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
    • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control)
    • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone
    • กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
    • ช่องชาร์จไฟแบบ 12 โวลต์ จำนวน 4 จุด
    • ปลั๊กไฟบ้าน 230 โวลต์
    • แผงหน้าปัดควบคุมแบบหน้าจอคู่ ทีเอฟที (Dual TFT) ขนาด 4 นิ้ว
    • กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
    เทคโนโลยีอัจฉริยะ
    Ford Ranger Raptor ได้รับการพัฒนาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการขับขี่อย่างมั่นใจ มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างครบครัน ได้แก่
    • ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll Mitigation Function)
    • ระบบลดอาการส่ายขณะลากจูง (Trailer Sway Control)
    • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) และระบบควบคุมการบรรทุก (Load Adaptive Control)
    • ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (Electric Power-Assisted Steering หรือ EPAS)
    • ระบบป้องกันล้อล็อคและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD)
    • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) และระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)
    • ถุงลมนิรภัย 6 ลูก บริเวณด้านหน้า ด้านข้าง และด้านข้างกระจก
    • กล้องมองหลัง
    • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control)
    • สัญญาณกันขโมย
    • ระบบกุญแจนิรภัย (Immobilizer)
    • จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็ก (ISOFIX)
    • กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
    • ระบบช่วยผ่อนแรงฝาท้ายกระบะที่สามารถช่วยผ่อนแรงถึง 66 เปอร์เซ็นต์
    ระบบเชื่อมต่อภายในรถยนต์และระบบเพื่อความบันเทิง
    SYNC ® 3 ระบบสั่งงานด้วยเสียงภายในรถยนต์ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยหรือละสายตาจากท้องถนน
    Ford Ranger Raptor ยังมาพร้อมระบบเพื่อความบันเทิงขณะเดินทาง อาทิ
    • หน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธและ Wi-Fi
    • ลำโพง 6 ตัว
    • เครื่องเล่นวิทยุ ซีดี MP3 พร้อมช่องต่อ USB จำนวน 2 ช่อง
    • Apple Car Play และ Android Auto Support
    • ระบบแผนที่นำทางแบบสามมิติ (Navigation System)
    สีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี
    • สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue)
    • สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black)
    • สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)
    • สีแดงเรซ เร้ด (Race Red)
    • สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey)
    ราคา 1,699,000 บาท
     

ความคิดเห็น

การสนทนาใน 'News' เริ่มโดย News, 21 กรกฎาคม 2018

แบ่งปันหน้านี้