คอนติเนนทอลนำเสนอจอแสดงผลที่มีความกว้างจากเสานึงไปอีกเสานึงให้กับรุ่นรถที่มีจำนวนการผลิตมาก​

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ณ เมืองบาเบนเฮาเซ่น ประเทศเยอรมนี คอนติเนนทอลได้รับคำสั่งซื้อหน้าจอแสดงผลที่มีความกว้างจากเสานึงไปถึงอีกเสานึงให้กับรถของผู้ผลิตสัญชาติเยอรมัน ทั้งนี้บริษัทยังคงมีแนวโน้มที่จะพัฒนาจอแสดงผลขนาดใหญ่อย่างเป็นระบบมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ด้วยการพัฒนาจอแสดงผลที่ขยายให้ใหญ่ไปทั่วทั้งความกว้างของห้องขับ ซึ่งจอแสดงผลที่มีความกว้างจากเสาหนึ่งไปอีกเสาหนึ่งนั้นทำให้มีพื้นที่ให้กับฟังก์ชันของรถและการบริการต่างๆในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงแอปพลิเคชันด้านการสื่อสารและสาระบันเทิงที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วิธีการนี้ทำให้จอแสดงผลเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าในการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบดิจิทัล โดยมีกำหนดการที่เข้าสู่กระบวนผลิตเป็นจำนวนมากในปี 2567 ซึ่งการเปิดตัวในรถยนต์ที่มีปริมาณการผลิตจำนวนมากถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนารถให้กลายเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะที่เป็นส่วนหนึ่งของอินเตอร์ของสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทาง สัญญาณเตือน ภาพยนตร์ ข่าว โซเชียลเน็ตเวิร์ก แอปพลิเคชันสำหรับสำนักงาน หรือแอปฯสำหรับวางแผนการเดินทาง ที่จะแสดงเนื้อหาได้ทั่วทั้งความกว้างของห้องขับ ทำให้มีความสมจริงอย่างเต็มรูปแบบและมอบประสบการณ์การใช้งานแบบใหม่ให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ดร. แฟรงค์ ราเบ (Dr. Frank Rabe) หัวหน้าหน่วยธุรกิจการเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรของคอนติเนนทอล กล่าวว่า "ประสบการณ์การขับขี่ที่ให้ความปลอดภัยและเป็นรูปแบบดิจิทัล กำลังกลายเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของรถยนต์สมัยใหม่ อีกไม่นานขนาดของหน้าจอแสดงผลและการใช้งานที่เข้าใจง่ายจะกลายเป็นสิ่งสำคัญแทนการให้ความสำคัญกับแรงม้าของรถ เราได้สร้างมูลค่าจากประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ด้วยการจัดหาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดกว่า 120 ล้านรายการเพื่อการสื่อสารระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรให้กับรถหนึ่งในสี่คันทั่วโลก เนื่องด้วยการขับขี่อัตโนมัติมีความสำคัญเพิ่มขึ้น เราจึงให้ความสำคัญกับรถมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการด้านประสบการณ์และผลลัพธ์ของผู้ใช้รถยนต์มีเพิ่มขึ้น"

คอนติเนนทอลได้ก้าวไปอีกขั้นของวิวัฒนาการของรถยนต์ให้กลายเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะที่เป็นส่วนหนึ่งของอินเตอร์ของสรรพสิ่ง (IoT)​

วิวัฒนาการของห้องขับ: จากหน้าปัดแบบเข็มไปสู่ประสบการณ์การใช้งานแบบดิจิทัล
เนื่องจากมีฟังก์ชั่นใหม่ๆ และการบริการรูปแบบดิจิทัลมากมายใส่เข้ามาไว้ในรถยนต์ที่มีการเชื่อมต่อมากขึ้น ดังนั้นมาตรวัดต่างๆ ที่มีเข็มชี้และคอนโซลกลางแบบดั้งเดิม จึงค่อนข้างยึดติดและมีความยืดหยุ่นน้อยเกินไป ทำให้แผงหน้าปัดควบคุมแบบคลาสสิกที่มี มาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบ และวัดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงหมดยุคไป อีกทั้งการสื่อสารและสาระบันเทิงแก่ผู้โดยสารที่มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้การมุ่งเน้นไปที่คนขับโดยเฉพาะนั้นไม่เหมาะสมอีกต่อไป จอแสดงผลจึงมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และได้เกิดเป็นความท้าทายในด้านการออกแบบที่มีรูปร่างแตกต่างกันมากมาย ตั้งแต่จอแบนกลายไปเป็นจอโค้งที่เข้ากับห้องคนขับได้อย่างลงตัว ไปจนถึงหน้าจอรูปทรงตัวอักษรต่างๆ เช่น ตัว V ตัว C ตัว L หรือตัว S เพื่อให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย เมื่อหน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้มีการรวมจอแสดงผลหลายๆ จอไว้ในอันเดียวกัน และยังสามารถรวมเซ็นเซอร์และกล้องบันทึกพฤติกรรมการขับขี่ได้อย่างลงตัวอีกด้วย รวมไปถึงรูปทรงนูนและเว้าก็ยังถูกนำมาใช้มากขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ตรงตามความต้องการ ทั้งนี้คอนติเนนทอลจะยังคงพัฒนาวิธีการของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อัจฉริยะเพื่อลดความซับซ้อนในการปฏิสัมพันธ์และความปลอดภัยระหว่างผู้ขับขี่และยานพาหนะต่อไป

เรียกได้ว่าคอนติเนนทอลนั้นเป็นผู้ริเริ่มวิวัฒนาการของห้องขับรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น ระบบสามมิติที่ไม่ต้องใช้แว่นพิเศษ หรือแม้กระทั่งจอแสดงผลที่มีความกว้างจากฝั่งนึงไปยังอีกฝั่ง เท่านั้นยังไม่พอบริษัทฯก็ยังเป็นผู้ขับเคลื่อนแนวคิดในการเปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของยานพาหนะ เช่น คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับห้องขับ ซึ่งในอนาคตจะมีการนำคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงมาแทนที่หน่วยควบคุมเฉพาะที่มีจำนวนมาก ดังนั้นจอแสดงผลที่มีความกว้างจากฝั่งนึงไปยังอีกฝั่ง เป็นวิวัฒนาการขั้นต่อไปของการเชื่อมต่อระหว่างรถกับศูนย์ข้อมูลเคลื่อนที่