4 เอกลักษณ์ของสุขภัณฑ์ญี่ปุ่น ที่จะทำให้ตกหลุมรัก

การสนทนาใน 'สินค้าทั่วไป ไม่มีหมวดหมู่' เริ่มโดย suradet142, 9 ธันวาคม 2024

< Previous Thread | Next Thread >
  1. suradet142

    suradet142 New Member Member

    2
    0
    1
    ประเทศญี่ปุ่นมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของสุขภัณฑ์ที่ล้ำสมัยและสะอาด ไปดูกันว่าเอกลักษณ์ของสุขภัณฑ์ญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง

    เมื่อพูดถึง “สุขภัณฑ์” หรือ “ห้องน้ำไฮเทค” ที่สุดล้ำสมัย เต็มไปด้วยนวัตกรรม แน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นย่อมขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง เนื่องจากมีชื่อเสียงและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของเทคโนโลยีในสุขภัณฑ์อัตโนมัติ
    1. ทุกความก้าวหน้า มาจากความพยายามไม่สิ้นสุด
    โถสุขภัณฑ์เซรามิกชิ้นแรกของประเทศญี่ปุ่น ถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457) หรือมากกว่า 100 ปีมาแล้ว โดยมิสเตอร์ คาซูชิกะ โอคุระ (Mr. Kazuchika Okura) มีโอกาสได้เดินทางไปยุโรปและรู้สึกประทับใจในเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิกเป็นอย่างมาก ประกอบกับในขณะนั้นระบบสุขาภิบาลของประเทศญี่ปุ่นยังไม่ค่อยดีนัก จึงมีความตั้งใจที่จะพัฒนา ด้วยความเชื่อมั่นว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็ควรจะมีเครื่องสุขภัณฑ์ที่สะอาดและมีคุณภาพเช่นกัน

    ในเวลาต่อมา มิสเตอร์ คาซูชิกะ โอคุระ จึงลงทุนสร้างโรงงานและทำการค้นคว้าวิจัย พัฒนา ลองผิดลองถูกอยู่กว่า 20,000 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 2 ปี จนได้มาซึ่งโถสุขภัณฑ์เซรามิกชิ้นแรกของประเทศญี่ปุ่น จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ มิสเตอร์ คาซูกะ โอคุระ ก่อตั้งบริษัท โตโยโตคิ ขึ้นในปีค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) เพื่อเข้าสู่ตลาดเครื่องสุขภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โตโต้ (TOTO) มาจนถึงปัจจุบัน
    [​IMG]


    2. ความพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียด
    ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่อง “ความพิถีพิถัน” ใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนสะท้อนออกมาผ่านวัฒนธรรม และวิถีการใช้ชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมด้านอาหาร ซึ่ง “วาโชกุ” (Washoku) หรือวัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม[1] หรือ ศิลปะการชงชา (Chadō), การจัดดอกไม้ (Ikebana), การจัดสวนเซน (Karesansui) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีรายละเอียดในทุกขั้นตอน

    สุขภัณฑ์ญี่ปุ่นเองก็เช่นเดียวกัน ทุกกระบวนการคิดค้นเทคโนโลยี เต็มไปด้วยความใส่ใจที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น แม้แต่ในรายละเอียดเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม เช่น สุขภัณฑ์ TOTO ที่มีการออกแบบขอบโถไร้ขอบ RIMLESS เพื่อให้ทำความสะอาดง่าย ลดมุมอับที่จะทำให้สิ่งสกปรกสะสม และอุปกรณ์ทำความสะอาดมักเข้าไม่ถึง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลดระยะเวลาในการทำความสะอาดห้องน้ำลงได้
    [​IMG]

    3. เทคโนโลยีล้ำสมัย ถูกใจผู้ใช้งานทั้งโลก
    หลายคนที่เคยไปท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น หรือ เข้าห้องน้ำภายในห้างสรรพสินค้าบางแห่งในประเทศไทย อาจเคยมีโอกาสได้ใช้งานก้านฉีดชำระที่มากับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET แล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ชื่นชอบในนวัตกรรม และมีความสุขกับการเลือกฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบจากรีโมทคอนโทรล จนรู้สึกไม่อยากออกจากห้องน้ำ ซึ่งบางคนอาจเพิ่งเคยรู้จัก WASHLET ได้ไม่นาน แต่ความจริงแล้วฝารองนั่งล้ำๆ ดังกล่าวมีประวัติความเป็นมานานกว่านั้น

    ก่อนหน้านี้ ในประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีวัฒนธรรมในการทำความสะอาดด้วยน้ำ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลกที่นิยมใช้กระดาษทิชชูมากกว่า จนกระทั่งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ที่มาพร้อมก้านฉีดชำระ ได้วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) หรือเมื่อ 42 ปีที่แล้ว โดยบริษัท TOTO และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะผู้ใช้รู้สึกว่าสะอาด ถูกสุขอนามัย อีกทั้งยังสะดวกสบายกว่าการเช็ดด้วยกระดาษชำระ นอกจากนี้ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอากาศหนาว การใช้ฝารองนั่งอุ่นที่ปรับอุณหภูมิได้ จึงตอบโจทย์กับการใช้งานเป็นอย่างมาก ช่วยให้ไม่ต้องสะดุ้งทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ทำให้ฝารองนั่งไฟฟ้านี้แพร่หลายทั่วประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
    [​IMG]

    4. เคารพธรรมชาติ และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
    ประเทศญี่ปุ่นนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดคำว่า “Mottainai” (มต-ไต-ไน่) ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วหมายถึงการที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างคุ้มค่าถึงที่สุด จนนำไปสู่การสูญเสียอย่างน่าเสียดาย (กล่าวคือน่าจะใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่ามากกว่านั้น) นอกจากนี้ยังมีความหมายในแง่อื่นๆ อีกทั้งยังเป็นคำที่มักใช้เพื่อกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพราะการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ได้มีเพียงแค่คอนเซปต์ของ 3Rs อันหมายถึง Reduce (การลด), Reuse (การใช้ซ้ำ), Recycle (การรีไซเคิล) เท่านั้น แต่ยังหมายถึงอีก R หนึ่งนั่นก็คือ “Respect” ความเคารพต่อทรัพยากรของโลกที่ไม่สามารถทดแทนได้นั่นเอง

    สุขภัณฑ์ห้องน้ำญี่ปุ่น อย่าง TOTO จึงให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบที่จะเกิดกับธรรมชาติให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งเน้นที่จะพัฒนาโถสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ อย่างในปี ค.ศ.1976 (พ.ศ. 2519) TOTO ได้เปิดตัวสุขภัณฑ์ที่ใช้น้ำเพียง 13 ลิตร ต่อการกดน้ำชำระล้างหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยกว่าสุขภัณฑ์ในยุคก่อนหน้านั้นมากถึง 35% และในปัจจุบันโถสุขภัณฑ์ของ TOTO พัฒนามาจนใช้ปริมาณน้ำน้อยที่สุดเพียง 3.8 ลิตร สำหรับการกดชำระล้างแบบหนัก และใช้น้ำเพียง 3 ลิตร สำหรับการชำระล้างแบบเบา เมื่อเทียบกับโถสุขภัณฑ์ หรือ ชักโครกทั่วไปในยุคปัจจุบัน (ใช้น้ำ 6 ลิตร) ก็สามารถช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า 36% ด้วยกัน
     
< Previous Thread | Next Thread >

ผู้ใช้งานที่ได้อ่านหัวข้อนี้ (ทั้งหมด: 1)

แบ่งปันหน้านี้