การเตรียมพร้อมรถยนต์ก่อนออกเดินทาง

การสนทนาใน 'Racing Forum (Cars Forum)' เริ่มโดย l3oZo, 25 ธันวาคม 2008

< Previous Thread | Next Thread >
  1. l3oZo

    l3oZo New Member Privilege

    769
    52
    0
    การตรวจสอบรถก่อนเดินทาง : การอนุรักษ์พลังงาน
    การตรวจสอบเครื่องยนต์หรือสภาพรถก่อนเดินทาง

    เพื่อเป็นการอนุรักษ์พลังงาน ควรตรวจสอบเครื่องยนต์สม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะจะทำให้เรารู้ สมรรถนะของเครื่องยนต์และอัตราการ สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดเวลา และเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งระบบที่ควรตรวจสอบมีดังนี้

    1. ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง
    จากระบบน้ำมันเชื้อเพลิง เราสามารถสังเกตและตรวจสอบสาเหตุ ของการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติ อย่างง่ายๆดังนี้

    [​IMG]
    น้ำมันรั่วหรือไม่


    ให้สังเกตจากบริเวณพื้นถนนใต้รถที่จอดอยู่ หากพบว่ามีรอยเปียกของน้ำมัน หรือได้กลิ่นของน้ำมัน ซึ่งอาจจะรั่วจากข้อต่อในระบบท่อ ให้ดำเนินซ่อมโดยเร็ว [​IMG]

    ไส้กรองอากาศตันหรือไม่



    ควรทำความสะอาดไส้กรองอากาสอย่างสม่ำเสมอ หรือเปลี่ยนใหม่เมื่อหมดอายุการใช้งาน ไส้กรองที่สกปรก ทำให้ สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
    2. ตรวจความเร็วรอบเดินเบา
    ถ้าความเร็ว รอบของเครื่องยนต์ในจังหวะเดินเบาสูงเกินไป จะทำให้เครื่องยนต์กิน น้ำมันมากขึ้น ควรปรับความเร็วรอบ ให้อยู่ใน เกณฑ์มาตรฐานของผู้ผลิต แต่ถ้าไม่มีข้อมูลดังกล่าว ควรปรับความเร็วรอบที่ประมาณ 800 รอบต่อนาที หรือในระดับที่เครื่องยนต์ทำงานเรียบที่สุด


    [​IMG]

    สำหรับเครื่องยนต์ที่มีระบบการจ่ายน้ำมัน ด้วยระบบหัวฉีด หากมีปัญหาเกี่ยวกับ ความเร็วรอบ ของเครื่องยนต์ ขณะเดินเบา ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้ผลิต ให้เป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้โดยตรง3. ตรวจระบบน้ำมันในห้องลูกลอย
    ในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ที่ใช้คาร์บูเรเตอร์ ทำหน้าที่ปรับส่วนผสม ระหว่างน้ำมัน กับอากาศนั้น สาเหตุที่จะทำให้อัตราการสิ้นเปลือง น้ำมันเพิ่มขึ้นจากปกติอีกประการหนึ่ง คือการไหลล้นของน้ำมัน จากคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งเกิดจากระดับน้ำมันในห้องลูกลอย สูงกว่าระดับปกติ โดยสามารถสังเกตได้ง่ายๆ จากหน้าต่างกระจกของห้องลูกลอย ควรให้ช่างผู้ชำนาญแก้ไขโดยเร็ว


    [​IMG]
    [​IMG]


    นอกจากข้อสังเกตต่างๆ ในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ปัญหาด้านอื่นที่ เราสามารถสังเกตได้ง่าย อีกอย่างหนึ่ง คือ ระบบจุดระเบิดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งมีผลต่อการเผาไหม้ ของส่วนผสม น้ำมันกับอากาศ ถ้าระบบจุดระเบิดช้าเกินไป จะทำให้กำลังงานที่ได้ลดลง และมีผลทำให้กินน้ำมันมากขึ้นด้วย หากรถยนต์มีอาการดังกล่าว ควรรีบแก้ไขโดยเร็ว


    อ้างอิงจาก : http://blog.eduzones.com/tenny/3951
     
  2. Ea"RT"h

    Ea"RT"h New Member VIP

    7,434
    191
    0
    ขอบคุณครับ
     
    l3oZo ถูกใจสิ่งนี้
  3. GAP_B11

    GAP_B11 Well-Known Member VIP

    6,314
    95
    48
    นั่งรถทัวปายยย ง่ายกว่าา อิอิ


    ล้อเล่นนะค๊าบบบบบบบบ
     
    l3oZo ถูกใจสิ่งนี้
  4. joeblack

    joeblack Well-Known Member Member

    1,284
    39
    48
    ขอบคุณครับ
     
    l3oZo ถูกใจสิ่งนี้
  5. l3oZo

    l3oZo New Member Privilege

    769
    52
    0

    สรุปไปวันไหนอ่าแก๊ป
     
  6. lancerck4

    lancerck4 Well-Known Member Member

    2,280
    52
    48
    ขอบคุงคับ
     
    l3oZo ถูกใจสิ่งนี้
  7. l3oZo

    l3oZo New Member Privilege

    769
    52
    0
  8. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    ขอบคุงกับ เพิ่มเติมจา... :D

    เอาตัวรอดอย่างไรจากอุบัติเหตุที่เจอบ่อยๆ 9 เหตุการณ์

    แม้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางอย่างดีแล้ว แต่ก็อาจเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นได้เสมอ จากหลายเหตุผล หลายเหตุการณ์ การรับมือและแก้ไขที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสียหายลงได้
    1. ยางแตก
    เมื่อยางระเบิดหรือแตกกระทันหัน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงความเร็วใด ต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคง พยายามรั้งไว้ให้ตรงทิศทาง อย่ากระชากเด็ดขาด ไม่ตกใจกดเบรกอย่างกระทันหัน เพราะรถยนต์อาจหมุนปัดเป๋เสียการทรงตัวได้ ให้ถอนคันเร่ง การลดความเร็ว สามารถใช้เบรกได้เพียงเบา ๆ และต้องเหยียบสลับกับการปล่อย เพื่อไม่ให้น้ำหนักถ่ายลงด้านหน้ามากเกินไป ถ้ายากที่แตกไม่ใช้ล้อขับเคลื่อนก็สามารถใช้เกียร์ช่วยในการลดความเร็วได้

    หากต้องการเปลี่ยนยาง ควรดึงเบรกมือก่อนการขึ้นแม่แรง ป้องกันรถยนต์ไหล แต่ถ้ามีที่สูบลมติดรถยนต์ไว้ และยางที่แบนไม่ได้รั่วเป็นรูขนาดใหญ่ ก็สามารถสูบลมยางให้แข็งกว่าปกติสัก 5-10 ปอนด์/ตารางนิ้ว และค่อย ๆ ขับต่อไปจนถึงร้านเปลี่ยนยางก็ได้
     
  9. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    2. เบรกแตก

    รถยนต์ทุกรุ่นในปัจจุบันใช้น้ำมันเบรกเป็นตัวถ่ายทอดแรงดันระหว่างการกดของเท้าไปยังผ้าเบรก เสมือนเป็นระบบไฮดรอลิกชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงอาจมีการรั่วซึมขึ้นได้ จากการรั่วของลูกยางตัวใดตัวหนึ่งหรือท่อน้ำมันเบรกรั่ว การถ่ายทอดแรงดันก็จะสูญเสียลงไป
    ระบบเบรกมักแบ่งการทำงานออกเป็น 2 วงจร อาจเป็นแบบล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง หรือเป็นแบบไขว้ล้อหน้าซ้าย-ล้อหลังขวา และล้อหน้าขวา-ล้อหลังซ้าย เผื่อว่าวงจรใดวงจรหนึ่งชำรุด เพื่อให้ระบบยังมีประสิทธิภาพการทำงานหลงเหลืออยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อเบรกแตกหรือน้ำมันเบรกเกิดการรั่วส่วนใหญ่มักหลงเหลือประสิทธิภาพการทำงานอยู่หลายสิบเปอร์เซ็นต์ หรืออีกไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งในอีกวงจร ตั้งสติให้มั่นคง เมื่อเหยียบแป้นเบรกลงไปแล้วลึกต่ำกว่าปกติ ต้องเหยียบซ้ำแรง ๆ และถี่ ๆ เพื่อใช้แรงดันในวงจรที่เหลืออยู่ ผ้าเบรกจะได้สร้างแรงเสียดทาน ขึ้นมาบ้างพร้อมกับการลดเกียร์ต่ำครั้งละ 1 เกียร์ จนกว่าจะถึงเกียร์ต่ำสุด แล้วค่อยใช้เบรกมือช่วย โดยการกดปุ่มล็อกค้างไว้ให้สุด เพื่อไม่ให้เบรกจนล้อล็อก ดึงขึ้นแล้วปล่อยสลับกันไป เพื่อลดความเร็ว ถ้าระบบเบรกชำรุดทุกวงจร ต้องใช้การลดเกียร์ต่ำช่วยเป็นหลัก แล้วค่อยดึงเบรกมือช่วย เมื่อไล่ลงจนถึงเกียร์ต่ำสุดแล้ว
    รถยนต์ที่ใช้ระบบเบรกที่มีเอบีเอส ถ้าต้องการเบรกกระทันหัน อย่าเหยียบแล้วปล่อยสลับกันถี่ๆ แบบเทคนิคการเบรกในยุคเก่า เพราะเอบีเอสจะตัดการทำงาน และไม่สามารถป้องกันการล็อกล้อได้ ต้องเหยียบลงไปให้แน่น ๆ แล้วควบคุมพวงมาลัยไปยังทิศทางที่ควรจะไป นั่นคือวิธีที่ถูกต้องเมื่อต้องเบรกกระทันหันในรถยนต์ที่มีเอบีเอส
     
  10. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    3.รถหลุดออกจากทาง

    อาจเป็นเพราะหักหลบสิ่งกีดขวางอย่างกระทันหัน ทำให้ไถลออกนอกเส้นทาง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ควรตั้งสติให้มั่น ไม่ควรเหยียบเบรกอย่างแรง เพราะอาจทำให้ล้อล็อกหรือลื่นไถลจนเสียการทรงตัว วิธีที่ถูกต้อง ควรลดความเร็วด้วยการแตะเบรกแล้วปล่อย พร้อมกับการลดจังหวะเกียร์เพื่อใช้เครื่องยนต์ช่วยในการชะลอความเร็วอีกเล็กน้อย นอกจากนั้นสายตายังต้องมองทางไปข้างหน้า เพื่อหลบสิ่งกีดขวาง ไม่ควรหักหลบทันทีเพราะอาจพลิกคว่ำได้
     
  11. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    4. คันเร่งค้าง (สายคลัตซ์ขาด ปั๊มคลัตซ์รั่ว)

    รถยนต์ที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา ถ้าสายคลัตซ์ขาดหรือปั๊มคลัตซ์รั่ว ไม่ได้หมายความว่ารถยนต์จะแล่นไม่ได้เลย ยังสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อนำรถยนตร์ออกจากพื้นที่เป็นระยะสั้นๆ โดยไม่ต้องเข็นหรือลากกันได้ไม่ยาก

    วิธีปฏิบัติคือ ตรวจสอบว่าเส้นทางข้างหน้าต้องว่างไม่น้อยกว่า 10-20 เมตร ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด เปิดสวิตซ์กุญแจ เข้าเกียร์ 1 ไว้ กดคันเร่งประมาณ 1-2 ชม. บิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ค้างไว้ ตัวรถยนตร์จะกระตุกเป็นจังหวะตามการหมุนของเครื่องยนต์และไดสตาร์ทเคลื่อนที่กระตุกไปทีละนิดจนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงาน ก็กดคันเร่งไปมากขึ้นเพื่อเร่งความเร็ว เกียร์จะไม่สามารถเปลี่ยนได้ แต่สามารถใช้ความเร็วได้เกือบเต็มที่ของความเร็วสูงสุดของเกียร์ 1 คือประมาณ 30-40 กม./ชม. ถ้าเส้นทางข้างหน้าว่างก็สามารถขับไปได้เรื่อย ๆ เมื่อต้องเบรก ก็กดแป้นเบรกลงไปเท่านั้น ปล่อยให้เครื่องยนต์ดับแล้วค่อยเริ่มออกตัวใหม่
     
  12. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    5. เครื่องยนต์ร้อนจัด

    ถ้าไม่ได้เกิดจากการรั่วซึมผิดปกติ แต่เกิดจากการหลงลืมเติมน้ำหม้อน้ำ ก็สามารถเต็มน้ำเข้าไปให้เต็มได้ เพราะถ้ามีการรั่ว เติมลงไปก็รั่วออกมาอีก การเติมน้ำ ต้องมีเทคนิคและใจเย็น จอดรถยนต์หลบในที่ปลอดภัย ดับเครื่องยนต์ รอให้เครื่องยนต์เย็นลงบ้าง หาผ้าหนา ๆ และผืนกว้างพอสมควร เช่น ผ้ายางรองพื้นในรถยนต์ คลุมฝาหม้อน้ำให้มิด แล้วบิดออกเล็กน้อยก่อน เพื่อให้แรงดันภายในคลายตัวออกบ้าง เมื่อแรงดันคลายตัวออกมามากในช่วงระยะเวลาประมาณ 2-3 นาที ค่อยๆ เปิดฝาหม้อน้ำต่อ ระวังไอหรือน้ำร้อนพุ่งขึ้นมา ต้องคลุมผ้าผืนหนาไว้ให้มิดชิดมาก ๆ อย่ารีบเติมน้ำลงไปในทันที ต้องรอให้เครื่องยนต์คลายความร้อน อาจต้องรอถึงกว่า 20-30 นาที การเติมน้ำต้องเติมครั้งละนิด ไม่ควรเกินครึ่งลิตรแล้วทิ้งช่วงสัก 5 นาที เพื่อให้น้ำที่เติมดึงความร้อนกระจายกันให้ทั่ว เพราะโลหะที่ร้อนจัดเมื่อถูกน้ำเย็นทันที จะหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนร้าวหรือเสียหายได้
     
  13. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    6. เมื่อมีรถยนต์แล่นสวนมาในเลน

    เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะในการขับบนถนน 2 เลนสวนกัน ขั้นแรกควรลดความเร็วลง แต่อย่ามากเกินไปจนรถที่ตามมาด้านหลังชนได้ มองกระจกด้านซ้ายเพื่อหาหนทางหนีทีไล่ พร้อมกระพริบไฟสูงและบีบแตรเตือนและเบี่ยงออกทางเลนซ้าย ไม่ควรหลบข้ามเลยไปในช่องทางของรถยนต์ที่แล่นสวนมา เพราะบ่อยครั้งคนขับเพิ่งรู้สึกตัวแล้วหักหลบเข้ามาจนทำให้เกิดการชนกันได้
     
  14. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    7. กระจกหน้าแตก

    มักไม่ค่อยมีปัญหาหากกระจกหน้าเป็นแบบลามิเนท 2 ชั้น ซึ่งมีแผ่นฟิล์มเหนียวคั่นกลาง เพราะจะไม่ร่วงเป็นเม็ดข้าวโพดเหมือนกระจกแบบเทมเปอร์ชั้นเดียว โดยแผ่นฟิล์มเหนียวตรงกลางจะเป็นตัวยึดไม่ให้เศษกระจกแยกออกจากกัน จึงทำให้พอมองทะลุผ่านและขับต่อไปได้ไกล ถ้าเป็นกระจกแบบเทมเปอร์ จะแตกรวดเร็วมาก เพียงจุดแตกเล็ก ๆ ทำให้เนื้อกระจกสูญเสียความแข็งแรง และเกิดรอยร้าวทั่วแผ่นเป็นฝ้าขาว จนไม่สามารถมองผ่านได้ ผู้ขับจึงต้องตั้งสติให้มั่นและค่อย ๆ ชะลอความเร็ว แล้วเบี่ยงรถยนต์เข้าสู่ไหล่ทาง ถ้าเหลือกระจกติดที่ขอบ ให้ใช่ไม้หุ้มผ้าหนา ๆ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ในการกระแทกเศษกระจกที่ยังติดอยู่บนขอบออกให้หมด โดยควรหากระดาษหรือผ้ารองบนแผงหน้าปิด และฝากระโปรงหน้า เพื่อป้องกันเศษกระจกหล่นลงในช่องแอร์หรือขูดขีดสีตัวถัง
    ขณะที่ขับรถยนต์ที่ไม่มีกระจกบังลมหน้า ควรปิดกระจกทุกบาน การเปิดกระจกหน้าต่างทำให้ลมมาปะทะคน และทำให้รถยนต์มีการทรงตัวไม่ดีจากลมที่ไหลผ่าน ถ้ามีแผ่นกันแดด หรือแว่นสายตาก็ควรนำมาใส่เพื่อป้องกันฝุ่นละออง และเศษกระจกที่อาจค้างอยู่
     
  15. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    8. สิ่งของตกอยู่บนถนน

    ไม่ควรแล่นทับ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายได้ ขั้นแรกควรลดความเร็ว หากช่องทางทั้งซ้าย-ขวาไม่มีรถยนต์แล่นตามหลังมา ให้หักหลบโดยพยายามเบี่ยงให้น้อยที่สุด เพราะการหักหลบมาก ๆ ในขณะที่ขับเร็ว รถยนต์อาจหมุนหรือปัดเป๋ได้ หากเลี่ยงไม่ได้ หลังการทับหรือชน ควรจอดรถและตรวจสอบชิ้นส่วนใต้ท้องรถว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น คันชัก คันส่ง ท่อส่งเชื้อเพลิง ถังน้ำมัน ยาง ฯลฯ
     
  16. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    9. สัตว์ขวางทาง

    ควรลดความเร็ว แต่ไม่ควรเบรกอย่างรุนแรงหรือหักหลบทันที เพราะอาจทำให้รถยนต์พลิกคว่ำได้ และไม่ควรหักหลบไปในช่องทางที่มีรถแล่นสวนมา หากไม่เร่งรีบ ควรปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นเดินจนพ้นจากถนน ไม่ควรบีบแตรไล่ เพราะอาจทำให้ตกใจและหันมาทำอันตรายได้ การแซงควรเลี้ยงไปด้านหลังของสัตว์ เพราะการตัดหน้าจะทำให้สัตว์ตกใจและเตลิด อันตรายต่อรถยนต์ในช่องทางอื่น
     
  17. Show Aof

    Show Aof Well-Known Member Privilege

    2,092
    49
    48
    ดีมากเลยครับ ^^
     
  18. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    ข้อควรรู้ก่อนเดินทางไกล

    ขับทางไกล ความเร็วเร็วเท่าไรจึงขับรถปลอดภัย!!
    เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ควรขับรถด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด.......

    บนทางหลวง ในเขตเทศบาล
    รถเก๋งหรือรถปิกอัพ ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.
    รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 60 กม./ชม.
    เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ควรขับรถด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด.......
    บนทางหลวง ในเขตเทศบาล
    รถเก๋งหรือรถปิกอัพ ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.
    รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 60 กม./ชม.
    บนทางหลวง นอกเขตเทศบาล
    ให้รถเก๋งหรือปิกอัพ ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม.
    รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 80 กม./ชม. และ
    บนมอเตอร์เวย์
    รถเก๋งหรือปิกอัพ ไม่เกิน 120 กม./ชม.
    รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ไม่เกิน 100 กม./ชม.ทั้งนี้ในเชิงเทคนิค ได้รับการพิสูจน์และยืนยันจากทั่วโลก การขับขี่รถที่ ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. นอกจากช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 15-20% ยังช่วยลดการตายบนถนนได้ 12-24% แต่ความเร็วดังกล่าว ไม่สามารถลดอุบัติเหตุได้ หากทุกคนประมาท เมามายขณะขับรถ และการไม่ร่วมมือกันปฏิบัติตามกฎหมาย
    ทั้งนี้ในเชิงเทคนิค ได้รับการพิสูจน์และยืนยันจากทั่วโลก การขับขี่รถที่ ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. นอกจากช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 15-20% ยังช่วยลดการตายบนถนนได้ 12-24% แต่ความเร็วดังกล่าว ไม่สามารถลดอุบัติเหตุได้ หากทุกคนประมาท เมามายขณะขับรถ และการไม่ร่วมมือกันปฏิบัติตามกฎหมาย
     
  19. DUKE_68

    DUKE_68 Well-Known Member Privilege

    6,189
    129
    63
    10 สัญญาณเตือนภัยของรถคุณ :D

    คนใช้รถทุกวันนี้ บางคนอาจจะแค่ขับไปทำงานแล้วกลับบ้าน บางคนก็ขับไปไกลๆ
    ถึงต่างจังหวัด มีหลายคนที่ขับอย่างเดียว โดยที่ไม่สนใจหรือเอาใจใส่รถของตัวเอง
    ว่ามีสิ่งผิดปกติอะไรบ้าง ทั้งที่รถทุกคันควรได้รับการดูแลและตรวจเช็คก่อนออก
    เดินทางทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในชีวิต
    "ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง" จึงแนะนำวิธีตรวจเช็ครถของคุณเบื้อ
    1. สัญญาณเตือน
    เราสามารถรับสัญญาณบอกอาการผิดปกติของรถได้ โดยใช้ประสาททั้ง 5 คือ การเห็น การฟังเสียง การได้กลิ่น การจับต้องชิ้นส่วนนั้น ๆ และการลองขับดู ถ้าสังเกตพบสิ่งผิดปกติต่อไปนี้ ให้รีบทำการตรวจเช็คและซ่อมแซมโดยเร็ว ก่อนที่จะเกิดความเสียหายต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ มากขึ้นกว่าเดิม
    2. เครื่องยนต์
    เครื่องยนต์คือหัวใจของรถ ถ้าเครื่องยนต์มีอาการดังนี้
    - เครื่องร้อนจัดเกินไป ขับไปได้ไม่เท่าไร ความร้อนก็ขึ้นสูงเสียแล้ว
    - เครื่องเย็นเกินไป แม้จะขับมาระยะทางไกลพอสมควรแล้ว เข็มวัดอุณหภูมิยังไม่กระดิก
    - มีเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนต์
    ควรนำเข้าตรวจสภาพที่ศูนย์บริการเฉพาะยี่ห้อ
    3. ยาง
    การสึกหรอของดอกยางแบบต่าง ๆ บอกเราได้ว่ายางผิดปกติไปอย่างไร
    - ดอกยางตรงกลางล้อ สึกหรอมากกว่าขอบ แสดงว่าเติมลมแข็งเกินไป
    - ดอกยางขอบล้อ สึกหรอมากกว่าตรงกลาง แสดงว่าเติมลมอ่อนเกินไป
    - ดอกยางสึกหรอข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่ามุมแนวตั้งของยางไม่ตรง
    - ดอกยางเป็นบั้ง ๆ แสดงว่าแนวของยางไม่ขนานกับแนวเคลื่อนที่ของรถ
    นำรถเข้าอู่เพื่อตั้งศูนย์ล้อ หรือปรับแรงดันลมยางใหม่
    4. คลัตซ์
    คลัตซ์ที่มีปัญหา จะทำให้ควบคุมเกียร์ไม่ได้ อย่าละเลยอาการเหล่านี้
    - คลัตซ์ลื่น หรือเข้าคลัตซ์ไม่สนิท หรือเหยียบแป้นคลัตซ์แล้ว แต่ยังเข้าเกียร์ได้ยาก
    - คลัตซ์มีเสียงดัง เมื่อเหยียบแป้นคลัตซ์
    - แป้นคลัตซ์สั่นขึ้น ๆ ลง ๆ ขณะกำลังขับ
    ควรนำรถเข้าอู่ซ่อมช่วงล่าง หรือศูนย์บริการเฉพาะยี่ห้อ
    5. เกียร์
    เกียร์จะทำหน้าที่เปลี่ยนแรงบิดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับความเร็ว
    สัญญาณบอกเหตุว่าเกียร์มีปัญหาคือ
    - มีเสียงดังทั้งในขณะอยู่ที่เกียร์ว่าง หรือเข้าเกียร์ใดเกียร์หนึ่งอยู่
    - เปลี่ยนเกียร์ยาก มีอาการติดขัด หรือต้องขยับอยู่นาน
    - มีเสียงดังขณะเข้าเกียร์ ทั้ง ๆ ที่เหยียบคลัตซ์แล้ว
    - ห้องเกียร์มีน้ำมันหล่อลื่นไหลออกมา
    ควรนำรถเข้าอู่ตรวจสอบห้องเกียร์
    6. พวงมาลัย
    พวงมาลัยที่มีปัญหาเหล่านี้ จะทำให้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ยางเฟืองท้ายชำรุดตามไปด้วย
    - พวงมาลัยหนัก หรือต้องใช้แรงมากผิดปกติในการบังคับเลี้ยว
    - พวงมาลัยหลวมเกินไป โดยมีระยะฟรีเกิน 1 นิ้ว
    - พวงมาลัยสั่นในขณะขับ
    ควรนำเข้าศูนย์บริการเฉพาะยี่ห้อ
    7. เบรก
    ถ้าพบว่าเบรกมีอาการผิดปกติ ต้องรีบแก้ไขทันที เพราะเบรกชำรุดนำมาซึ่งอุบัติภัยได้ง่ายที่สุด
    ยางเฟืองท้ายชำรุดตามไปด้วย
    - เบรกลื่น หยุดรถไม่อยู่ แม้จะไม่ได้ลุยน้ำ
    - เบรกแล้วรถปัดไปข้างใดข้างหนึ่ง
    - แป้นเบรกยังจมลึกลงไปทั้ง ๆ ที่ถอนเท้าออกมาแล้ว
    ควรนำรถเข้าอู่ซ่อมเบรกทันที

    8. ไฟชาร์จ
    ไฟชาร์จ ควรจะปรากฏขึ้นที่แผงหน้าปัดทุกครั้งที่เราสตาร์ทเครื่อง และเมื่อสตาร์ทติดแล้ว ครู่หนึ่งก็จะดับลง แต่ถ้าไฟชาร์จไม่สว่าง หรือสว่างแล้วไม่ยอมดับ อาจเกิดจากไดชาร์จผิดปกติหรือสาเหตุอื่น ๆ ก็ได้ ที่แน่ ๆ คือไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ รีบนำรถเข้าอู่ไดชาร์จหรือระบบไฟ
    9. หลอดไฟ
    หลอดไฟขาดบ่อย ๆ หรือต้องเติมน้ำกลั่นในหม้อแบตเตอรี่บ่อยเกินไป แสดงว่าอุปกรณ์ที่เราเรียกว่า "เรกูเลเตอร์" ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกระแสไฟให้เหมาะสมชำรุด ควรนำรถเข้าอู่ระบบไฟ เพื่อซ่อมเรกูเลเตอร์ หรือหากชำรุดก็อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่
    10. น้ำมันหล่อลื่น
    ถ้าสัญญาณไฟเตือนระบบน้ำมันหล่อลื่นสว่างขึ้นในขณะขับขี่รถยนต์ หมายถึงว่า เครื่องยนต์กำลังทำงาน โดยปราศจากน้ำมันหล่อลื่น รีบนำรถไปยังอู่ที่ใกล้ที่สุดทันที

    ถ้าอู่อยู่ไกล ให้เติมน้ำมันเครื่องใส่ลงในถังน้ำมันหล่อลื่นไปก่อนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ถ้าเป็นสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันหล่อลื่นแห้ง ควรใช้รถลากไปอู่ซ่อม
     
  20. KoKZillaa

    KoKZillaa New Member Member

    35
    0
    0
    ขอบคุณครับ
     
  21. GAP_B11

    GAP_B11 Well-Known Member VIP

    6,314
    95
    48

    เพื่อนมันจาไปกันวัน อาทิต

    เอารถเต่าไปกันงะ

    แก๊ปมีเรียนวันจัน ขาดไม่ได้ละ - -



    อดไป ------------------------------------ เหอๆ :cry::cry::cry:


    เที่ยวเผื่อด้วยเน้ออออ :):):)
     
  22. pornnirun

    pornnirun New Member Member

    1,929
    44
    0
    ความรู้ครับ
     
  23. procagivaracing

    procagivaracing New Member Member

    1,336
    21
    0
    เพิ่มเติมครับ

    1.คนขับเเละ ผู้โดยสารทุกคน ต้อง สวมหมวกกันนอค เเละชุดเเข่งให้พร้อม เสมอ

    2.ควรเปลี่ยนยางสลิคทั้งล้อหน้าเเละหลัง ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เเละเมื่อจอฝนตกให้หาร้านเปลี่ยนยางเพื่อเปลี่ยนเป็นยางฝน

    3.ขณะเดินทางควรเเวะเข้าปั้มน้ำมันทุกปั้ม เพื่อเช็คลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ

    4.ก่อนออกเดินทางควรพารถขึ้น ไดโน ว่ามีเเรงม้าต่ำกว่า 1000 เเรงม้า หรือไม่ ถ้าต่ำกว่าควรเซ็ตรถใหม่ เพื่อให้อัตราเร่งขณะเเซงเพิ่มขึ้น

    ปล.ขำขำนะครับอิอิ
     
  24. l3oZo

    l3oZo New Member Privilege

    769
    52
    0
    อิอิ ขอบคุณมั๊กมาก...น๊ะคร๊า....^^!
     
  25. KaMmY~*

    KaMmY~* New Member Member

    557
    16
    0
    ขอบคุณมากๆครับ
     
  26. มรดกพ่อ

    มรดกพ่อ New Member Member

    2,307
    29
    0
    โอ้โห ครบครันเชียว มีรูปอีกด้วย ขอบคุณครับ
     
  27. l3oZo

    l3oZo New Member Privilege

    769
    52
    0
  28. GAP_B11

    GAP_B11 Well-Known Member VIP

    6,314
    95
    48

    ตอนนี้ เพื่อนถึงเชียงไหม่ละงะ

    อยากไปหว่ะะะ เห้อออ :cry::cry::cry:
     
  29. MOO - VTEC

    MOO - VTEC New Member Member

    2,228
    74
    0
    ความรู้ทั้งนั้น
    ทุกคำตอบดีมากเลย
     
  30. numodlove

    numodlove New Member VIP

    1,408
    44
    0
    ขอบคุณครับ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้