ตามหัวข้อเลยครับพี่ ขอถามเป็นข้อๆเลยนะครับ จะได้สะดวกตอบ 1. ผมสงสัยว่าเรื่องไฟอ่อน ไฟแก่ มันคือการตั้ง TDC ใช่ไหมครับ แล้ว TDC มันอะไร ยังไง ช่วยอธิบายพอสังเขปหน่อยครับว่ามันสัมพันธ์กับไฟแก่ ไฟอ่อนอย่างไร (เอาภาษาบ้านๆเลยครับพี่ๆ ^^) 2. รถผม B11 ตอนจะตั้งไฟ ผมหันหน้าเข้าหารถ อยากทราบว่าถ้าเลื่อจานจ่ายเข้าหาตัวเรา คือไฟอ่อน หรือไฟแก่ครับ ขอบคุณครับ ^^
เอาแบบสอนนักเรียน ปวช.1 น๊ะครับ 1. คำว่า TDC ย่อมาจากคำว่า Top Dead Center แปลเป็นไทยตามตัวเลยคำ คือ จุดศูนย์ตายบน นั่นก็คือ จุดที่ลูกสูบเลื่อนขึ้นไปได้สูงสุด ดังนั้นจุด TDC เราขยับไม่ได้ 2. การทำงานของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จะมีจังหวะดูด อัด ระเบิด คาย ตามลำดับ 3. ตามทฤษฎีแล้ว หัวเทียนจะจุดระเบิด ตอนที่ลูกสูบเลื่อนขึ้นไปที่จุด TDC ในจังหวะอัด 4. แต่ตามความจริง หัวเทียนจะจุดระเบิด ก่อนที่ลูกสูบเลื่อนขึ้นไปที่จุด TDC ในจังหวะอัด แล้วแต่ภาระของเครื่องยนต์
แล้วคำว่า ไฟแก่ ไฟอ่อน หมายถึงอะไร สมมติว่า เครื่องยนต์เครื่องหนึ่ง กำหนดไว้ว่า จุดระเบิดที่ 5 องศาก่อนจุดศูนย์ตายบน ถ้าเครื่องยนต์จุดระเบิดก่อน เช่น 10 องศา 9 องศา 8 องศา 7 องศา 6 องศาก่อนศูนย์ตายบน เราจะเรียกกันว่าไฟแก่ แต่ถ้าเครื่องยนต์จุดระเบิดหลัง เช่น 4 องศา 3 องศา 2 องศา 1 องศาก่อนศูนย์ตายบน เราจะเรียกกันว่าไฟอ่อน
เราจะขยับจานจ่ายไปทางไหนไฟจะแก่หรืออ่อน ทำได้ง่าย ๆ คือ 1. ลำดับขั้นการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ คือ 1-3-4-2 หมายความว่า เมื่อสูบ 1 จุดระเบิดแล้ว สูบต่อไปที่จะจุดระเบิด คือสูบ 3 สูบ 4 และสูบ 2 ตามลำดับ แล้วเอามาใช้ประโยชน์อย่างไร 2. การตั้งจานจ่าย ให้จำคำว่า ตามอ่อน ย้อนแก่ หมายความว่า ถ้าเราขยับจานจ่ายตามทิศทางการหมุนของมันไฟจะอ่อน แต่ถ้าเราขยับจานจ่ายย้อนทิศทางการหมุนของมันไฟจะแก่ 3. แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าจานจ่ายหมุนไปทางไหน *** เปิดฝาครอบ แล้วลองสตาร์ทดู ว่าหัวโรเตอร์หมุนไปทางไหน ก็ได้ *** 4. แต่มีวิธีการดูที่ง่ายกว่านั้น คือ ให้ดูที่ฝาครอบว่าเส้นไหนเป็นของสูบ 1 แล้วหาสูบ 3 สูบ 4 และสูบ 2 ตามลำดับ 5. ถ้าทิศทางการหมุนที่เราหาได้ว่า หมุนตามเข็มนาฬิกา ดังนั้นถ้าเราหมุนตามเข็มนาฬิกา ไฟจะอ่อน แต่ถ้าเราหมุนทวนเข็มนาฬิกา ไฟจะแก่ 6. แต่ถ้าทิศทางการหมุนที่เราหาได้ว่า หมุนทวนเข็มนาฬิกา ดังนั้นถ้าเราหมุนทวนเข็มนาฬิกา ไฟจะอ่อน แต่ถ้าเราหมุนตามเข็มนาฬิกา ไฟจะแก่ ขอให้สนุกกับการหมุนจานจ่ายน๊ะครับ ดูหน่อยน๊ะครับว่าไฟรั่วหรือเปล่า ปะเดี๋ยวจะโดนดูดครับ
อาจารย์ครับ ขอถามต่อ ถ้ารถเราสายไฟหัวเทียนรั่ว มันจะมีอาการอย่างไรบ้างครับ เครื่องคาร์บู ขอบคุณครับ ^^ - - - Updated - - - อาจารย์ครับ ขอถามต่อ ถ้ารถเราสายไฟหัวเทียนรั่ว มันจะมีอาการอย่างไรบ้างครับ เครื่องคาร์บู ขอบคุณครับ ^^
เครื่องยนต์จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ การเผาไหม้จะสมบูรณ์ได้ ประกอบไปด้วยสามส่วนด้วยกัน คือ 1. อากาศ 2. เชื้อเพลิง 3. ประกายไฟ
อากาศ ที่ไหลเข้าเครื่องยนต์ จะต้อง 1. ไหลเข้าสะดวก (มีอะไรขวางกั้นไม่ให้ไหลสะดวกหรือไม่ เช่น กรองอากาศตัน) 2. สะอาด (ต้องผ่านการกรองเอาฝุ่นผง) 3. ปริมาณ (ต้องเพียงพอ สำหรับการเผาไหม้) 4. ความหนาแน่น (เพราะอากาศ อุณหภูมิสูง จะทำให้ความหนาแน่นลดลง พูดง่าย ๆ ยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไร ออกซิเจนในอากาศที่ใช้ในการเผาไหม้เชื้อเพลิง จะลดลง)
เชื้อเพลิง อันนี้แล้วแต่จะเลือกใช้อะไรให้เหมาะสมกับรถและตัวเรา เมื่ออากาศและน้ำมันเชื้อเพลิง ผสมกันเราจะเรียกกันว่า ไอดี ถ้าเป็นเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ ตัวคาร์บู ฯ นั่นแหล๊ะ จะเป็นตัวสร้างไอดี คือเอาอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงมาผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการของเครื่องยนต์
การทำงานของเครื่องยนต์ จังหวะดูด จะดูดเอาไอดีเข้าไปไว้ในกระบอกสูบ จังหวะอัด จะอัดไอดีให้มีอุณหภูมิและแรงดันสูงขึ้น *** ถ้าเครื่องยนต์ของเรากำลังอัดไม่ดีแล้ว เช่น กระบอกสูบ ลูกสูบ แหวนลูกสูบสึกหรอ ลิ้นไอดี ลิ้นไอเสียรั่ว ทำให้ในจังหวะอัด อุณหภูมิและแรงดันลดลงกว่ามาตรฐาน *** จังหวะระเบิด หัวเทียนจะจุดประกายไฟ ทำให้เกิดการเผาไหม้ไอดีที่ถูกอัดไว้ในจังหวะอัด *** ถ้าจังหวะอัด ไอดีถูกอัดตัวให้มีอุณหภูมิและแรงดันสูงพอ เมื่อเจอกับประกายไฟจากหัวเทียนที่เหมาะสม การเผาไหม้ก็จะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ให้กำลังออกมาอย่างเต็มที่ *** ถ้าจังหวะอัด ไอดีถูกอัดตัวให้มีอุณหภูมิและแรงดันสูงพอ เมื่อเจอกับประกายไฟจากหัวเทียนที่น้อยลง การเผาไหม้ก็จะเกิดขึ้นได้อย่าง.................................... *** ถ้าจังหวะอัด ไอดีถูกอัดตัวให้มีอุณหภูมิและแรงดันน้อยกว่ามาตรฐาน เมื่อเจอกับประกายไฟจากหัวเทียนที่เหมาะสม การเผาไหม้ก็จะเกิดขึ้นได้อย่าง.................................... *** ถ้าจังหวะอัด ไอดีถูกอัดตัวให้มีอุณหภูมิและแรงดันน้อยกว่ามาตรฐาน เมื่อเจอกับประกายไฟจากหัวเทียนที่น้อยลงอีก การเผาไหม้ก็จะเกิดขึ้นได้อย่าง....................................
หยุดหลายวันว่างจัดเลยเปรียบเทียบง่าย ๆ ให้งงเล่น ระหว่าง การประปา กับ แบตเตอรี่ การประปาจ่ายน้ำให้กับประชาชน เปรียบเสมือน แบตเตอรี่จ่ายไฟให้กับคอล์ยจุดระเบิด การประปาจ่ายน้ำให้กับงานอื่น เปรียบเสมือน แบตเตอรี่จ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าอื่น ๆ แต่ที่เหมือนกันคือทั้งการประปาและแบตเตอรี่ มีกำลังผลิตที่แน่นอน ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้
มาตรวัดน้ำ เปรียบเสมือน คอล์ยจุดระเบิด ถ้าแรงดันน้ำที่เข้ามาตรวัดน้ำดี ก็เปรียบเสมือน แรงเคลื่อนไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เข้าคอล์ยจุดระเบิดดี ถ้าไม่ดีทั้งคู่ ก็ลองคิดดูครับ
ท่อประปาภายในบ้าน เปรียบเสมือน สายหัวเทียน ท่อประปาขนาดใหญ่ ปริมาณน้ำไหลได้มากและสะดวก สายหัวเทียนขนาดใหญ่ ปริมาณกระแสไฟไหลได้มากและสะดวก แล้วทำไมไม่ใช้ท่อประปาภายในบ้าน ขนาด 2 นิ้ว หรือใช้สายหัวเทียน ขนาด 20 mm
ถ้าเครื่องซักผ้าเราต้องการน้ำปริมาณหนึ่งในการทำงาน แต่ท่อประปาที่ต่อมายังเครื่องซักผ้าเกิดการรั่ว จะเกิดอะไรขึ้นในการทำงานของเครื่องซักผ้า ในทางกลับกัน ถ้าเครื่องยนต์ของเราต้องการประกายไฟจากหัวเทียนปริมาณหนึ่ง แต่สายหัวเทียนเกิดการรั่ว จะเกิดอะไรขึ้นกับการเผาไหม้ของเครื่องยนต์
การทำงานของเครื่องยนต์ถ้าต้องการให้ทำงานอย่างสมบูรณ์ 1. กำลังอัดของเครื่องยนต์ต้องอยู่ในค่ามาตรฐาน แตกต่างกันไม่เกิน 5 % ในแต่ละสูบ 2. ไฟแรงสูงที่ไปจุดประกายไฟที่หัวเทียนแต่ละหัวต้องเพียงพอกับความต้องการ *** แต่ถ้าหัวเทียนหัวหนึ่งหัวใด ประกายไฟไม่เพียงพอในการเผาไหม้ แต่ที่เหลืออีกสามหัวประกายไฟเพียงพอ ทำให้การเผาไหม้ของสามสูบดี แต่อีกสูบไม่ดี เครื่องยนต์จะเป็นอย่างไร ****
ก็กลายเป็น Eco car ครับอาจารย์ รถ 3 สูบ อิอิ ^^ แซวเล่นนะครับอาจารย์ ขอบคุณครับสำหรับคำอธิบาย ตอนนี้เคลียร์แล้วครับ - - - Updated - - - ก็กลายเป็น Eco car ครับอาจารย์ รถ 3 สูบ อิอิ ^^ แซวเล่นนะครับอาจารย์ ขอบคุณครับสำหรับคำอธิบาย ตอนนี้เคลียร์แล้วครับ + อ้างถึง ตอบกลับ