กล้องดังกล่าวแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ตัวกล้อง 2.ตัวเซ็นเซอร์ 3.ตัวคอมพิวเตอร์ประเมินผล เมื่อไฟแดงทำงาน ตัวเซ็นเซอร์ทำงาน มีการฝ่าไฟแดงออกไปกล้องจะถ่ายภาพจากนั้นจะ ประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โคนเสาซึ่งเป็นกล่องเหล็ก ตัวคอมพิวเตอร์ก็จะส่งข้อมูลมาที่ศูนย์สั่ง การและควบคุมจราจร (บก.02) มาขึ้นที่จอมอนิเตอร์ใน บก.02 โดยเครื่องจะอ่านอัตโนมัติว่าเป็นรถ ของใคร ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจจราจร ได้เชื่อมต่อเครือข่ายกับกรมการขนส่งที่ศูนย์รัตนาธิเบศร์ เพื่อบอกสีรถ ยี่ห้อรถ ชื่อเจ้าของรถ เมื่อได้รายละเอียดจึงพิจารณาพิมพ์หมายหรือใบสั่งต่อไป โดยผู้ทำผิดกฎจราจรจะถูกกล้องบันทึกภาพไว้ เมื่อหลักฐานครบถ้วนเจ้าหน้าที่จะแนบหมาย เรียกส่งไปถึงบ้าน ซึ่งภาพที่ส่งไปจะมี 3 ภาพ คือ ภาพก่อนการกระทำความผิด ภาพขณะกระทำความผิด และภาพเฉพาะทะเบียนรถ โดยในภาพจะปรากฏชื่อสถานที่ วันเวลากระทำความผิด ความเร็วของรถ เห็นทั้งตัวรถและไฟสัญญาณ โดยจะส่งให้ภายใน 7 วัน หลังกระทำความผิด โดยเจ้าของจะต้องมาชำระ ค่าปรับตามที่กำหนดไว้ในหมาย นอกจากเสียค่าปรับแล้วยังมีการตัดแต้มคะแนนอีกด้วย ใครที่ทำผิดกฎจราจรแล้วถูกจดหมายใบสั่ง จะต้องมาชำระค่าปรับตามจุดเปรียบเทียบปรับที่ จัดไว้ คือ จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกจตุจักร จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกบางนา จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกตลิ่งชัน จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกบางขุนเทียน สน.คู่ขนานลอยฟ้า สน.ใต้ทางด่วนพระราม 4 สน.ตู้กำแพงเพชร สน.วิภาวดี จุดเปรียบเทียบปรับ(บก.จร.เก่า) ภายใน 7 วัน อัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 สำหรับรถคันแรกที่ทำผิดประเดิมกล้องไฮเทค ถูกบันทึกภาพไว้ได้ตอนตี 4 วันที่ 30 ธันวาคม บริเวณแยกอโศกสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตคลองเตย เป็นรถยนต์หมายเลข ทะเบียน ทร-59 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์แท็กซี่ ของสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร เลขที่ 1296/67-68 ถ.กรุงเทพ-นนทบุรี แขวงและเขตบางซื่อ กทม. นอกจากนี้ยังมีอีกหลายร้อยรายที่ถูกกล้องจับบันทึกไว้ ใครเป็นใครต้องลุ้นกันตอนรับจดหมาย!!? "โครงการระบบตรวจจับสัญญาณไฟจราจร เป็นหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการให้ผู้ขับขี่มีวินัย ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ทางกองบัญชาการตำรวจจราจร จึงได้ทดลองนำกล้องระบบตรวจจับผู้ฝ่าฝืน สัญญาณไฟจราจรมาใช้ แค่ช่วงทดลองก็พบว่าในแต่ละคืนมีคนทำผิดกฎจราจรกว่า 2 พันราย เพราะกลางคืนไม่มีตำรวจอยู่กลางสี่แยก ซึ่งกลายเป็นช่องว่างทำให้คนไม่เคารพกฎหมายทำผิดกฎจราจรและอาจเกิด อุบัติเหตุขึ้นได้ เมื่อมีการติดตั้งกล้องอิเล็กทรอนิกส์ช่วยจับผู้กระทำผิด ก็จะเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่และลดการเกิดอุบัติเหตุได้ "นอกจากนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวยังลดความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้รถใช้ถนนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะการทำผิดจะถูกบันทึกไว้เป็นภาพถ่ายที่เห็นชัดเจน โดยทางบก.จร.จะส่งหมายเรียกให้มาชำระค่าปรับ แต่ถ้าหากไม่มาก็จะทำเรื่องไปยังกองทะเบียนเพื่ออายัดการต่อทะเบียนทันที ซึ่งการติดตั้งกล้อง เหล่านี้หากมีหลายๆ แยก ก็จะเป็นการดี อย่างน้อยก็จะทำให้ผู้ขับขี่เกรงกลัว แม้ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำแยก ซึ่งประโยชน์สูงสุดในการมีเครื่องตรวจจับชิ้นนี้ คือ ลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนเอง และยังเป็นการลดกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้แบ่งไปตรวจตราความเรียบร้อยด้านอื่นแทน" พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว ถ้าผู้ใช้รถใช้ถนนมีวินัยไม่ทำผิดกฎจราจร ก็คงไม่ต้องสิ้นงบไปกับอุปกรณ์เหล่านี้!!
ชอบมากๆๆ กฏหมายนี้อ่ะ โคตรเกลียดพวกชอบผ่าไฟแดงเลย ขับตอนกลางคืน เวลาเจอไฟเขียว ต้องลุ้นระทึกว่าจะมีพวกชอบผ่าออกมาหรือเปล่า
มอไซอ่ะตัวดีเลย ไม่รู้จะรีบไปไหน รถไม่มีหน่อยก็บิดแปร๊ดดดไปและ ไฟแดงเค้ามีไว้ให้หยุดนะคร้าบ ไม่ใช่ไมมีรถแล้วไปได้ รถเค้าไม่ได้ทำจากนุ่นหรือฟองน้ำนะจ๊ะ หุหุ ระวังกันหน่อยก็ดีนะ
คราวนี้แหล่ะ พวกแท๊กซี่ที่ชอบผ่าไฟแดงจะได้โดนจับกับระนาวเลย ไม่รู้จะรีบไปไหนของมัน จอดรอไฟแดงอยู่ยังมาเปิดไฟสูงไล่อีกไอ้พวกนี้!!
บางทีผมไม่กล้าเบรคนะ เจอ taxi กดดันแม่งจี้อยุ้ได้ เวง แต่สุดท้ายก็เบรคประมาณว่า แค่10 กว่าวิมึงอยากแซงไปโดนชนจอดเป็นชม.ก็เรื่องของมัน ง
อืมๆ ก็ช่วยได้ระดับนึง แต่ถ้า เจ้าของรถไม่ได้ขับขี่เอง ก็ซวยไป เพราะไม่ได้มีรูปคนขับในขณะนั้นที่กระทำการฝ่าฝืนสัณญาณ (เหมือนเมืองนอกเขาทำกัน) หรือ เจอทะเบียนรถที่ทำการปลอมแปลงมาก็ไม่ได้เรื่องอีก
ดีครับ มีกล้องแบบนี้ น่าจะลดอุบัติเหตุได้เยอะ แต่จริงๆไม่น่าบอกว่าติดแยกไหนบ้าง เพราะพอรู้ว่าแยกนี้ไม่มีกล้อง เดี๋ยวก็ฝ่าอีก
ฝ่าไฟแดงอันตรายมากเลยอะ ยิ่งดึกๆนี่ขอร้องเลยครับ เห็นหลายทีแล้ว บวกขึ้นมาไม่เจ็บก็ตายครับ + อ้างถึง ตอบกลับ