มิตซูบิชิ กาแลนต์ (Mitsubishi Galant) เป็นรถยนต์ขนาดครอบครัว ผลิตโดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ตั้งแต่ ค.ศ. 1969 ถึงปัจจุบัน โดยแบ่งวิวัฒนาการออกเป็น 9 เจเนอเรชัน(โฉม) โดยกาแลนต์โฉมที่ 1-7 จัดเป็นรถขนาดเล็ก (Compact Car) แต่กาแลนต์โฉมที่ 8 เป็นต้นมา จัดเป็นรถขนาดกลาง (Mid-size Car) และเมื่อพิจารณาแล้ว กาแลนต์ ถือเป็นรถรุ่นที่เทียบได้ใกล้เคียงกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด และ โตโยต้า คัมรี่ มาก โดยกาแลนต์โฉมต่างๆ มีลักษณะและประวัติดังนี้
Generation ที่ 1 (ค.ศ. 1969-1973) มิตซูบิชิ กาแลนต์ โฉมที่ 1กาแลนต์โฉมแรกนี้ รู้จักกันดีในชื่อ Colt Galant ใช้เครื่องยนต์ชื่อ Saturn Engine ขับเคลื่อนรถ โดยมีเครื่องยนต์ 4G30 (1.3 ลิตร) และ 4G31 (1.5 ลิตร) ในช่วงแรก กาแลนต์มีเฉพาะรถ Sedan 4 ประตู แต่ต่อมาก็มีการผลิตรถ Sedan 2 ประตูขึ้นใน ค.ศ. 1970 และในปีเดียวกัน ก็มีการผลิตกาแลนต์เป็นรถ Coupe (รถสปอร์ต) ขายในชื่อ Mitsubishi Galant GTO ซึ่งนำไปสู่การผลิตรถสปอร์ตรุ่น Mitsubishi FTO ใน ค.ศ. 1994 ค.ศ. 1971 กาแลนต์โฉมนี้ถูกส่งออกไปยังอเมริกา ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกของมิตซูบิชิที่มีขายใน สหรัฐอเมริกา (ในสหรัฐอเมริกา กาแลนต์มีชื่อว่า Dodge Colt)
Generation ที่ 2 (ค.ศ. 1973-1975) โฉมที่ 2กาแลนต์โฉมนี้ ส่งออกในหลายประเทศมากขึ้น เป็นตัวช่วยขยายตลาดการส่งออกของมิตซูบิชิได้ดี มีการส่งขายกาแลนต์ไปยังประเทศออสเตรเลีย ประเทศแคนาดา และ ทวีปยุโรป ใช้เครื่องยนต์ชื่อ Astron Engine ช่วยเพิ่มแรงม้า ลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงดังจากเครื่องยนต์ โฉมนี้ มีตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู และ Coupe 2 ประตู
Generation ที่ 3 (ค.ศ. 1976-1980) โฉมนี้ ในช่วงแรกยังมีตัวถัง 2 แบบดังโฉมที่ 2 โดยในประเทศญี่ปุ่น จะเรียกรถ Sedan 4 ประตูว่า Galant Sigma และเรียกรถ Coupe 2 ประตูว่า Galant Lambda แต่ต่อมา มีการสร้างเป็นรถแบบ Station Wagon 5 ประตู กาแลนต์โฉมที่ 3 ได้รับรางวัล Car of the Year ของ ประเทศแอฟริกาใต้ ประจำปี ค.ศ. 1977
Generation ที่ 4 (ค.ศ. 1980-1983) โฉมนี้ กาแลนต์เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ชื่อ Sirius แต่ในรุ่นที่ราคาถูก จะใช้เป็นเครื่องรุ่น Astron 4D55 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ในรถเก๋งรุ่นแรกที่ใช้น้ำมันดีเซล และนอกจากนี้ กาแลนต์ในโฉมนี้ เริ่มเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีดอิเลกทรอนิกส์ แทนเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันและเพิ่มอัตราเร่ง กาแลนต์ในโฉมนี้ มีการพัฒนาประสิทธิภาพอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยให้สูงขึ้น ท้ายรถบรรจุของได้มากขึ้น และมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเสียงในห้องโดยสาร ช่วยให้เสียงเครื่องยนต์รบกวนในห้องโดยสารลดลง กาแลนต์โฉมนี้ ได้รางวัลอีกครั้ง คือรางวัล Car of the Year ของ ประเทศนิวซีแลนด์ ประจำปี ค.ศ. 1981 โดยทั่วไปแล้ว กาแลนต์โฉมที่ 4 เลิกผลิตใน ค.ศ. 1983 แต่ในออสเตรเลีย มีการผลิตโฉมที่ 4 นี้ไปจนถึง ค.ศ. 1987 เลยทีเดียว
Generation ที่ 5 (ค.ศ. 1983-1990) โฉมที่ 5 เปลี่ยนไปใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มีการใช้เครื่องยนต์ทั้ง Astron และ Saturn ขนาดลูกสูบตั้งแต่ 1.6 ไปจนถึง 3.0 ลิตร เริ่มหายไปจากท้องตลาดใน ค.ศ. 1987 เมื่อกาแลนต์ผลิตโฉมที่ 6 ออกมา กาแลนต์โฉมนี้ ได้รับรางวัล Golden Steering Wheel ในประเทศเยอรมนี
Generation ที่ 6 (ค.ศ. 1987-1993) โฉมที่ 6 นี้ กาแลนต์มีความสูงมากขึ้น และเริ่มมีความโค้งมน ซึ่งต่างจากรถทั่วไปที่สมัยนั้นจะเป็นเหลี่ยมๆ และได้รับรางวัล Car of the Year Japan ประจำปี ค.ศ. 1987 และกลายเป็นเทรนด์รถยนต์ที่มาแรงในยุคนั้น เริ่มมีการนำรถกาแลนต์ไปใช้เป็นรถสปอร์ตกับรถแรลลี่ ทำให้รถกาแลนต์โฉมที่ 6 ใหญ่กว่าโฉมก่อนไม่มากนัก เพราะต้องการเน้นความเพรียวกระชับแบบรถสปอร์ต ทิ้งความเป็นรถครอบครัวขนาดใหญ่ไปชั่วขณะ (แต่การนำกาแลนต์ไปทำรถสปอร์ต เริ่มเกิดขึ้นจริงๆ ในยุคของโฉมที่ 2 แต่ไม่เป็นที่นิยม ในยุคโฉมที่ 2-5 ถือกันว่ากาแลนต์คือรถครอบครัว แต่ว่าโฉมที่ 6-7 นี้ กาแลนต์เพรียวกระชับจนแทบจะนับได้ว่าเป็นรถสปอร์ต)
Generation ที่ 7 (ค.ศ. 1992-1998) โฉมที่ 7 เป็นโฉมสุดท้ายที่กาแลนต์ถูกจัดอยู่ในประเภทรถยนต์ขนาดเล็ก เนื่องจาก มิตซูบิชิ แลนเซอร์ รถยนต์อีกรุ่นที่มีขนาดเล็กกระชับกว่า (แต่ก็ใช้เป็นรถครอบครัวขยาดย่อมได้เช่นกัน) เริ่มมีความนิยมนำไปใช้เป็นรถสปอร์ตมากขึ้น เนื่องจากการที่คนซื้อกาแลนต์ในช่วงโฉมที่ 5 มีสัดส่วนไม่น้อยที่ต้องการซื้อกาแลนต์ไปใช้เป็นรถสปอร์ต แต่เมื่อรถสปอร์ตของมิตซูบิชิในใจผู้ซื้อมีแลนเซอร์เข้าแทนที่ ทำให้กาแลนต์เริ่มมีความนิยมลดลง กาแลนต์โฉมนี้ แม้จะพยายามใส่ Options รถสปอร์ตไปมากขึ้น แต่ความนิยมก็ไม่ได้เพิ่มมา โฉมที่ 7 จึงเป็นโฉมที่ กาแลนต์ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าโฉมอื่นนัก
Generation ที่ 8 (ค.ศ. 1999-2003) มิตซูบิชิ กาแลนต์ โฉมที่ 8จากความผิดพลาดทางการตลาดที่มิตซูบิชิประสบกับกาแลนต์ในช่วงโฉมที่ 7 ในโฉมที่ 8 นี้จึงละทิ้งความเป็นรถสปอร์ตของกาแลนต์ลง ยุติการผลิตตัวถัง Coupe หันมาเป็นรถยนต์ขนาดกลางสำหรับครอบครัวแทน แล้วกาแลนต์ก็กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยรางวัล Car of the Year Japan โฉมนี้มีการคิดค้นระบบเกียร์แบบกึ่งอัตโนมัติ (semi-automatic) มาใช้ควบคู่กับระบบเกียร์ธรรมดา (manual) และเกียร์อัตโนมัติ (automatic)
โฉมที่ 9 (ค.ศ. 2004-ปัจจุบัน) มิตซูบิชิ กาแลนต์ โฉมที่ 9โฉมนี้ กาแลนต์มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีลักษณะดูดีขึ้น ทางมิตซูบิชิได้นำไปแสดงในงานมอเตอร์โชว์ระดับนานาชาติ ด้วยขนาดใหญ่ขึ้น Options มากขึ้น แต่ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า และมีราคาที่ถูกลง
หลายรุ่นเหมือนกันนะเนี่ยะ CLICK! [media]http://www.youtube.com/watch?v=3JQtEmBAhVg[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=W5PBBgkov1c[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=rlvL-8cdXcw[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=63LVk29qMVU[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=OFs7i-VVxYo[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=u0he0MPOXgU[/media]
หลายรุ่นเหมือนกันนะเนี่ยะ CLICK! [media]http://www.youtube.com/watch?v=3JQtEmBAhVg[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=W5PBBgkov1c[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=rlvL-8cdXcw[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=63LVk29qMVU[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=OFs7i-VVxYo[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=u0he0MPOXgU[/media] [media]http://www.youtube.com/watch?v=NQWEr47qOAw[/media]
... ดีใจที่ยังมีคนคิดถึง Galant รูปใน Gen.7 เป็นรูปรถที่ขายในอเมริกาครับ ภายนอกต่างจากตัวที่ขายในญี่ปุ่นกับบ้านเรานิดหน่อย
ผมเองก็เคยเอากาแลนท์ รอยัล มาเล่นเหมือนกัน จำได้ว่าเอามาวางเครื่อง 4G 63T ขับสนุกดีเหมือนกัน เบาะหลังปรับเอนเป็นเตียงนอนได้อีกต่างหาก