เกร็ดน่ารู้เรื่องสุขภาพ‏

การสนทนาใน 'TOMARU' เริ่มโดย กล้วย910, 28 กรกฎาคม 2009

< Previous Thread | Next Thread >
  1. กล้วย910

    กล้วย910 Well-Known Member Super Moderator VIP

    3,146
    41
    48
    ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด
    ยาคุมกำเนิด ทำให้กระดูกบางลงได้
    นำไปสู่ปัญหากระดูกพรุน
    เมื่อแก่ตัวลง ดังนั้นหากจำเป็นต้องกินหรือฉีดยาเหล่านี้
    ก็อย่าลืมหมั่นกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง
    เช่น ผักใบเขียวเข้ม ปลาเล็กปลาน้อย ฯลฯ
    หรือทานแคลเซียมเสริมไว้ด้วย...
    ที่มา : Canadian Medical Association Journal, October 2001



    ผู้หญิงชอบดื่มพึงระวัง
    คุณผู้หญิงที่ชอบดื่มพึงระวังเพราะร่างกายคุณ
    จะซึมซับแอลกอออล์ได้เร็วกว่าผู้ชาย ( เมาเร็วกว่า)
    แล้วคุณยังมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม
    ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ดื่มถึง 50%
    แถมยังกระดูกเปราะกว่ากันมาก
    เพราะเหล้าจะเข้าไปทำลายเนื้อกระดูก( bone mass) ของคุณ...
    ที่มา : Rethinking Drinking" Reader's Digest, December 2001



    นั่งรถตรงไหนปลอดภัยที่สุด
    นั่งรถเก๋งที่เบาะหลังตรงกลางปลอดภัยที่สุด
    รองลงมาคือ ที่นั่งด้านหลังทางซ้าย (หลังคนนั่งข้างคนขับ)
    เพราะตามสถิติอุบัติเหตุจะเกิดทางด้านหน้า และ ด้านคนขับมากกว่า
    และหากมีคนนั่งรถไปกับคุณด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
    จะลด อันตรายจากอุบัติเหตุการชนด้านหน้ารถลงไปด้วย...
    ที่มา : The Seattle Times, November 11, 2001
    ( ข้อมูลจาก http://www.thaihealth.or.th/th/index_th.php )



    ทานกะหล่ำปลีดิบมีพิษนะ
    ในกะหล่ำปลีดิบจะมีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน ( Goibrogen)
    ซึ่งเป็นสารที่จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีน
    ไปสร้างเป็น ฮอร์โมนไทร๊อกซิน ( Thyroscine) ได้
    ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอก
    แต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ โดยการต้ม
    จึงควรรับประทานกะหล่ำปลีสุก
    จะดีกว่ากะหล่ำปลีดิบ



    ถั่วงอกดิบมีโทษครับ
    ในผักสดบางชนิดมีสารพิษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ในถั่วงอก
    มีสารพิษพวกที่เรียกว่าไฟเตต ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะ
    ไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร
    ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นเข้าร่างกาย
    ร่างกายจะเป็นโรคขาดแร่ธาตุ
    สารพิษเหล่านี้สามารถทำลายได้โดยการต้ม
    จึงควรรับประทานถั่วงอกสุขดีกว่าถั่วงอกดิบ



    วิธีป้องกันตะคริว
    ตะคริวเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่
    การดื่มน้ำและ รับประทานผลไม้สดมากๆ
    จึงช่วยลดการเป็นตะคริวได้...
    ที่มา : Health& Fitness Column, Detroit News,
    August 22, 2001



    อดนอนบ่อยๆ ระวังเป็นเบาหวาน
    ร่างกายที่ไม่ได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม
    จะใช้อินซูลินได้น้อยลง
    คนอดนอนบ่อยๆ จึงมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานสูงกว่าปกติ...
    ที่มา : The Seattle Times, July 22, 2001



    ตรวจฉี่ด้วยตัวเอง
    ร่างกายแต่ละคนต้องการน้ำไม่เท่ากัน
    แพทย์แนะนำว่าควรดื่มมาก พอที่จะถ่ายปัสสาวะได้ทุกๆ 3-4 ชั่วโมง
    หากปัสสาวะคุณเป็นสีเหลือง เข้มกว่าปกติ แสดงว่าคุณกำลังขาดน้ำ...
    ที่มา : Health & Fitness Column, Detroit News, August 22, 2001



    เนยแท้ vs เนยเทียม
    เนยแท้ๆ ที่ทำมาจากนม อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายกว่าเนยเทียม
    หรือมาร์การีนซึ่งไม่มีประโยชน์เลยแถมเป็นพิษต่อร่างกายอีกต่างหาก
    แต่ไม่ควรจะบริโภคเนยให้มากนักเพราะมากไป
    ก็ทำให้เป็นโรคหัวใจ และความดันได้ง่าย...



    วิธีชะลอความแก่ 7 ประการ
    เรื่องความชราที่มาเยือนนั้นเป็นไปตามวัยก็จริง
    แต่หนุ่มสาวสมัยนี้กลับ "แก่ก่อนวัย"
    ถึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า "ทุกอย่างนั้นอยู่ที่ใจ"
    เคล็ดลับเหล่านี้ได้จาก น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์
    สูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    ๑.ต้องไม่อยากแก่...
    ต้องตั้งใจคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวเอาไว้
    และต้องปฏิบัติควบคู่ไปทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
    ๒.มีใจเป็นหนุ่มสาว..
    คือ รักอิสระ มองโลกในแง่ดีและที่สำคัญมีความหวังเสมอ
    หรือการคบเพื่อนที่อายุน้อยกว่าก็เป็นวิธีการที่ดี
    ๓.ลดความเครียด..
    เลิกเอาคิ้วผูกโบได้แล้ว ลองยิ้มให้มากขึ้น
    ถ้าไม่รู้จะยิ้มอย่างไรก็ลองยิ้มกับกระจกเงาที่บ้านดูสิ
    ๔.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ..
    ออกกำลังการอย่างน้อย 15 นาทีจะดี
    ๕.กินอาหารต้านชรา..
    พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย
    เช่น พืชผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
    ๖.นอนหลับเพียงพอ..
    เราควรจะนอนให้เพียงพอกับร่างกาย
    ที่ดีที่สุดควรนอนก่อนสี่ทุ่มจะดีที่สุด
    ๗.ความรัก..
    ความรักเท่านั้นที่จะช่วยให้คนสดชื่น กระชุ่มกระชวย
    ทั้งความรักของคนหรือสัตว์ ก็จะช่วยให้เราหัวใจเบิกบาน



    ขนมเด็กเคลือบยาพิษ Safe Stamp ระวัง !
    อันตรายจากอาหารขบเคี้ยว ข้อมูลจากการสำรวจ
    ของราชพฤกษ์โพล
    คณะสาธารณะสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    ซึ่งเก็บตัวอย่างจากขนมหลายประเภท
    จากโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา จำนวน 40 โรงเรียน
    ในพื้นที่ 17 เขตของกรุงเทพมหานคร
    พบว่าภัยร้ายที่แฝงอยู่ในขนมเด็ก
    โดยเฉพาะสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย
    ขณะเดียวกันก็ยังพบสารอันตรายอื่นๆ
    โดยเฉพาะเกลือโซเดียมในปริมาณมากน้อยต่างกันไป
    ซึ่งหากบริโภค มากจนตกค้างสะสมในร่างกาย
    อาจมีผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองได้
    10 อันดับขนมขบเคี้ยวประเภทข้าว แป้ง
    ที่พบปริมาณโซเดียมสูงสุดดังนี้
    1. ข้าวเกรียบปลาหมึก ตราอาริงาโตป้ง
    2. ขนมทอดกรอบตราปูไทย ซองส้มเข้มป้ง
    3. ข้าวเกรียบทอด ตราเอสบี รสพริกหยวกี่
    4. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราฮานามิ รสเม็กซิกันชิลลี่ษ
    5. แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตราโรลเลอร์ โคสเตอร์
    รสหัวหอมทรงเครื่อง
    6. แป้งข้าวโพดอบกรอบ ตราโจโต้ รสปลาหมึก
    7. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราคาลบี้ รสต้มยำรสแซบ
    8. ข้าวเกรียบปลา ตรามโนห์รา
    9. ข้าวเกรียบกุ้ง ตรามโนห์รา
    10. ข้าวเกรียบรสมะเขือเทศ



    โทษของน้ำต้มเดือดหลายๆ ครั้ง
    น้ำประปามีแร่ธาตุหลายชนิด
    เมื่อต้มเดือดแล้วเดือดอีกหลายๆ ครั้ง
    น้ำจำนวนมากจะระเหยกลายเป็นไอ ส่วนที่เหลือ
    จึงมีปริมาณแร่ธาตุ ชนิดต่างๆ เข้มข้นขึ้นมาก
    และเกินมาตรฐานการบริโภค น้ำที่ต้มเดือดนานๆ
    ไอออนของซิลเวอร์ไนเตรทที่อยู่ในน้ำ
    จะเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์ไนไตรท์
    ซึ่งเป็นสารที่ให้โทษแก่ร่างกาย
    และแร่ธาตุบางอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกาย
    จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพราะการระเหยของน้ำ
    และอาจมากจนเกินขีดจำกัด ความสามารถของร่างกาย
    ในการกำจัดขับถ่ายออกมา
    จึงไม่ควรดื่มน้ำที่ ต้มเดือดแล้วหลาย ๆ ครั้ง ครับ



    อาหารต้านมะเร็ง 5 ประการเพื่อการป้องกัน
    1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก
    เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ
    เพื่อป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย
    กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
    2. รับประทานอาหารที่มีกากมาก
    เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ
    เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
    3. รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และไวตามินเอสูง
    เช่น ผัก ผลไม้สีเขียว-เหลือง
    เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอดำ
    4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูงเช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ
    เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร
    5. ควบคุมน้ำหนักตัว..โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง
    เช่น มดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่



    ผลกระทบของการอดนอน
    งานวิจัยเชิงทดลอง โดยอาสาสมัครหนุ่มสาว
    ทดลองนอนหลับวันละ 4 ชม. เป็นเวลา 6 คืน เมื่อเจาะตัวอย่างเลือด
    พบว่า มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและควบคุมยาก
    ซึ่งเกือบจะเป็นเหมือนโรคเบาหวาน
    นักวิจัยยังพบว่าการอดนอนเป็นสาเหตุของโรคอ้วน
    โดยเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเร่งการเติบโต
    ซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตทางกายภาพ
    และควบคุมสัดส่วนของไขมันต่อกล้ามเนื้อในร่างกาย
    การอดนอนทำให้ฮอร์โมนนี้หลั่งน้อยลง
    ร่ายกายรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น
    นอกจากนี้ยังส่งผลต่อฮอร์โมนเลปติน
    ซึ่งเป็นสารที่สื่อต่อระบบประสาท
    ว่า ควรจะอิ่มได้เร็วหรือช้าเท่าใด
    ตามความต้องการอาหารของร่างกาย
    เมื่อระดับเลปตินลดลงจากการนอนน้อย
    ผู้คนจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น
    แม้จะได้กินอาหารจนได้พลังงานเพียงพอแล้วก็ตาม
    การนอนไม่พอยังส่งผลต่อเม็ดเลือดขาว
    และกลไกการตอบสนองภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกาย
    ทำให้เจ็บป่วยง่ายเมื่อเจอเชื้อโรค
    การนอนไม่พออาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
    มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องวงจรการหลั่งฮอร์โมนแปรปรวน
    เนื่องมาจากการอดนอนและ แสงรบกวนในเวลากลางคืน
    ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
    ฉะนั้น นอกจากเราควรจะนอนให้เพียงพอแล้ว
    เรายังไม่ควรเปิดไฟนอนอีกด้วย



    6 อัศวินช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
    ร่างกายของคนเราสามารถสร้างคอเลสเตอรอลได้เองอยู่แล้ว
    ดังนั้นถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
    ระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด
    ก็จะมีสูงขึ้นตามไปด้วย
    เสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน
    และหัวใจวายแน่นอน
    อาหารบางอย่างมีคุณสมบัติ
    ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลได้ เป็นอย่างดีเยี่ยม
    6 อัศวินตัวสำคัญนั้นคือ
    1. มะเขือต่างๆ..
    2. หอมหัวใหญ่..
    3. กระเทียม
    4. ถั่วเหลือง..
    5. แอปเปิล..
    6. โยเกิร์ต
    วันใดมื้อใดที่คุณมีเมนูอาหารซึ่งอุดมไปด้วยไขมันมากๆ
    ก็ควรรับประทานอัศวินตัวหนึ่งตัวใดเพื่อควบคุมไขมัน.



    อาหารอันตรายเมื่อท้องว่าง
    คุณทราบไหมว่าเมื่อท้องของคุณว่างแล้วคุณรับประทานอาหารเข้าไป
    อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณได้ เพราะฉะนั้น
    ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ควรเลือกชนิดของอาหารเสียก่อน
    อาหารที่ไม่ควรรับประทาน ขณะท้องว่างมีชนิดใดบ้าง
    มีบางชนิดที่เราแทบไม่เชื่อเลยล่ะ
    กล้วย.. เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วย
    ขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น
    ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็นการยับยั้ง
    การทำงานของหลอดเลือดหัวใจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างยิ่ง
    กระเทียม .. เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหาร ได้รับการกระตุ้นเกิด
    โรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง
    ผัก.. การรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง
    จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปรกติ
    นอกจากนั้น ยังไม่ควรอาบน้ำ และออกกำลังกายด้วยเช่นกัน
    เพราะการอาบน้ำและการออกกำลังกาย ในขณะที่ท้องว่าง
    จะทำให้เกิดอาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย
    นมและนมถั่วเหลือง .. แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน
    แต่จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหาร
    มีสารอาหารประเภทแป้งอยู่ด้วย
    เหล้า .. หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร
    ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
    น้ำตาลหรืออาหารหวาน. .. ไม่ควรรับประทานอาหารหวาน
    หรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ช็อกโกแลต เพราะหากรับประทานขณะท้องว่าง
    จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิด
    และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต
    ชา. .. ที่แก่เกินไป ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อย
    ในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงาน
    ของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ
    มือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ
    ลูกพลับ .. ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง
    เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง
    และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้วจะทำให้เจ็บหน้าอก
    คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร



    ไอศกรีม อาหารขยะ
    ไอศกรีมบางยี่ห้อ บางผู้ผลิต ใช้ไขมันที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์ แทน
    และได้ใส่ส่วนผสมสังเคราะห์ จากสารเคมีต่าง ๆ ดังนี้
    1. ไดอิธิลกลูคอล ( diethyl glucol ) .. สารเคมีราคาถูก ใช้ตีไขมัน
    ให้กระจาย แทนการใช้ ่ไข่ เป็นสารกันเยือกแข็ง ที่ใช้กันน้ำแข็ง
    ( anti freeze) และผสมในน้ำยากัดสี
    2. อัลดีไฮด์ - ซี 71 ( aldehyde-C71 ) .. ใช้สร้างกลิ่น เชอร์รี่
    ให้ไอศกรีมเป็นของเหลวติดไฟง่าย และยังนำไปใช้ทำสีอะนิลีน พลาสติกและยาง
    3. ไปเปอร์โอรัล ( piperoral ) .. ใช้แทนวานิลลา เป็นสารเคมีที่ใช้ฆ่าเหาและหมัด
    4. อิธิลอะซีเตท ( ethyl acetate ) .. ใช้สร้างกลิ่นรสสับปะรด
    ใช้เป็นตัวทำความสะอาดหนังและผ้าทอ กลิ่นของสารเคมีตัวนี้
    ทำให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง ตับ และหัวใจผิดปกติ
    5. บิวธีรัลดีไฮด์ ( butyraldehyde) ใช้สร้างกลิ่นรสเมล็ดในผล
    ไม้เปลือกแข็ง เป็นสารประกอบสำคัญในกาวยาง
    6. แอนนิล อะซีเตท ( anyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นรสกล้วยหอม
    เป็นสารทำลายใช้ล้างไขมัน
    7. เบนซิล อะซีเตท( benzyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นและรสสตรอเบอร์รี่

     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้