ล้อแม็ก มิใช่แค่ความสวย

การสนทนาใน 'NV Club' เริ่มโดย Kc1.6SLX, 8 พฤศจิกายน 2009

< Previous Thread | Next Thread >
  1. Kc1.6SLX

    Kc1.6SLX New Member Member

    520
    2
    0
    :D:D ล้อแม็ก มิใช่แค่ความสวย :D:D
    คนไทยดำรงชีวิตควบคู่กับความรักสวยรักงาม แม้แต่รถยนต์ คนไทยก็อดปรับโฉมให้สวยสุดเฉียบไม่ได้ล้อแม็ก- มิได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น
    แต่ยังมีผลต่อความปลอดภัย ประสิทธิภาพการทรงตัว และอายุการใช้งานของรถยนต์อีกด้วย

    พื้นฐาน
    โดยผิวเผินแล้ว ล้อแม็กอาจเป็นเพียงอุปกรณ์ประดับรถยนต์ให้สวยงามเท่านั้น แต่เบื้องลึกมีผลกระทบทั้งด้านเด่นและด้อยอีกมากมาย
    เพราะล้อแม็กต้องถูกห่อหุ้มด้วยยางที่หมุนอยู่ตลอดการขับเคลื่อน และยึดติดอยู่กับระบบช่วงล่างซึ่งทำหน้าที่หลักในการทรงตัว

    พื้นฐานของล้อแม็กถูกพัฒนาขึ้นต่อเนื่องจากการใช้กระทะล้อเหล็กแบบดั้งเดิม โดยนำวัสดุที่มีน้ำหนักเบามาผลิตเป็นกระทะล้อ
    แทนการผลิตแบบเหล็กอัดขึ้นรูปแล้วนำมาเชื่อมประกบกัน แมกนีเซียมเป็นวัสดุที่ถูกนำมาผลิตแทนเหล็กเป็นกระทะล้อแบบใหม่
    ตั้งแต่หลายสิบปีที่ผ่านมาการลดน้ำหนักกระทะล้อลงมีหลายจุดประสงค์ อาจมีเพียงจุดประสงค์เดียวหรือหลายจุดประสงค์ร่วมกัน
    จากคุณสมบัติเด่นของล้อแม็กดังนี้

    ช่วยระบายความร้อน
    เหล็กอมความร้อนมากกว่าแมกนีเซียมหรืออะลูมินั่มอัลลอย เมื่อกระทะล้อร้อน ยางก็ร้อนตาม และจานเบรก-ผ้าเบรกที่อมความร้อน
    ก็จะลดแรงเสียดทานในการเบรกลง จุดประสงค์นี้มักเน้นในวงการรถแข่ง

    ลดภาระระบบช่วงล่าง
    เช่นเดียวกับการยืดแขนตรงออกไปแล้วมีสิ่งของหนักหรือเบาแขวนอยู่ที่มือ สิ่งของน้ำหนักเบาย่อมเบาแรงและขยับแขนได้ง่ายกว่า
    นอกจากนั้นยังเพิ่มอายุการใช้งานของระบบช่วงล่างได้เล็กน้อยอีกด้วย

    ลดแรงต้านการหมุน
    กระทะล้อและยางที่มีน้ำหนักมากย่อมหมุนได้ยากกว่า หากลดแรงต้านได้ อัตราเร่งจะดีขึ้น และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

    สามารถเพิ่มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ
    เพื่อใส่จานดิสก์เบรกขนาดใหญ่มากๆ หรือเพื่อความสวยงาม โดยยังสามารถควบคุมน้ำหนักของกระทะล้อไว้ได้จากวัสดุน้ำหนักเบา
    จุดประสงค์นี้มักเน้นในวงการรถแข่ง หรือรถยนต์ทั่วไปที่อยากเพิ่มความสวย หรืออยากใส่ยางแก้มเตี้ยลงแต่ต้องการรักษาเส้นรอบวงเดิมไว้

    ความสวยงาม
    วัสดุที่นำมาผลิตล้อแม็กมีสีเงินวาววับ และสามารถออกแบบลวดลายได้หลากหลาย ต่างจากกระทะล้อเหล็กที่ต้องพ่นสีทับและมีลวดลายจำกัด
    แท้จริงแล้วจุดประสงค์นี้เป็นผลพลอยได้ แต่กลายเป็นจุดเด่นหลักของล้อแม็กไปแล้ว

    การผลิต
    ในอดีตล้อแม็กได้รับความนิยมในกลุ่มรถแข่ง และมีจำหน่ายไม่แพร่หลายนัก เพราะมีต้นทุนการผลิตสูงจากความซับซ้อนของกระบวนการผลิต
    และโลหะแมกนีเซียมที่มีน้ำหนักเบามากๆ แม้มีราคาแพง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะรถแข่งมีค่าใช้จ่ายเหลือเฟือ ซึ่งต้องการลดแรงต้านการหมุนให้น้อยที่สุด
    และความร้อนจากจานเบรกก็สูงมาก

    เมื่อความสวยงามกลายเป็นจุดเด่นของการเลือกใช้ล้อแม็กสำหรับรถยนต์ทั่วไป อะลูมินั่มอัลลอยที่มีราคาถูกกว่า ผลิตง่าย และมีน้ำหนักพอเหมาะ
    จึงถูกนำมาทดแทนในการผลิตล้อแม็ก (แต่แยกออกไปเป็นหลายระดับราคาและคุณภาพ) ผู้ผลิตล้อแม็กคุณภาพสูง ชื่อดัง ราคาแพง มักเลือก
    ใช้วัสดุคุณภาพสูง เพื่อให้ทนทานต่อแรงกระแทก โดยในขั้นตอนการหลอมมีการผสมระหว่างวัสดุหลัก คือ อะลูมินั่มอินกอต, แมกนีเซียม,
    สตอนเซียม และซิลิกอน ตามสูตรอันแตกต่างของผู้ผลิตแต่ละราย

    ล้อแม็กที่ผลิตจากอะลูมินั่มอัลลอย ได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า -ล้อแม็ก- ซึ่งย่อมาจาก -ล้อแมกนีเซียม-
    แม้ไม่ได้มีการผลิตด้วยแมกนีเซียมเป็นหลักแล้วก็ตาม

    แบ่งตามวิธีผลิต
    มี 3 วิธีหลัก แตกต่างกันไปตามคุณภาพ ความยุ่งยากในการผลิต และต้นทุน

    ตักเท
    คุณภาพไม่สูง แต่ผลิตสะดวก ใช้เครื่องมือไม่ซับซ้อนและต้นทุนต่ำ หลอมเนื้อวัสดุด้วยความร้อนจนเหลว เทจากด้านบนลงสู่แม่พิมพ์ด้านล่าง
    เมื่อแข็งตัวแล้วถอดออกมากลึงให้เรียบ เจาะรู และเสริมความสวยต่อไป ล้อแม็กที่ผลิตด้วยวิธีนี้มีราคาถูก เนื้อไม่แน่น อาจมีฟองอากาศที่ไม่สามารถ
    ไล่ออกได้แทรกอยู่ภายใน จึงไม่ค่อยแข็งแรงและคด-แตกง่าย แพร่หลายที่สุดเพราะราคาถูก ถ้าเป็นอะลูมินั่มอัลลอยคุณภาพสูงและมีความละเอียด
    ในการผลิต ก็พอใช้ได้

    แรงดันตํ่า
    คุณภาพดี ต้นทุนสูง และมีราคาเหมาะสมกับความแข็งแรง แม่พิมพ์อยู่ด้านบน หลอมอะลูมินั่มอัลลอยด้วยความร้อนจนเหลวที่เตาด้านล่าง
    ส่งผ่านท่อซึ่งต่อขึ้นสู่แม่พิมพ์ด้านบนด้วยแรงดันต่ำพอเหมาะ ไม่น้อยหรือช้าเกินไปจนเต็ม เพื่อไล่ฟองอากาศจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบน เมื่อแข็งตัว
    เรียบร้อยแล้วถอดออกมากลึงเรียบ เจาะรู และเสริมความสวยต่อไปได้รับความนิยมทั้งจากผู้ผลิตและผู้บริโภคมากขึ้น เรื่อยๆ เพราะล้อแม็กมีเนื้อแน่น
    ฟองอากาศน้อย แข็งแรงทนทานต่อการคด-แตก ถ้ามีโอกาสควรเลือกใช้

    แรงดันสูง
    คุณภาพดี ต้นทุนสูง และราคาแพง แม่พิมพ์ปิดผนึก หลอมอะลูมินั่มอัลลอยด้วยความร้อนจนเหลว ส่งผ่านท่อซึ่งต่อเข้าสู่แม่พิมพ์ด้วยแรงดันสูงจนเต็ม
    พร้อมไล่ฟองอากาศออกไป เมื่อแข็งตัวเรียบร้อยแล้วถอดออกมากลึงเรียบ เจาะรู และเสริมความสวยต่อไป ได้รับความนิยมจากทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
    ไม่มากนัก แม้ล้อแม็กมีเนื้อแน่น ฟองอากาศน้อย แข็งแรงทนทานต่อการคด-แตก แต่ต้นทุนเครื่องมือสูงเกินความเหมาะสมกับคุณภาพที่ได้
    เลือกล้อแม็กที่ผลิตด้วยวิธีแรงดันต่ำที่ดีก็เพียงพอแล้ว

    แบ่งตามจำนวนชิ้น/วง
    1 ชิ้น และ 2-3 ชิ้น (ไม่นับชิ้นที่ปิดดุมหรือนอตตรงกลาง) ล้อแม็กแบบ 1 ชิ้น แพร่หลายและได้รับความนิยมที่สุด เป็นชิ้นเดียวทั้งวง การผลิตไม่ซับซ้อนและต้นทุนไม่สูง

    ล้อแม็กแบบแยกชิ้น
    มีจุดประสงค์หลักคือต้องการลดน้ำหนัก หรือเพิ่มความสวย แต่มีราคาและต้นทุนสูง สามารถลดน้ำหนักได้โดยแยกหล่อชิ้นหน้าแปลนตรงกลาง และ
    ส่วนขอบใช้วิธีรีดวัสดุ เช่น อะลูมิเนียม ให้บางและเบา แล้วนำมาประกบกันด้วยการยึดนอตหรือเชื่อม เพราะการหล่อทั้งวงย่อมทำให้บางเบาหรือสวยไม่ได้เท่าการ
    รีดขึ้นรูปส่วนขอบล้อแม็กแบบ 2 ชิ้น ผลิตขอบล้อ 1 ชิ้น และหน้าแปลนช่วงกลาง 1 ชิ้น

    ล้อแม็กแบบ 3 ชิ้น ผลิตขอบล้อ 2 ชิ้น แล้วนำมาเชื่อมกันก่อน หรือประกบยึดนอตพร้อมหน้าแปลนช่วงกลางอีก 1 ชิ้น
    นอกจากล้อแม็กแบบแยกชิ้นมีความโดดเด่นในเรื่องการแยกชิ้นผลิตเพื่อลดน้ำหนัก แล้ว ยังสามารถแยกผลิตให้ล้อแม็กลวดลายเดียวมีหลายขนาดความกว้าง
    หรือความกว้างเดียวมีหลายลวดลาย ด้วยการจับคู่สลับกันระหว่างขอบล้อกับหน้าแปลนช่วงกลางอีกด้วยจำนวนชิ้นต่อ ล้อแม็ก 1 วง ยังเกี่ยวข้องกับความสวยงาม
    และการแยกชิ้นซ่อมแซม ล้อแม็กหลายชิ้นมักดูสวยกว่า จนล้อแม็กชิ้นเดียวบางลวดลาย ออกแบบหลอกให้ดูเหมือนเป็นล้อแม็กหลายชิ้นด้วยการฝังนอตตัวเล็กรอบๆ

    ตรวจสอบและเสริมความสวย
    ไม่ว่าผลิตล้อแม็กด้วยวิธีใดหรือกี่ชิ้นต่อวง หลังการหล่อออกจากแม่พิมพ์ต้องมีการตัดแต่งส่วนเกินและอบแข็ง และต้องมีการตรวจสอบความแข็งแรงเบื้องต้นเสมอ
    หากตรวจสอบผ่านจึงเข้าสู่ขั้นตอนการกลึงละเอียดพร้อมเจาะรู แล้วทดสอบการรั่วของแรงดันลมโดยใช้แผ่นยางประกบ อัดลมแรงดันสูงเข้าไปแล้วแช่น้ำ
    เพราะล้อแม็กต้องใช้กับยางแบบไม่มียางใน จึงต้องเก็บลมได้สมบูรณ์ หากทดสอบผ่านก็เข้าสู่ขั้นตอนการเสริมความสวย แบ่งเป็น 2 วิธี คือ พ่นสี หรือปัดเงา

    วิธีปัดเงาสวยกว่า แต่เนื้อวัสดุต้องเรียบ สีสวย และเนื้อแน่น โดยไม่สามารถเลือกสีให้แปลกออกไปได้เหมือนวิธีแรกที่นิยมกว่า ทั้ง 2 วิธีจะสวยและคงสภาพได้นาน
    เพียงไรขึ้นอยู่กับรายละเอียด เช่น ถ้าใช้สีแห้งช้าเคลือบแล็กเกอร์ดีๆ จะให้ความทนทานสูงกว่าการใช้สีแห้งเร็วหรือสเปรย์กระป๋องธรรมดา หรือถ้าปัดเงาโดยไม่เคลือบ
    แล็กเกอร์ดีๆ ไม่นานก็หมอง ทั้งในการเลือกซื้อหรือการซ่อม อย่ามองข้ามรายละเอียดของการเสริมสวยทั้งในด้านความชอบและความคงทน

    ขนาด
    การระบุขนาดของล้อแม็กมีอยู่ 2 จุดมีหน่วยเป็นนิ้ว คือ เส้นผ่าศูนย์กลาง หรือเรียกสั้นๆ ว่าขอบ...นิ้ว เช่น 13, 15,...นิ้ว ต้องพอดีกับเส้นผ่าศูนย์กลางของยาง
    (มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร) ที่จะนำมาใส่ และความกว้างหรือเรียกสั้นๆ ว่ากว้าง...นิ้ว มีหน่วยจำนวนเต็มหรือ .5 เช่น 5, 5.5, 8,...นิ้ว เกี่ยวข้องกับหน้ากว้างของยางที่จะนำมาใส่
    เมื่อเรียกรวมกันจะระบุบนตัวล้อแม็ก เช่น ขนาด 6 X 15 นิ้ว หมายความว่าหน้ากว้าง 6 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 นิ้ว

    ในรถยนต์คันเดียวกัน ล้อแม็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมาก ยิ่งสวย และมีราคาแพง ต้องใช้ยางแก้มเตี้ย คด-แตกง่าย ส่วนล้อแม็กหน้ากว้าง ดูดุดันเต็มซุ้มล้อ
    แต่ยางอาจติดตัวถังด้านในหรือขอบบังโคลนด้านนอก เป็นภาระกับช่วงล่างมากขึ้น

    ระยะ PCD
    PCD-PITCH CIRCLE DIAMETER หมายถึง ระยะห่างของรูนอตบนตัวล้อแม็กและดุมล้อที่ต้องเท่ากัน โดยวัดจากกึ่งกลางรูนอตทุกตัวลากเส้นเป็นวงกลม
    แล้ววัดผ่านเส้นผ่าศูนย์กลาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ถ้าเป็นจำนวนเลขคู่ 4 หรือ 6 รูนอตต่อ 1 ล้อ ก็สามารถวัดจากกึ่งกลางรูนอตด้านหนึ่งไปยังด้านตรงข้ามได้เลย
    แต่ถ้าเป็นจำนวนเลขคี่ 3 หรือ 5 รูนอต ต้องวัดจากแนววงกลมกึ่งกลางรูนอตผ่านเส้นผ่าศูนย์กลาง

    รถยนต์ขนาดเล็กมักมี 4 รูนอตต่อ 1 ล้อ และรถยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นไปมักมี 5-6 รูนอต เพื่อความแน่นหนาในการยึดล้อเข้ากับดุมล้อ ระยะ PCD
    ของรถยนต์รุ่นใหม่แบบ 4 รูนอต นิยมที่ 100 มิลลิเมตร ส่วนระยะ PCD อื่นมีมากมาย เช่น 98, 108, 110, 114.3 (มาจาก 5 5/8 นิ้ว), 120, 130 มิลลิเมตร ฯลฯ

    หากล้อแม็กกับดุมล้อมีระยะ PCD ไม่ตรงกัน มีหลายวิธีดัดแปลง เช่น เจาะดุม เจาะล้อแม็ก คว้านรูนอตเดิมแล้วอัดบู๊ชแบบเยื้อง และใส่อแดปเตอร์ ฯลฯ แต่ควรหลีกเลี่ยง
    เพราะอาจด้อยกว่ามาตรฐานจนเกิดอาการล้อสั่นหรือไม่ได้สมดุลขึ้นได้ และยังมีล้อแม็กหลายยี่ห้อหลายรุ่นให้เลือกอีกมากที่มีระยะ PCD ตรงกับดุมล้อ หากชอบล้อแม็ก
    ลวดลายนั้นจริงอาจดัดแปลงได้ แต่ต้องใช้ฝีมือช่างและความละเอียดมากๆ (กลายเป็นเรื่องปกติของวงการตกแต่งรถยนต์ของคนไทยไปแล้ว)

    ปัจจุบันล้อแม็กหลายรุ่นมีการเจาะรูนอตไว้เผื่อสำหรับรถยนต์หลายรุ่นมาเสร็จ สรรพ เช่น 1 วง มี 8 รูนอต โดย 4 รูนอตมีระยะ PCD 100 มิลลิเมตร และอีก 4 รูนอตมีระยะ
    PCD 114.3 มิลลิเมตร หรือล้อแม็กหลายรุ่นไม่มีการเจาะรูไว้เลย เพื่อให้เลือกเจาะเองได้ตามสะดวกก็มี

    ออฟเซต
    OFFSET-ออฟเซต คือ ตำแหน่งของหน้าแปลนด้านหลังของล้อแม็กที่ต้องยึดติดกับดุมล้อ เมื่อเปรียบเทียบกับกึ่งกลางล้อแม็กด้านขวาง ระบุเป็นบวกหรือลบด้วยหน่วย
    มิลลิเมตรบนตัวล้อแม็กด้านหน้าหรือด้านหลัง เช่น 0, +30, -25 ฯลฯ ล้อแม็กที่มีค่าออฟเซตเท่ากัน อาจยื่นออกมาจากดุมล้อไม่เท่ากัน ถ้าความกว้างของล้อแม็กไม่เท่ากัน
    เช่น ล้อแม็ก 2 วง มีค่าออฟเซต 0 มิลลิเมตรเท่ากัน คือ หน้าสัมผัสของล้อแม็กกับดุมอยู่ตรงกลางพอดี แต่วงหนึ่งมีความกว้าง 6 นิ้ว กับอีกวงมีความกว้าง 7 นิ้ว วงแรกจะ
    ยื่นออกมาจากดุม 3 นิ้ว และวงหลังจะยื่นออกมา 3.5 นิ้ว ทั้งที่มีค่าออฟเซต 0 มิลลิเมตรเท่ากัน

    ค่าออฟเซตน้อยหรือลบมากเกินไป
    ล้อแม็กจะยื่นออกมาจากดุมล้อมาก แต่ถ้ามีระยะออฟเซตมากหรือบวกมากเกินไป ล้อแม็กจะหุบเข้าไปในตัวถัง เช่นล้อแม็ก 2 วงมีขนาดเท่ากันทุกอย่าง ทั้งเส้นผ่าศูนย์กลาง
    และหน้ากว้าง ยกเว้นค่าออฟเซต ล้อแม็กวงหนึ่ง -20 มิลลิเมตร และอีกวง +10 มิลลิเมตร วงแรกเมื่อใส่เข้ากับตัวรถยนต์จะยื่นออกมามากกว่าอีกวง 30 มิลลิเมตร
    (-20+10=30 มิลลิเมตร)

    รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังมักกำหนดให้ใช้ล้อแม็กที่มีค่าออฟเซตเป็นลบ หรือบวกไม่มากนัก ดูแล้วล้อแม็กจะเป็นหลุมลงไป และรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า
    (หรือขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นใหม่) มักใช้ล้อแม็กค่าออฟเซตเป็นบวก ดูแล้วล้อแม็กจะหน้าเต็มๆ เพราะในการออกแบบและทดสอบพบว่า ล้อแม็กที่มีค่าออฟเซตมากหรือบวกมาก
    เมื่อยางแตกรถยนต์จะเสียการทรงตัวน้อย

    การเปลี่ยนล้อแม็กวงโตกับยางแก้มเตี้ย เช่น ล้อแม็กขอบ 16-17 นิ้ว กับยาง 45-50 ซีรีส์ ตามความนิยมเพิ่มความสวย คนส่วนใหญ่มักมีมุมมองเบื้องต้นว่ายางจะติดขอบบังโคลน
    ด้านใน เพราะมีขนาดล้อแม็กเพิ่มขึ้น ทั้งที่อาจเกี่ยวข้องกับค่าออฟเซตที่น้อยเกินไป ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการยื่นหรือหุบเข้าไปของล้อแม็กกับขอบบังโคลนของตัวถัง เช่น
    เปลี่ยนล้อแม็กวงโตแล้วยางกระแทกขอบบังโคลนเมื่อรถยนต์ถูกโหลดลดความสูงหรือ ยุบตัวมากๆ ทำให้หลายคนรีบสรุปว่าล้อแม็กมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากเกินไป เช่น
    ขอบ 16-17 นิ้ว ทั้งที่จริงแล้วอาจมีปัญหามาจากค่าออฟเซต ในความเป็นจริง ยางจะติดขอบบังโคลนด้านในหรือเปล่า ? อยู่ที่ 2 กรณีหลัก คือ ขนาดของล้อแม็กและยาง
    และค่าออฟเซตของล้อแม็ก

    ถ้าไม่เลือกล้อแม็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่เกินไป เช่น โตโยต้า โคโรลล่า เลือกล้อแม็กขอบ 15-16 นิ้ว แล้วยางยังกระแทกขอบบังโคลนด้านในโดยส่วนใหญ่จะเกิด
    ปัญหาจากค่าออฟเซตไม่เหมาะสม คือ ล้อแม็กและยางจะยื่นเลยออกมานอกแนวขอบบังโคลน เมื่อโหลดลดความสูงของตัวถังลงมาหรือรถยนต์ยุบตัวมากๆ ขอบ
    บังโคลนด้านในจะกระแทกกับยางจนเกิดเสียงดังและยางเสียหาย

    ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนว่า แม้จะใส่ล้อแม็กแค่ 13 นิ้ว แต่ถ้าออฟเซตลบมากๆ จนล้อแม็กยื่นออกมาเลยขอบบังโคลนด้านใน ยางก็ยังมีโอกาสถูกกระแทกได
    ้การเลือกเปลี่ยนล้อแม็กขนาดใหม่ ควรอ้างอิงค่าออฟเซตกับล้อแม็กมาตรฐานเดิม โดยอ่านจากตัวล้อแม็กบริเวณด้านหน้าหรือด้านหลังตามหลักการ ไม่ควรเลือก
    ล้อแม็กที่มีค่าออฟเซตต่างจากมาตรฐานเดิมเกิน 5-10 มิลลิเมตร แต่ในทางปฏิบัติสามารถประยุกต์ได้ ล้อแม็กที่ใส่แล้วสวยคือใส่แล้วดูเต็มบังโคลน แต่เมื่อรถยนต
    ์ยุบตัว ยางต้องไม่กระแทกกับขอบบังโคลน หรือเรียกกันกลายๆ ว่า ปริ่มขอบบังโคลน

    การเลือกแบบประยุกต์หรือสูตรสำเร็จก็คือ ลองใส่ล้อแม็กพร้อมยาง แล้วนำรถยนต์ขับเดินหน้า-ถอยหลังสัก 4-5 ครั้ง เพื่อให้ช่วงล่างปรับเข้าสู่ระยะปกติ หาคนนั่ง
    ในรถยนต์บนเบาะหลัง 2-3 คน พร้อมขย่มตัวถังเหนือล้อหลัง แล้วดูว่าริมขอบบังโคลนด้านในยุบลงมากระแทกยางหรือเปล่า ถ้าสามารถพับหรือเจียร์ขอบบังโคลน
    ด้านในหลบได้ก็จัดการไปเลย โดยต้องระวังไม่ให้สีด้านนอกเสียหาย แต่ถ้าติดมาก คือพับหรือเจียร์ขอบบังโคลนด้านในแล้วยังไม่น่าจะพ้น ก็หมดสิทธิ์ใส่ล้อแม็กชุดนั้น
    แม้ตัวรถยนต์ไม่ได้โหลดลดความสูงลง แต่ก็ต้องทดลองขย่มเผื่อไว้สำหรับการบรรทุกหนักหรือการกระแทกที่อาจเกิดขึ้นได้

    ค่าออฟเซตมากหรือบวกเกินไป
    ล้อและยางจะหุบเข้าไปในตัวถัง ดูไม่สวย อาจติดช่วงล่างบางชิ้น ฐานล้อระหว่างซ้าย-ขวาน้อยลง และสูญเสียประสิทธิภาพการทรงตัวลงไป

    การดัดแปลงค่าออฟเซต
    ความอยากสวยห้ามกันยาก เมื่อล้อแม็กลวดลายนั้นประทับใจมาก แต่ค่าออฟเซตน้อย-มากเกินไป จนล้อหุบ-ล้น หรือระยะ PCD ไม่เท่ากัน หรือจำนวนรูนอต
    ไม่เท่ากันระหว่างดุมล้อกับล้อแม็ก สามารถดัดแปลงในหลายกรณีได้ดี แต่บางกรณีแย่และควรหลีกเลี่ยง

    ค่าออฟเซตน้อยหรือติดลบเกินไป
    ถ้าล้อแม็กจะล้นออกมาเกินปกติ แสดงว่าค่าออฟเซตน้อยหรือติดลบเกินไป เมื่อรถยนต์ยุบตัวลงหรือโหลด ยางอาจกระแทกกับขอบบังโคลนด้านใน
    ถ้าติดหรือกระแทกไม่มาก ก็สามารถพับหรือเจียร์ขอบบังโคลนหลบได้ แต่ต้องระวังไม่ให้สีด้านนอกเสียหายถ้ายังไม่พ้นลองพลิกดูด้านหลังล้อแม็ก
    บริเวณหน้าสัมผัส ว่ามีเนื้อหนาพอจะเจียร์ให้บางลงสัก 2-3 มิลลิเมตรได้ไหม ถ้าเจียร์ได้ก็ยังพอเพิ่มค่าออฟเซตให้ล้อหุบเข้าไปได้อีกเล็กน้อย แต่ต้องแน่ใจ
    ว่าล้อแม็กจะไม่บางเกินไปจนแตกหักง่าย

    ค่าออฟเซตมากไป
    หากล้อแม็กหุบเข้าไปเกินปกติ แสดงว่าค่าออฟเซตมากไป กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหายางกระแทกขอบบังโคลน แต่อาจดูไม่สวย และล้อหรือยางจะติดขัดกับ
    ช่วงล่างบางชิ้นหรือซุ้มล้อด้านใน ถ้าไม่มาก สามารถใช้แผ่นอะลูมิเนียมรองแบนกลมบางๆ สเปเซอร์-SPACER ซึ่งมีจำนวนรูให้นอตร้อยผ่านเท่ากับระยะ
    PCD แทรกระหว่างล้อแม็กกับดุมล้อ เพื่อให้ล้อแม็กล้นออกมามากขึ้น

    ถ้ารองสเปเซอร์ไม่หนานัก ยังใช้นอตล้อเดิมได้และไม่ค่อยมีผลต่อการแกว่ง แต่ถ้าต้องรองหนากว่า 10 มิลลิเมตร (1 เซนติเมตร) ต้องเปลี่ยนนอตล้อยาว
    ขึ้นหรือแบบพิเศษ เพื่อให้มีเกลียวยาวยึดได้แน่น แต่ยังเสี่ยงต่อการแกว่งหรือสั่นถ้าต้องรองสเปเซอร์หนามากเกิน 20-30 มิลลิเมตร อาจมีการใช้สเปเซอร์พิเศษ
    ที่มีนอตล้อเพิ่มอีกชุด (ดูคล้ายอแดปเตอร์ แต่จำนวนรูนอตและระยะ PCD เท่าเดิม) โดยมีตัวสเปเซอร์แบบหนายึดเข้ากับดุมด้วยนอตล้อชุดเดิม
    แล้วมีนอตล้อชุดใหม่ยื่นออกมาจากสเปเซอร์เพื่อยึดกับล้อแม็ก

    ตัวสเปเซอร์แผ่นรองแทรกควรมีน้ำหนักเบาที่สุด เพราะแค่มีการยื่นออกมาของล้อแม็กมากๆ ก็สร้างภาระให้กับช่วงล่างมากอยู่แล้ว เมื่อต้องเสริมแผ่น
    รองหนาพิเศษก็ยิ่งมีน้ำหนักมาก สร้างภาระมากขึ้นไปอีก

    ระยะ PCD ไม่ลงตัวหรือจำนวนรูนอตไม่เท่ากัน
    ไม่ใช่ใส่แล้วล้อแม็กหุบหรือล้นเกินไป แต่ยังใส่ล้อแม็กเข้าไปไม่ได้เลย เพราะรูนอตบนล้อแม็กกับดุมล้อไม่ตรงกันการแก้ไขมี 3 วิธีหลัก คือ แก้ไข
    ล้อแม็ก แก้ไขดุมล้อ หรือทำอแดปเตอร์แทรก

    แก้ไขล้อแม็ก
    มีหลายวิธี เช่น 4 รูนอต PCD ใกล้เคียงกัน แล้วมีค่าออฟเซตเหมาะสมอยู่แล้ว เช่น 4 รูนอต PCD 100 แก้ไขเป็น 114.3 มิลลิเมตร หรือ 120 แก้ไข
    เป็น 114.3 มิลลิเมตร มักดัดแปลงด้วยการคว้านรูนอตเดิมบนล้อแม็กให้ใหญ่ขึ้น แล้วอัดบู๊ชเหล็กใหม่เข้าไปให้ได้ระยะหากเนื้อของล้อแม็กด้านข้างร
    ูนอตยังเต็มหรือเหลือพอทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง สามารถเจาะรูเพิ่มจากเดิมได้ แต่ต้องได้ศูนย์และตรงกับระยะ PCD พอดี

    หากไม่สามารถขยายรูนอตและใส่บู๊ชใหม่ได้ หรือไม่มีเนื้อของล้อแม็กให้เจาะรูใหม่ได้ อาจใช้วิธีเชื่อมอุดรูนอตเดิมแล้วเจาะรูนอตใหม่ ทำได้
    แต่ต้องมั่นใจว่าเนื้อวัสดุที่เชื่อมอุดผสานกับเนื้อวัสดุเดิมโดยไม่เปราะ และการเจาะรูนอตใหม่ต้องได้ศูนย์จริงๆ

    แก้ไขที่ดุมล้อ
    มักทำไม่ค่อยได้ เพราะไม่ค่อยมีเนื้อโลหะให้เยื้องหรือเจาะรูนอตใหม่ได้ แต่ถ้าทำได้ ต้องแน่ใจว่าได้ศูนย์จริงๆ

    ทำอแดปเตอร์-ADAPTER
    อแดปเตอร์ คือ แผ่นรองหนา 1-3 นิ้ว ผลิตจากเหล็กหรืออะลูมิเนียม สำหรับแทรกระหว่างล้อแม็กกับดุมล้อที่มีระยะ PCD หรือจำนวนรูนอต
    ไม่เท่ากัน มีรูสำหรับยึดอแดปเตอร์เข้ากับดุมล้อ 1 ชุด บนด้านนอกของอแดปเตอร์มีเกลียวหรือนอตล้อสำหรับยึดกับล้อแม็ก

    ไม่ต้องดัดแปลงทั้งดุมล้อและล้อแม็ก แต่ล้อแม็กชุดนั้นต้องมีค่าออฟเซตมากหรือบวกมากเกินไป คือ ใส่ล้อแม็กแล้วหุบเข้าไปมาก เพราะ
    การทำอแดปเตอร์แทรกต้องมีความหนาเพิ่มขึ้น ทำให้ล้อแม็กยื่นออกจากตัวรถยนต์มากขึ้น หากล้อแม็กยื่นออกมามากอยู่แล้ว เมื่อทำ
    อแดปเตอร์แทรกในความหนา 1-2 นิ้ว ก็ยิ่งล้นออกมาจนเกิดปัญหา

    หากเลือกใช้วิธีนี้ นอกจากล้อแม็กชุดนั้นต้องมีค่าออฟเซตมากหรือบวกมาก อแดปเตอร์ต้องมีการเจาะรูนอตได้ศูนย์ และมีน้ำหนัก
    ไม่มากจนสร้างภาระกับระบบช่วงล่างมากเกินไป

    อย่ามองข้ามขนาดรูกลางของล้อแม็ก
    รถยนต์ทุกคันต้องมีแกนกลางของดุมล้อนูนออกมา เพื่อสวมทะลุเข้าสู่รูกลางบนตัวล้อแม็ก นอกจากต้องมีระยะ PCD, ค่าออฟเซต
    และขนาดโดยรวมของล้อแม็กเหมาะสมแล้ว ขนาดรูกลางของล้อแม็กต้องกว้างเท่ากันพอดีกับแกนดุมล้อ เพื่อป้องกันการสะบัดหรือแกว่ง
    ของล้อแม็ก แม้นอตล้อจะยึดแน่นอยู่แล้วก็ตาม หากขนาดรูกลางของล้อแม็กเล็กเกินไป ย่อมสวมเข้ากับดุมล้อไม่ได้ ต้องกลึงคว้านด้วย
    ความละเอียดให้มีขนาดรูกลางเท่ากับแกนดุมล้อพอดี อย่าให้หลวมถ้าขนาดรูกลางของล้อแม็กใหญ่กว่าแกนดุมล้อ ควรอัดบู๊ชหรือคว้าน
    แล้วอัดบู๊ชให้พอดีกัน เพื่อป้องกันการแกว่ง

    หากต้องการรองสเปเซอร์หนุนล้อแม็กออกมาในล้อหน้า หรือเมื่อต้องรองหนาถึง 1 เซนติเมตรขึ้นไป ด้านในของสเปเซอร์ต้องม
    ีขนาดพอดีกับแกนดุมล้อ ส่วนด้านนอกต้องมีบ่ายื่นออกมาเป็นแกนสำหรับใส่ล้อแม็กสวมเข้าไป ในขนาดเท่ากับขนาดรูกลางของ
    ล้อแม็ก คือ สวมแล้วแน่นทั้งตัวสเปเซอร์กับดุมล้อและสเปเซอร์กับรูกลางล้อแม็ก เช่นเดียวกับการรองอแดปเตอร์เปลี่ยนระยะ
    PCD หรือจำนวนน๊อตล้อ แกนกลางก็ต้องสวมกันได้แน่นพอดีทุกจุดทั้งนอกและใน

    ข้อมูล นี้ นำมาจากเวบที่มีสาระประโยชน์มาก คือ http://www.yonsawad.com/maxi.html

    เครดิตให้กับ พี่อู๋ NFC Meeting Verify
     
  2. buem

    buem New Member Member

    2,764
    75
    0
    ความรู้ล้วนๆ ขอบคุณครับ
     
  3. ขอบคุณครับ....ตาลายเลยครับพี่น้องครับ
     
  4. singcoohteam

    singcoohteam New Member Member

    5,303
    108
    0
    555 งง มากๆ
    ตาลายแล้ว
     
  5. DDT7344

    DDT7344 New Member Member

    26
    0
    0
    อ่านซะแย่ เลย
     
  6. payayam

    payayam New Member Member

    702
    13
    0
    ขอบคุณครับ
     
  7. didomon

    didomon New Member Member

    2,380
    2
    0
  8. akkakit

    akkakit New Member Member

    210
    1
    0
    โอยยย เนื้อหาหนักแน่นเหมือนสังคมศึกษา

    ขอบคุณคร๊าบบบ
     
  9. killerman_47

    killerman_47 New Member Member

    412
    2
    0
    ข้อมูลแน่นๆครับ..อิอิ
     
  10. wutnv

    wutnv Active Member Member

    455
    34
    28
    ยาวเลย

    ตาลาย

    ขอบคุณครับ
     
  11. ae 80

    ae 80 New Member Member

    75
    1
    0
    ดีจัง คับ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้