เครื่อง 4G63T ลูก 1J อยากเปลี่ยนเป็นลูก 2J ห่วงเรื่องกำลังอัด รบกวนขอคำปรึกษาครับ

อ่านไม่ผิดครับ เครื่องผม ลูก 1J จริง ๆ ติดรถตั้งแต่ซื้อมาเลย สงสัยช่วงนั้นเค๊าฮิตกันมั้ง


เข้าเรื่องดีกว่าครับ ยาวนิดนึงนะ

รถผมเครื่อง 4G63T EVO3 ครับ (ดมแก๊สอยู่ด้วย) แต่ลูกดันเป็น 1J เคยลูกแตกด้วย ช่างก็เอาฝาไปไส โดยโรงกลึงบอกมาว่า ไสไป 0.2 มม.

ช่างเค๊าก็เลยขยับขนาดปะเก็น อีก 0.2 มม. ซึ่งเดิมเป็น 1.3 มม. ขยับไปเป็น 1.5 มม.

ปัญหาเกิด คือว่า มันอืดลงเห็น ๆ เลย และเกิดปัญหา แก๊สไม่พอ ขับได้ไม่เกิน 120 กม/ชม. คาดว่า ช่างคงจะโดนโรงกลึงต้มมาแล้ว ว่าไสไป 0.2 มม. ก็เอาไปจัดการจูนแก๊สเพิ่ม กินแก๊สมากกว่าเดิมประมาณ 20 สต./ 1 กม. แต่ก็อืดเหมือนเดิม (ก็ห้องเครื่องมันใหญ่ขึ้นนี่ กำลังอัดก็ลดลงอ่ะจิ)

(อันนี้น่าจะเชื่อพี่ตุ๋ย Mitsu Sport ตั้งแต่ตอนโทรไปปรึกษาเรื่องนี้แล้ว แกบอกว่า ไม่ต้องขยับขนาดปะเก็นก็ได้ เพราะบูสต์กระจิ๊ดริด)


เรื่องมีอยู่ว่า ผมกะจะเปลี่ยนเป็นลูก 2J เพราะประจวบกับว่า ช่วงนี้รถผมมีปัญหาอยู่พอดี กับลูกสูบ (อีกละ) ก็เลยว่าจะเปลี่ยนจากลูก 1J เป็นลูก 2J ผมเลยกังวลเรื่องของกำลังอัด เพราะส่วนหัวของลูกสูบ ทั้งคู่ มันแตกต่างกัน (2J มันจะเว้านิด ๆ)

คือช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าแนวคิดที่ผมคิดไว้ดังนี้เนี่ย พอจะสามารถทำได้หรือไม่ จะมีปัญหาอะไรในระยะยาวไหม โดยที่ผมคิดไว้ ก็มีดังนี้ครับ

1. เปลี่ยนลูกเป็น 2J
2. ลดขนาดปะเก็นลงเหลือ 1.3
เพราะน่าจะไสผาไปเพียง 0.1 ไม่ถึง 0.2 (อันนี้ทำให้ลดความหนาปะเก็นไป -0.1 มม.)
ประจวบกับเปลี่ยนลูกเป็น 2J ลูกสูบเว้ากว่า 1J (อันนี้ทำให้ลดความหนาปะเก็นไปอีก -0.1 มม.)
Solution นี้ ก็เลยเหลือความหนาปะเก็นเพียง 1.3 มม.

ส่วนที่ว่า ถ้าจะให้เลือกไปเป็นเสื้อสูบขนาดเดิม ผมคงทำไม่ได้ครับ ด้วยเหตุของปัจจัยส่วนตัว ก็เลยคงต้องใช้ Step ลูก J ขนาด 86 มม. ต่อไป :cry:


ข้อมูลเพิ่มเติม
- Boost เดิม ๆ จ้า อยู่ 0.6-0.7 บาร์
- เทอร์โบเดิม เวสต์เกตเดิม



รบกวน พี่ ๆ ที่เป็นเซียนด้วยคร้าบ

ขอบคุณคร้าาาาฟ

 

ถ้าสนใจลูก 2j บอกนะครับ ผมเบิกใหม่มา 8 พันกว่าบาท ไม่ได้ใช้เลยครับ ขายให้ 7,000 บาทพอครับ สนใจก็ฝากเบอร์โทรไว้นะครับ

 

เรื่องลูกJ 2J รอจารย์โอ๋มาตอบดีกว่า แกลองมาหมดแล้ว

 

ไม่ว่าเราจะใช้ลูกอะไรก็ตาม
จุดสำคัญคือ ช่างประกอบต้องหากำลังอัดที่เหมาะสมให้ได้ครับ
ไม่ใช่วัดไม่เป็น หากำลังอัดไม่เป็น ก็เลยประกอบกันไปตามมีตามเกิด
หรือช่างเทพๆที่คิดว่าตัวเองแน่แล้ว ไม่ต้องวัดกำลังก็ได้ ชัวร์อยู่แล้ว ก็มีให้เห้นมาก
ภาระก็ไปตกกับลูกค้าต่อไปในอนาคต
กำลังอัดของเครื่องยนต์ควรจะเป็นไปตามมาตราฐาน ของEvo3 ควรอยู่ที่ราวๆ 8.8-8.9 ต่อ 1ครับ
เปลี่ยนมาใช้ลูก2J ให้ช่างแก้สลักก้านสูบแบบเยื้องศูนย์แล้ว
จัดการแต่งให้ได้ระยะช่วงชักที่จุดศุนย์ตายบนให้ได้ตำแหน่งให้ใกล้เคียง ตำแหน่งจุดศุนย์ตายบนเดิมมากที่สุด
เท่านี้เราก็จะได้กำลังอัดใกล้เคียง 8.8 ของเดิมครับ

ส่วนมากที่เห็นทำกัน กำลังอัดจะต่ำไปถึง 8.2-8.5 ซึ่งต่ำมากจนต้นวิ่งไม่ออก
เพราะอู่ที่ประกอบลูก2Jผ่านแล้วออกมาใช้งานทุกวันได้ดี มีไม่กี่อู่ครับ
เพราะอู่ทั่วไปประกอบได้แต่ไม่เข้าใจรายละเอียดครับ รถเลยวิ่งไม่ออก

เรื่องเลือกขนาดปะเก็น ก็ต้องใช้วิธีคำนวณครับ
ไม่ใช่ลองเลือกใส่ไปให้ลูกค้ามั่วๆ มันไม่พังหรอกครับ แต่มันวิ่งไม่ออก
ลูกค้าก็ขับอืดๆแบบนั้นไป ช่างแบบนี้ต้องจับตีมือให้เข็ดการประกอบเรียนมาแล้วไม่นำวิชาความรู้มาใช้ครับ

ผมถึงย้ำอยู่เสมอว่า อู่ที่ชำนาญเครื่องมิตซู ที่เชื่อถือได้ มีไม่มากครับ
ราคาแพงกว่าก็ต้องจ่ายครับ เพราะราคาที่แพงกว่าคือมูลค่าประสบการณ์และความรับผิดชอบของอู่ครับ

 

ขนาดปะเก็นที่แนะนำสำหรับ ลูก2Jที่ได้รับการประกอบถูกต้อง+ฝาสูบ3+เทอร์โบเดิม+บูสท์ไม่เกิน1.2บาร์
ให้เลือกใช้ปะเก็น 1มม.-1.2มม.ครับ

ถ้าหนากว่านี้ก็คือ ไม่พัง แต่วิ่งไม่ออกครับ

---------- Post added at 12:12:47 ---------- Previous post was at 12:12:31 ----------

ขนาดปะเก็นที่แนะนำสำหรับ ลูก2Jที่ได้รับการประกอบถูกต้อง+ฝาสูบ3+เทอร์โบเดิม+บูสท์ไม่เกิน1.2บาร์
ให้เลือกใช้ปะเก็น 1มม.-1.2มม.ครับ

ถ้าหนากว่านี้ก็คือ ไม่พัง แต่วิ่งไม่ออกครับ

 

พี่โอ๋สุดยอดมากครับ

 

รอเทพแบบพี่โอ๋ มาช่วยตอบ ได้สมใจจริง ๆ ขอบคุณมาก ๆ ครับ


(ไม่รู้ว่าพี่จะเข้ามาดูอีกหรือไม่นะครับ เพราะผมอยากถามต่อในคำถามเดิมอีกนิดครับ จะรอนะครับ)


คือ พี่ช่วยผันธงกรณีของผมหน่อยครับ เพราะตั้งแต่ตอนที่ลูกแตกตอนโน้น ช่างบอกมาว่าไสฝาไป 0.2 มม.
และขยับขนาดปะเก็นผมเพิ่มตามไปอีก 0.2 มม. (จาก 1.3 ไปเป็น 1.5) แต่ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่เลย
ว่าโรงกลึง ไสฝาสูบผมไปถึง 0.2 มม. จริงอย่างที่อ้างมา เพราะพอรับรถกลับมา รู้สึกเลยว่า รถอืดกว่าเดิมพอสมควร
ประกอบกับ แก๊สหัวฉีดที่ติดตั้งมา ออกอาการจ่ายอ่อนไป ทำให้วิ่งได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. จนผมต้องเอาไปจูนใหม่
กลับมา ก็กินแก๊สเพิ่มอีกประมาณ 20 สต./กม. เลย

เลยเป็นที่มาว่า ผมสมควรจะลดขนาดปะเก็นลงจาก 1.5 ให้เหลือ 1.3 ดีหรือไม่น่ะนะครับ

(ปัจจัยเสริมคือ ผมจะเปลี่ยนจากลูก 1J เป็น 2J ด้วยครับ เลยต้องพิจารณาถ้วนถี่หน่อย เพราะปะเก็นราคาใช่ย่อยครับ)




ตอนได้รับรถมาใหม่ ๆ เครื่องเค๊าใส่ลูก 1J มา พร้อมกับปะเก็นขนาด 1.3 มม. วิ่งมันส์มาก ๆ ครับ ไม่อืด ไม่แย่อย่างที่ใคร ๆ ว่า
พอลูกแตก ก็ใช้ลูก 1J ต่อ แต่ช่างอ้างว่าไสฝาออกไป 0.2 มม. และเพิ่มขนาดปะเก็นเป็น 1.5 ผลลัพท์คือ อืดสมใจ
อยากได้ความรู้สึกเดิม ๆ เหมือนตอนรับรถมาใหม่ ๆ น่ะนะครับ (ไม่ได้ แต่ใกล้เคียงก็ยังดี) แต่ไม่อยากใช้ลูก 1J แล้ว
ความรู้สึกส่วนตัว ลูก 2J น่าจะทนทานกว่าลูก 1J ไม่รู้ว่าจริงแท้อย่างไร แต่ผมคิดว่าน่าจะดีกว่า เลยคิดจะเปลี่ยนน่ะครับ



รบกวนอีกครั้งด้วยครับพี่ ขอบคุณครับ

 

ปริมาตรบนหัวลูกสูบ 2J กับ 1J ไม่เหมือนกันครับ
ที่เรานิยม 2J กัน เพราะเราต้องการบูสท์หนัก
จึงต้องเลือกใช้ หัวลูกสูบ 2J ที่มีปริมาตรบนหัวลูกสูบมากเพื่อลดความเสียหายจากการชิงจุดระเบิด
ถ้าไม่ได้บูสท์หนัก ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ลูก 2J เพราะกำลังอัดเราจะต่ำมาก

ฉะนั้น ถ้าบูสท์น้อย ใช้ลูก 1J ที่ประกอบได้ระยะศูนย์ตายบนถูกต้อง + ใช้ปะเก็นขนาด 1.3 + ฝาสูบเดิมไม่มีการปาดฝา
กำลังอัดเครื่องจะออกมาราวๆ 8.9-9.1 ต่อ 1 ซึ่งถือว่าต้นจะดีมาก เหมาะสำหรับรถบูสท์น้อย
เป็นเรื่องถูกต้องครับ

ฉะนั้นหากอยากได้รถที่กับไปวิ่งเหมือนเดิม เราก็ต้องประกอบเครื่องกลับไปที่สูตรเดิมคือ
1. ใช้ฝาสูบ ที่มีปริมาตรเท่าเดิม
2. ใช้ปะก็นขนาดความหนาเท่าเดิม
3. และใช้ลูก 1 เจ เหมือนเดิม
กำลังอัดก็จะใกล้เคียงของเดิมทุกประการ ค่าความสัมพันธ์ระหว่าง น้ำมัน+อากาศ+ไฟ ก็ยังเหมาะสมเหมือนเดิม
วิธีนี้น่าจะดีที่สุด

การที่ประกอบเครื่องมาแล้วอืดกว่าเดิมเพราะ
1. ช่างประกอบไม่คำนวณหากำลังอัดที่เหมาะสม
2. ปริมาตรฝาสูบตอนนี้เป็นเท่าไร ช่างไม่วัด แล้วช่างจะคำนวณให้เหมาะสมได้อย่างไร
3. เมื่อไม่คำนวณปริมาตรฝาสูบให้เหมาะสม และจะเลือกขนาดปะเก็นที่เหมาะสมได้อย่างไร
4. ประกอบลูกสูบ ได้ตรวจสอบระยะต่างๆในห้องเผาไหม้ และระยะชักสู่จุดศูนย์ตายบนได้ถูกต้องหรือไม่
5. เมื่อประกอบแล้ว ถ้าปริมาตรห้องเผาไหม้เปลี่ยนไป จะรู้หรือไม่ เพราะไม่คำนวณ
6. เมื่อไม่รู้ปริมาตรห้องเผาไหม้ ไม่รู้กำลังอัดที่แท้จริง แล้วจะสามารถปรับจูนเกลี่ยโปรแกรมในกล่องให้เหมาะสมได้อย่างไร
เมื่อไม่ได้ปรับเกลี่ยโปรแกรมในกล่องให้เหมาะสม รถจึงมีอาการด้อยประสิทธิภาพลงให้เห็นอย่างที่เป็นอยู่

ฉะนั้นประเด็นสำคัญของเรา ตอนนี้ไม่ใช่อยู่ที่ว่า เปลี่ยนลูก2J แล้วจะวิ่งดีขึ้น ถ้าช่างประกอบยังไม่สามารถคำนวณอะไรได้แบบนี้
ประกอบลูกอะไรก็วิ่งไม่ออกครับ ยิ่งถ้าเปลี่ยนลูก 2J เข้าไปตอนนี้ ยิ่งออกทะเลหนักกว่าเดิม เพราะกำลังอัดจะต่ำกว่านี้อีก

ปัญหาที่ต้องจัดการตอนนี้มี 3 ข้อ
1. หาช่างประกอบเครื่องที่เชื่อถือและไว้ใจได้ ว่าสามารถประกอบเครื่องและดัดแปลงให้เราได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องฝาสูบ
2. เมื่อมีการดัดแปลงห้องเผาไหม้สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องเกลี่ยโปรแกรมในกล่องใหม่ ถ้าเกลี่ยไม่ได้ ให้ประกอบสเป็คเครื่องแบบเดิม
กำลังอัดใกล้ของเดิม โดยใช้ลูก1เจ เช่นเดิม
3. จัดการให้เครื่องยนต์กลับมามีสภาพสมบูรณ์ โดยมีค่าต่างๆตามมาตราฐานก่อนครับ

เมื่อเราทำ Mechanical สมบูรณ์แล้ว ค่อยไปจูนแก๊สอีกครั้งครับ
ถ้าพื้นฐานรถยังออกทะเลอยู่ จูนแก๊สเท่าไรก็ไม่สามารถทำให้เหมาะสมได้ครับ

 

ข้อมูลแน่น สาระล้วนๆเลยครับ