ฝากถึง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน ที่นำรถลุยน้ำท่วมสูงมาแล้วเครื่องดับกระทันหัน โดยที่ยังสามารถเปิดไฟใหญ่หน้ารถติดได้และระบบไฟหน้าปัดรถยังปกติ ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์ซ้ำขึ้นมาเด็ดขาดนะครับ เพราะมีโอกาสสูงที่น้ำจะเข้าเครื่องยนต์ของท่าน ทำให้ลูกสูบภายในเครื่องยนต์ท่านได้รับความเย็นจัดในขณะที่อุณหภูมิในห้องเผาไหม้ร้อนจัด จึงเสียหายจนติดกับผนังเสื้อสูบแล้ว ดังนั้นการสตาร์ทเครื่องยนต์ซ้ำอาจจะทำให้ก้านสูบขาด แท่งทะลุเสื้อสูบออกมา จนเสียหายถึงขั้นต้องเปลี่ยนเครื่องตัวใหม่แทนได้
วิธีการที่ถูกต้อง หลังเครื่องยนต์ดับ 1. ให้พยายามนำรถขึ้นที่สูงให้พ้นน้ำ 2. ถอดกรองอากาศและถ้าเป็นไปได้เปิดหัวเทียนออกดูครับ ถ้าเปียกน้ำมากผิดปกติ ห้ามสตาร์ทซ้ำเด็ดขาด ให้นำรถจอดในที่ปลอดภัย 3. รอน้ำลด แล้วนำรถเข้าตรวจสอบ ที่อู่ที่เชื่อถือได้ครับ ---------- เพิ่มกระทู้ เมื่อ 10:06:06 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 10:05:25 ---------- เพิ่มเติม สำหรับ พวกเกียร์ธรรมดาที่ลุยน้ำมา แล้วพอจอดรถดับเครื่องทิ้งไว้ แล้วอีกซักพักใหญ่ๆมาสตาร์ทอีกครั้งแล้วสตาร์ทไม่ติด สาเหตุคือน้ำได้ผ่านไปที่ชุดคลัตซ์และฟลายวีลทำให้ทั้ง2ชิ้นเป็นสนิมจับกัน จนคลัตซ์ไม่จากกับฟลายวีลจึงไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ เพราะมอเตอร์สตาร์มมีแรงฉุดไม่พอ วิธีแก้ไขคือ ให้ดับเครื่อง /เข้าเกียร์3ค้างไว้/ดึงเบรคมือ/แล้วสตาร์ทรถอีกครั้ง ขั้นตอนดังกล่าวจะสามารถกระชากให้คราบสนิมหลุดและหน้าคลัตซ์จากกับฟลายวีลได้ จากนั้นก็สามารถใช้งานได้ตามปกติครับ ไม่มีอะไรต้องตกใจ
เพิ่มเติมอีกข้อ สำหรับท่านที่ไม่เคยมีประสบการณ์ขับรถลุยน้ำป่า หรือ น้ำเชี่ยว มาก่อน แนะนำว่าไม่ควรขับลุยเข้าไปครับ เพราะรถเล็กน้ำหนัก1ตันเศษ สามารถโดนความแรงของกระแสน้ำที่ท่วมระดับแค่40-60เซนติเมตร พัดลอยจนตกถนนหรือลอยไปตามกระแสน้ำได้ง่ายๆ ฉนั้นควรหาที่จอดหลบและรอน้ำลดจะที่ดีสุดครับ ไม่ต้องรีบ เพราะเครื่องยนต์ไม่สามารถเอาชนะความแรงของกระแสน้ำตามธรรมชาติได้เลยครับ ส่วนท่านที่จำเป็นต้องลุยจริงๆ หรือ พลัดหลงเข้ามาเจอกับกระแสน้ำท่วมแล้วมีควรจำเป็นต้องไปต่อ ควรปฎิบัติดังนี้ 1. ปิดระบบปรับอากาศทันที เพื่อไม่ให้พัดลมแอร์ทำงานแล้วดูดน้ำเข้าหาตัวเครื่องยนต์ 2. เปิดกระจก เพื่อเตรียมไว้เป็นทางออกฉุกเฉินกรณี ระบบไฟถูกน้ำท่วมใช้การไม่ได้ 3. ขับรถรักษาระดับความเร็วคงที่ ไม่ควรเร็วมากเพราะน้ำจะทะลักผ่านเข้าเครื่องยนต์ได้ และ ควรทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า และ รถที่มีความสูงกว่า เพิ่มป้องกันคลื่นน้ำจากรถคันอื่นๆ ชํดมาทะลักท่วมเครื่องยนต์โดยไม่ได้ตั้งตัว 4. จุดสังเกตุง่ายๆคือ ถ้าน้ำท่วมถึงระดับแนวบนของกันชนรถท่านแล้ว ไม่ควรไปต่อ เพราะระดับกรองอากาศส่วนมากจะอยู่แนวเดียวกับไฟใหญ่ ถ้าน้ำท่วมถึงระดับนั้นได้ มีโอกาสที่น้ำจะถูกดูดเข้าเครื่องยนต์เสียหายได้ครับ
"เกร็ดความรู้ หลังรถโดนน้ำท่วม" จาก พี่ตุ๋ย กระทิงแดง MitsuSport กรณีน้ำท่วมสูง รถวิ่งอยู่แล้วน้ำเข้า จนเครื่องดับ อย่าสตาร์ทเครื่อง ให้เข็นเข้าข้างทางถอดขั้วแบตเตอรี่ออก และรอความช่วยเหลือ ประเภทรถยก รถลาก เมื่อถึงอู่ซ่อมแจ้งช่างว่าน้ำเข้่าเครื่องยนต์ ช่างส่วนใหญ่มักจะสตาร์ทเพื่อทดสอบว่าจริงหรือไม่ บอกเค้าเลยว่า "อย่าสตาร์ท" ให้เปิดเอาหัวเทียนออกก่อนแล้วจึงสตาร์ท มิฉนั้นก้านสูบอาจจะคตงอได้ กร...ณีน้ำท่วมสูงมากจนเข้าภายในรถ กรณีนี้ปฎิบัติเหมื่อนกันทุกประการ แต่จะต้องถอดเอาอินเตอร์-ท่ออินเตอร์ออกเพื่อไล่น้ำออกด้วย เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆก็ต้องเอาออกมาทำความสะอาดและเป่าแห้งก่อน จยกว่าจะมั่นใจว่าแห้งทุกอย่างดีแล้วจังสตาร์ทเครื่องยนต์ กรณีรถจอดทิ้งไว้ น้ำท่วมเข้ารถ อันนี้ทำได้นอย่างเดียว คือทำใจ รอจนน้ำรถแล้วค่อยเข้าไปดูแล เพราะคงช่วยอะไรไม่ได้มาก ทุกกรณี เวลาไปที่อู่ แน่นอนช่างงานเค้าจะล้นมือต้องปล่อยทิ้งไว้ก่อน ตอนนี้แหละปัญหาใหญ่ ถ้าเครื่องอยู่ในน้ำไม่ค่อยมีปัญหาแต่พอเอาขึ้นมาแล้ว น้ำไหลออกหมด อากาศเข้าไปแทนที่ สนิมมาเลยครับ ถึงตอนนี้เครื่องพังแน่นอน ช่วยตัวเองก่อนดีที่สุด เมื่อเดินทางถึงอู่หรือที่อื่น ควรถอดกล่องเครื่องและกล่องอื่นๆออกก่อน เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ด้วย จากนั้นถอดขั้วแบตที่เข้าไปที่มอเตอร์สตาร์ทออก ถอดเอาหัวเทียนออก แล้วต่อไฟเข้าเลี้ยงเฉพาะมอเตอร์สตาร์ท หาสายไฟเส้นเล็กต่อระหว่างสายแบตกับขั้วใหญ่กับขั้วเล็ก เครื่องยนต์จะหมุนน้ำจะพุ่งออกทางรูหัวฉีด (ระวังอย่าเข้าใกล้) สตาร์ทนาน 10 วินาที พัก 1 นาที ทำอย่างนี้จนไม่มีน้ำออกจากรูหัวเทียน จากนั้น ให้เอาน้ำมันเครื่องอะไรก้ได้ เก่าก็ได้หยอดเข้าไปในรูหัวเทียนครึ่งขวดกระทิงแดง สตาร์ทเครื่องอีกครั้ง เท่านี้ก็ช่วยให้เครื่องไม่พังได้ระหว่างรอ ส่วนการถ่ายน้ำมันเครื่องก็สามารถทำได้เลยเช่นกัน ใช้น้ำมันเครื่องธรรมดาราคาไม่แพง ถ่ายออกอย่างน้อย 2 ครั้ง + อ้างถึง ตอบกลับ