เรื่องน่ารู้สำหรับคลับเรานะครับ

การสนทนาใน 'DNA Racing Club' เริ่มโดย TK RACING, 12 เมษายน 2006

< Previous Thread | Next Thread >
  1. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    ไม่รู้จะอ่านไปทำมัย


    เพราะรถไม่มีจะให้ดูแล
     
  2. oat_dna

    oat_dna Active Member Moderator

    2,715
    8
    38
    อันนี้เกี่ยวกับป่มตรงๆ เลย.....อิอิ
     
  3. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    เกี่ยวตรงไหนอะ
     
  4. num_dna_01

    num_dna_01 New Member Moderator

    526
    4
    0
    เรื่องน่ารู้มีอยู่ว่า ตอนนี้อยากได้ฟอจูนเนอร์ฉิบหาย ฮ่าๆๆๆ ขอรถแตนๆๆๆๆๆ
     
  5. oat_dna

    oat_dna Active Member Moderator

    2,715
    8
    38
    แล้วเอาคันเก่ามายกให้ป๋ม จะดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
     
  6. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    ควายยยยยยยยยยยยยยย

    คันเดียวยังไม่มีปัญญาซ่อมเลย
     
  7. num_dna_01

    num_dna_01 New Member Moderator

    526
    4
    0
    ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าขายทิ้งเหมือนไอ้ห้อยนะน้องด๋อย ทำเค้าพังแล้วยังไม่รักษาแถมขายทิ้งอีก ฮ่าๆ
     
  8. oat_dna

    oat_dna Active Member Moderator

    2,715
    8
    38

    มาช่วยป๋มซ่อมหน่อยดิ งบก้อนใหม่จะมาแล้ว

    และก้อนสุดท้ายที่จะทำให้ ไอ้รถคันนี้....................อิอิ
    คงไม่ขายอ่ะ ปล่อยไว้ ปลูกตำลึง อิอิ

    ขายไปก้อไม่คุ้ม
     
  9. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
  10. TK RACING

    TK RACING New Member Moderator

    1,163
    8
    0
    ผมขอยกตัวอย่างกล่องที่อยู่ในระดับใกล้ๆกันนะครับ สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับคนซื้อที่จะตัดสินใจ
    ไม่ว่ากล่องอะไรราคาเท่าไรขอให้คิดให้ดีว่า ถ้าเราคิดจะทุ่มเงินซื้อของที่ราคาสูงมากๆมาแล้ว เราจะสามารถนำเอาfunctionและความสามารถทุกอย่างที่กล่องตัวนั้นมีให้ มาใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุดได้หรือไม่

    ลองเอาเงินที่ต้องจ่าย มาหารจำนวนม้าที่เพิ่มขึ้นดูว่า 1 ม้าใช้ตังค์ไปเท่าไหร่

    สมมุติว่ารถคุณ เครื่องเดิมไม่ได้ทำอะไรเลย 130แรงม้าเกียร์ออโต้ มาใส่กล่องหวังจะให้ได้ความเร็วปลายจาก 185 เป็น 220 อันนี้ถือหวังสูงเกินไปครับไม่ใช่กล่องเทพ หน้าที่ของกล่อง ในรถระดับใช้งานทั่วไปนี่คือช่วยปรับแต่งการจ่ายน้ำมันหรือการจุดระเบิด ที่ของโรงงานอาจจะเซ็ตเอาความสามารถมาแค่ 90-95จาก100% ให้มันทำงานได้ใกล้เคียง100%ที่สุด

    หรือ ถ้าอยากได้เพิ่มสัก 10 ม้าจากเดิมผมก็บอกตรงๆว่าไปทำ header กะท่อเอาก็ได้แล้วถูกกว่าด้วย ม้าตัวนึงกินเงินน้อยกว่า อันนี้คุณเป็นคนตัดสินใจครับ และต่อไปนี้ เรามาดูกล่องแต่ละตัวกันครับว่าเป็นไงกันบ้าง


    e-manage ฟ้า:


    Function:
    x scale ในการปรับตารางรอบเครื่องที่ละ 100 rpm
    x ปรับน้ำมันตาม Airflow ได้ 16x16 ช่อง เพิ่ม/ลด น้ำมัน
    x ปรับองศาการจุดระเบิดได้ 16x16 เพิ่ม/ลด องศาไฟจุดระเบิด ได้ -20/+20
    x กรณีรถ set turbo หรือรถที่ต้องเพิ่มน้ำมันมากๆ ต่อสายคุมหัวฉีดได้ ปรับได้ 16x16 (เพิ่มน้ำมันได้ เท่านั้น)
    x ปลดตัด Boost ได้ เช่น NA set BO หรือ เครื่อง turbo ที่ต้องการปรับ boost เพิ่ม
    x กรณีเปลี่ยนหัวฉีดใหญ่ขึ้นน้ำมันจะท่วม สามารถคุ่มหัวฉีดที่เปลี่ยนได้
    x คุมหัวฉีดเสริมได้ 2 หัว 16x16
    x ปรับ VTEC ได้ เฉพาะ block B, H, D, F เท่านั้น Dimension, Jazz, Steam CRV ปรับไม่ได้ ถึงได้ก็ไม่มีประโยช์น VTEC เหล่านี้เปิดที่รอบ 2200-3000 อยู่แล้ว
    x เก็บ datalog ได้ (แต่ต้องใช้ notebook)
    x สั่ง option เพิ่ม จาก Greddy เพื่อปลด close loop ได้ [ตอนนี้กำลังทำตัวปลด close loop แบบ otop กำลังทดสอบอยู่ครับ]

    e-manage Ultimate:


    function:
    x scale ในการปรับตารางรอบเครื่องที่ละ 50 rpm
    x ปรับน้ำมันตาม Airflow ได้ 16x16 ช่อง เพิ่ม/ลด น้ำมัน
    x กรณีรถ setbo หรือรถที่ต้องเพิ่มน้ำมันมากๆ ต่อสายคุมหัวฉีดได้ ปรับได้ 16x16 และพิเศษกว่ากล่องฟ้าตรงที่จะ เพิ่ม หรือลด ก็ได้
    x รวมแล้วสามารถทำให้สามารถปรับ ได้ 30x16 (ทำมาแล้วสามารถยืนยันได้)
    x ปลดลากรอบเครื่องได้เช่นรถผม [civic dimension เครื่องเดิมกระปุกตัวไม่มี vtec] ใช้รอบอยู่ 7800-8000 (จุดประสงค์นี้เพื่อเกียร์กระปุกเท่านั้น)
    x LOCK รอบออกตัวได้เช่นการออกตัว quatermile ได้และถ้าเป็นรถ turbo ทำ misfire ได้
    (กดคันเร่งเต็มที่รอบจะค้างอยู่ที่รอบที่เราตั่งไว้เช่น 4500 รอบ เวลายกคลัทช์ออกรอบเครื่องจะกลับมาเป็นปกติถ้าเป็นรถ turbo จะมี boost มารอด้วย ทำให้มีแรงออกตัวมากขึ้น)สำหรับเกียร์กระปุกเท่านั้น

    x ปรับองศาการจุดระเบิดได้ 16x16 เพิ่ม/ลดองศาไฟจุดระเบิด ได้ -30/+30
    x ปรับน้ำมันตาม อุณหภูมิน้ำได้
    x ปรับองศาจุดระเบิดตาม อุณหภูมิน้ำได้
    x ปรับน้ำมันตามอุณหภูมิของไอดี ได้
    x ปรับองศาจุดระเบิดตามอุณหภูมิของไอดี ได้
    x สามารถคุมอุปกรณ์ต่างๆตาม อุณหภูมิของไอดี และน้ำหล่อเย็นได้
    เช่น สั่งให้พัดลมไฟฟ้าให้ทำงานก่อนอุณภูมิที่ผู้ผลิตปรับตั้งไว้ตอนแรก หรือสั่งให้ฉีดน้ำ intercooler เมื่อถึง intake temp ที่ตั้งไว้
    x ปลดตัด Boost ได้ เช่น NA set BO หรือ เครื่อง turbo ที่ต้องการปรับ boost เพิ่ม
    x คุมหัวฉีดเสริมได้ 2 หัว 16x16
    x ปรับ VTECได้ หมด
    x ปลด lock ความเร็ว 180 ได้เกือบทุกรุ่น
    x กรณีเปลี่ยนหัวฉีดใหญ่ขึ้นน้ำมันจะท่วม สามารถคุมหัวฉีดที่เปลี่ยนได้
    x สำหรับรถ เกียร์ auto แรงๆ เช่น JZ-GTE โมดิฟายเพิ่มเวลาเปลี่ยนเกียร์จะกระตุก มี functionแก้อาการนี้ได้
    x เก็บ datalog ได้โดยไม่ต้องใช้ notebook
    x มี switch อยู่ข้างกล่องที่ผู้ใช้รถสามารถปรับเลือกตารางน้ำมันและองศาจุดระเบิดเองได้โดยไม่ต้องพึ่ง tuner
    แต่ tuner ต้องตั้งไว้ให้ก่อน มีให้ใช้ 2 ตารางจะใช้งานในกรณีไหน?? เช่น จูนไว้สำหรับ octane 95 , 91 , 100 เป็นต้น
    x มี AF FeedBack เป็น option ที่ต้องซื้อเพิ่มจาก Greddy สำหรับเวลาจูน อันนี้ไม่ขออธิบายมากนะครับเพราะเรื่องค่อนข้างยาว
    x สามารถซื้อ Greddy remote อันเดียวกับตัวที่รถแรงๆใช้ปรับ boost controller เพิ่มคุ่ม function ต่างๆในกล่องได้
    x สั่ง option เพิ่ม จาก Greddy เพื่อปลด close loop ได้ [ตอนนี้กำลังทำตัวปลด close loop แบบ otop กำลังทดสอบอยู่ครับ]
    close loop คืออะไรเรื่องมันยาวหากสงสัยใหัโทรถามยินดีอธิบายและให้คำแนะนำครับ

    ตอนนี้มีตัวปลด close loop แล้วครับ


    HKS F-CON SZ:


    ตัวนี้เมื่อเทียบกับ e-manage ultimate ก็เหมือนรักพี่เสียดายน้องเพราะFCONSZ นั้น
    ปรับตารางได้ละเอียดกว่าแต่ก็ขาดลูกเล่นไปเยอะเช่นปลดรอบเครื่องไม่ได้, lock รอบออกตัวไม่ได้ ฯลฯ

    x scale ในการปรับตารางรอบระเอียดกว่า e-manage ultimate
    x ปรับน้ำมันที่หัวฉีดได้ 24x16 ช่อง +/-น้ำมัน
    x ปรับองศาการจุดระเบิดได้ 24x16 +/- องศาจุดระเบิด
    x ปรับน้ำมันตาม Water Temp ได้
    x ปรับองศาจุดระเบิดตาม Water Temp ได้
    x ปรับน้ำมันตาม Intake Temp ได้
    x ปรับองศาจุดระเบิดตาม Intake Temp ได้
    x ปลดตัด Boost ได้ เช่น NA set BO หรือ เครื่อง turbo ที่ต้องการปรับ boost เพิ่ม
    x ปลด lock ความเร็ว 180 ได้เกือบทุกรุ่น
    x มี switch อยู่ข้างกล่องที่ผู้ใช้รถสามารถปรับเลือกตารางน้ำมันและองศาจุดระเบิดเองได้โดยไม่ต้องพึ่ง tuner
    แต่ tuner ต้องตั่งไว้ให้ก่อน มีให้ใช้ 2 ตารางจะใช้งานในกรณีไหน?? เช่น จูนไว้สำหรับ octane 95 , 91 , 100 เป็นต้น
    x สำหรับรถ เกียร์ auto แรงๆ เพิ่มเวลาเปลี่ยนเกียร์จะกะตุก มี function แก้อาการนี้ได้เหมือนกับUltimate
    x มี AF FeedBack

    สำหรับรถใช้งานทั่วไปเช่น civic dimension, altis, Jazz, Vios ฯลฯ ที่เน้นแอร์เย็นเพลงเพราะรถสวย โปรดฟังอีกครั้ง "ที่เน้นแอร์เย็นเพลงเพราะรถสวย" รถระดับนี้ e-manage กล่องฟ้าก็ดีพอแล้วครับใส่ ultimate หรือ F-CON ไปก็วิ่งไม่ต่างกันมากและก็ไม่ได้ใช้ function ทั้งหมดที่กล่องมีให้อย่างเป็นประโยชน์จริงจัง [จากประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ลองกับรถตัวเองมาแล้วทั้งกล่องฟ้า และ Ultimate] เปลืองเงินไปเปล่าๆ ม้า1ตัว กินเงินเยอะกว่า ค่าจูนก็แพงกว่าด้วย แบบนี้เก็บเงินไว้ทำท่อทำ header ทำกรอง ซึ่งเป็นส่วนประกอบเครื่องที่เป็นhardware แล้วใช้กล่องธรรมดาๆ ผลที่ได้ออกมาจะชัดเจนกว่าการที่ไม่ได้ปรับแต่งอะไรเครื่องเลย แต่ใช้กล่องใบละหลายหมื่นเพียงอย่างเดียว (ยกเว้นว่ารถโมดิฟายมาหนักๆ แรงม้าหลายร้อย A/Fแกว่งเป็นหมากระดิกหาง ทีนี้กล่องใบละหลายหมื่น จะได้ใช้ความสามารถของมันแน่ๆ แบบนี้คุ้ม)

    ไหนๆก็ไหนๆแล้วมีคำถามมามากเกี่ยวกับพวกจอฟ้าทั้งหลายว่า"รถผมควรใส่อะไรดีต่างกันอย่างไรเพื่ออะไรฯลฯ" RSM, SAFCI, VAFCI, SAFCII,
    VAFCII, และใหม่สุด AFC NEO จอสี ก็ขออธิบายไว้ตรงนี้เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับทุกท่านละกันครับ


    RSM: [REV Speed Meter]


    จุดประสงค์เพื่อดูค่า รอบเครื่อง, ความเร็วรถ, Battery Voltage และปลดความเร็ว 180 ของเล่นต่างๆมีดังนี้

    x วัดรอบเครื่อง
    x ต่อ shiftlight ได้เช่นตั้งไว้ 5000 rpm ถึง 5000 rpm ไฟจะติด
    x วัดความเร็วได้
    x ดู Battery voltage ได้
    x ต่อไฟไว้เตือนความเร็วได้เช่น ตั้งไว้ 100 เกิน 100 ไฟจะติด
    x วัดระยะทางการเดินทางได้
    x ปลด lock ความเร็ว 180 ได้เกือบทุกรุ่น
    x จับเวลา 0-100m , 0-200m, 0-400m
    x จับเวลา 0-100 km/h, 0-200km/h, xx-xxx km/h xx=ใส่ค่าเริ่มต้นเอาเอง xxx=ใส่ค่าสิ้นสุดเอาเอง
    x วัดแรง G ของรถ (เป็น option ที่ต้องซื้อG-Sensorเพิ่ม)
    x วัดแรงม้า โดยคำนวนจากแรง G per second (โดยส่วนตัวผมว่าค่อนข้างไร้สาระ วัดได้ห่วยแตกมากๆ รถผมวัดได้ 900 ม้า 4A-FEเดิมๆรุ่นน้องผมมันวัดได้ 342แรงม้า BULLSHIT !!!)
    x ดูค่าสูงสุดของ data ต่างๆ ได้ เช่น รอบเครื่อง โวลต์แบต ความเร็วสูงสุด


    SAFCI: [Super Airflow convert]


    จุดประสงค์เพื่อปรับน้ำมันอย่างเดียวไม่สามารถปรับไฟจุดระเบิดได้

    x ปรับน้ำมันตาม airflow ได้ ตาราง 8 x 2
    x ดูรอบเครื่อง, องศาลิ้นผีเสื้อได้ [หรือ % ของการกดคันเร่งได้]
    x ในรถที่เป็น MAP [Manifold Absolute Pressure] sensor สามารถดู vac/boost ได้
    x ดูค่าสูงสุดของ data ต่างๆ ได้ เช่น รอบเครื่อง

    SAFCII: [Super Airflow convert]


    จุดประสงค์เพื่อปรับน้ำมันอย่างเดียวไม่สามารถปรับไฟได้

    x ปรับน้ำมันตาม airflow ได้ ตาราง 12 x 2
    x ดูรอบเครื่อง, องศาลิ้นผีเสื้อได้ [หรือ % ของการกดคันเร่งได้]
    x ในรถที่เป็น MAP [Manifold Absolute Pressure] sensor สามารถดู vac/boost ได้
    x มี function กันเครื่อง knock ได้สำหรับรถบางรุ่นที่เขียนระบุไว้ในคู่มือผลิตภัณฑ์
    x lock ไม่ให้มือบอนมาปรับตั้งน้ำมันเล่นได้
    x ดูค่าสูงสุดของ data ต่างๆ ได้ เช่น รอบเครื่อง

    VAFCI: [VTEC Airflow convert]


    จุดประสงค์เพื่อปรับน้ำมันและ VTEC ไม่สามารถปรับไฟได้

    x ปรับน้ำมันตาม airflow ได้ ตาราง 8 x 2
    x ดูรอบเครื่อง, องศาลิ้นผีเสื้อได้ [หรือ % ของการกดคันเร่งได้]
    x สามารถดู vac/boost ได้ [Honda ทั้งหมดเป็น MAP]
    x ปรับ vtec ได้ เฉพาะ block B, H, D, F เท่านั้น Dimension, Jazz, Steam CRV ปรับไม่ได้ ถึงได้ก็ไม่มีประโยช์น vtec เหล่านี้เปิดที่รอบ 2200-3000 อยู่แล้ว
    x ดูค่าสูงสุดของ data ต่างๆ ได้ เช่น รอบเครื่อง


    VAFCII: [VTEC Airflow convert]


    จุดประสงค์เพื่อปรับน้ำมันและ VTEC ไม่สามารถปรับไฟได้

    x ปรับน้ำมันตาม airflow ได้ ตาราง 12 x 2
    x ดูรอบเครื่อง, องศาลิ้นผีเสื้อได้ [หรือ % ของการกดคันเร่งได้]
    x สามารถดู vac/boost ได้ [Honda ทั้งหมดเป็น MAP]
    x มี function กันเครื่อง knock ได้สำหรับรถบางรุ่นที่เขียนไว้ในคู่มือ
    x lock ไม่ให้มือบอนมาปรับตั่งน้ำมันเล่นได้
    x ปรับ vtec ได้ ตามลิ้นผีเสื้อด้วย VAFCI ได้ตามรอบเครื่องเท่านั้น
    x ปรับ vtec ได้ หมด มีประโยช์นสำหรับพวก K20A ฝาแดง
    x ดูค่าสูงสุดของ data ต่างๆ ได้ เช่น รอบเครื่อง

    AFC NEO: [Airflow convert NEO ย่อจากอะไรไม่รู้]


    จุดประสงค์เพื่อปรับน้ำมันและ VTEC ไม่สามารถปรับไฟได้ เป็นตัวใหม่ล่าสุดจาก APEXi เป็นจอสี display ได้สวยหรู hi-so มาก
    หลังจากจอฟ้า APEXi จะไม่ทำแยก VAFC และ SAFC และก็จะมาเป็นตัวนี้แทน

    x ปรับน้ำมันตาม airflow ได้ ตาราง 16 x 2
    x ดูรอบเครื่อง, องศาลิ้นผีเสื้อได้ [หรือ % ของการกดคันเร่งได้]
    x ในรถที่เป็น MAP [Manifold Absolute Pressure] sensor สามารถดู vac/boost ได้
    x ปรับ vtec ได้ ตามลิ้นผีเสื้อด้วย VAFCI ได้ตามรอบเครื่องเท่านั้น
    x ปรับ vtec ได้ หมด มีประโยช์นสำหรับพวก K20A ฝาแดง
    x ดู Battery Voltage ได้
    x ดูค่าสูงสุดของ data ต่างๆ ได้ เช่น รอบเครื่อง

    ปล.ขอขอบคุณ คุณ คนโง่RCW
     
  11. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    ไม่อยากอ่านเลยยาวโคตร
     
  12. oat_dna

    oat_dna Active Member Moderator

    2,715
    8
    38
    สุดยอดความรู้

    :D :D
     
  13. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    อ่านยังอะมิง
     
  14. oat_dna

    oat_dna Active Member Moderator

    2,715
    8
    38
    อ่านแล้ว แต่ไม่รู้เรื่อง............อิอิ
     
  15. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    แสรดดดดดดดดดด
     
  16. oat_dna

    oat_dna Active Member Moderator

    2,715
    8
    38
    ก้อไม่ค่อยรู้อ่ะ เข้าอู่อย่างเดียวววววววว.......อิอิ
     
  17. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    รวยว่างั้ง
     
  18. TK RACING

    TK RACING New Member Moderator

    1,163
    8
    0
    ความแรงและความประหยัด สวนทางกันเสมอครับ
    มาดูกันก่อนครับว่า อัตราทดเฟืองท้าย คืออะไร ตัวเลข 3.73:1, 3.9:1, 4.1:1 มาจากไหน
    ในรถขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีเฟืองท้ายลูกใหญ่อยู่ที่เพลาท้าย ในนั้นจะมีเฟืองหลักๆ สองตัวที่ขบกัน และส่งกำลังให้กันเฟืองตัวแรกคือ เฟืองพีเนียน ที่ตรงมาจากเกียร์รถยนต์ วิ่งมาตามความยาวของรถ อีกตัว คือเฟืองวงแหวน ที่จะส่งกำลังไปที่ล้อ
    และตัวเลข ก็มาจากการนับฟันเฟือง สองตัวนี้ล่ะครับ
    ถ้าริง มี 41 ซี่
    พิเนียน มี 10 ซี่
    ก็จะได้ 4.1:1 แปลว่า ล้อหมุน 1 รอบ แกนเพลาจากเกียร์ ต้องหมุนถึง 4.1 รอบ

    รอบการหมุนของล้อ ก็เกี่ยวข้องกับขนาดยางโดยตรงครับ เพราะยางที่มีเส้นรอบวงไม่เท่ากัน ก็ได้ระยะทางไม่เท่ากันด้วย ในแต่ละรอบ

    การเลือกเฟืองท้ายให้เหมาะกับความต้องการ มีตัวแปล 4 ตัวคือ
    1 ขนาดยาง (Tire Size )
    2 อัตราทด เกียร์ (Transmission Ratio )
    3 อัตราทดเฟืองท้าย (Final Gear Ratio )
    4 รอบเครื่องยนต์ ที่เราใช้วิ่งแบบสบายๆ ซึ่งก็ประมาณ 55 MPH.(Engine RPM At Cruise Speed)

    สูตรข้างล่าง คือสูตรคำนวญ เลือกเฟืองท้าย โดยมีรอบเครื่องยนต์เป็นตัวชี้วัด

    MPH x Gear Ratio
    --------------------- x 336 = Engine RPM
    Tire Diameter

    สมมุติว่ายางเดิมติดรถ คือ
    195-60 R15 ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาง 24.2 นิ้ว
    ผมเปลี่ยนแมก เปลี่ยนยางเป็น 235 45 17 ซึ่งทำให้ยางใหญ่ขึ้น มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 25.33 นิ้ว

    25.33 - 24.2 = 1.13 นิ้ว ใหญ่กว่าเดิม 1.13 นิ้ว นี่ละครับประเด็น เพราะหนึ่งรอบของยางใหม่ ผมไปไกลกว่าเดิมนิดหน่อย

    ตัวอย่าง เมื่อใช้ยางเดิม

    55 x 3.73
    --------------------- x 336 = 2848.36 RPM
    24.2

    ถ้าใช้ยางเดิมแล้วเปลี่ยนเฟืองท้ายล่ะ จะเป็นไง

    55 x 4.1
    --------------------- x 336 = 3130.9 RPM
    24.2

    ปัญหาของผมคือ เฟืองท้ายเดิม ยางใหญขึ้น รอบปกติของผม จะต่ำกว่าตอนที่ใช้ยางเดิมๆ
    55 x 3.73
    --------------------- x 336 = 2721 RPM
    25.33

    เหลือแค่ 2721 รอบต่อนาทีเอง รอบต่ำดีจริงๆ น่าจะประหยัดเนอะ
    จากตัวอย่าง พี่จะเห็นว่าเฟืองท้ายเลขน้อย เมื่อเทียบกับขนาดยาง จะใช้รอบเครื่องน้อยกว่า และก็จะประหยัดน้ำมันด้วย

    อ้าว แล้วอยากเปลี่ยนเฟืองท้ายไปเป็น 4.1 กันทำไมหว่า....................

    ก็แหมพี่ รถซิ่งอ่ะครับ
    รถผมวางเจ สมมุติว่าเทอร์โบรถผมทำงานดีดีที่ 3500 รอบต่อนาที แรงม้าสูงสุดของผม มันอยู่ที่ 5500 รอบต่อนาที

    ถ้าผมขับอยู่ที่ 2721 รอบเรื่อย เกิดต้องการเร่งแซง ผมก็ต้องใช้เวลาไต่รอบนานมาก กว่าจะไปถึง 3500 รอบ
    แต่ถ้าผมเปลี่ยนเป็น เฟืองท้าย 4.1 ล่ะ จะเป็นไง

    55 x 4.1
    --------------------- x 336 = 2991 RPM
    25.33

    รอบเล็กๆ น้อย คิดกันเป็นเสี้ยววินาที นี่ล่ะครับ ชิงจังหวะกันบนถนนด้วยจุดนี้ รอรอบนิดเดียว เพื่อนหนีไปแล้ว

    คราวนี้ มาดูที่ชาร์จ
    แถวบน ขวาง คือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยางเป็นนิ้ว
    แนวตั้งคือ เฟืองท้าย

    แถบสีชมพูคือ การใช้งานทั่วไป
    ถ้าต้องการเปลี่ยนเฟืองท้ายให้ได้ความประหยัด ก็เลือกสีเหลืองช่วงบน
    แต่ถ้าต้องการกำลัง เลือกแถบเหลืองช่วงล่าง
    สรุปให้เข้าใจเห็นภาพง่ายๆที่สุดคือ

    ขนาดยาง มีผลต่ออัตราทดเฟืองท้าย
    เช่นรถกระบะ ยกสูง เปลี่ยนยางใหญ่แทนยางเดิม แล้วไม่เปลี่ยนเฟืองท้าย รอบจะต่ำลงเป็นอย่างมาก
    การเปลี่ยนเฟืองท้ายให้เหมาะกับขนาดยางใหม่ ช่วยให้รอบเครื่องกลับมาอยู่ที่จุดเดิมเหมือนรถสแตนดาร์ดได้ครับ

    ถ้ายางเท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
    เฟืองท้ายอัตราทดต่ำ จะประหยัดน้ำมันกว่าเฟืองท้ายเลขสูงๆ และมีความเร็วสูงสุดที่มากกว่า แต่มันจะไต่ระดับความเร็วขึ้นไปแบบช้าๆ และต้องใช้ระยะทางวิ่งนานกว่าที่จะได้ความเร็วที่ต้องการ

    เปลี่ยนเฟืองท้ายสูงขึ้น รถอยู่ในรอบเครื่องยนต์ใกล้จุด Hi performance กว่าเดิม จังหวะเร่งแซง ออกตัวดีขึ้น เกียร์เปลี่ยนเร็วขึ้น แต่ความเร็วสูงสุด น้อยลง
    เหมาะกับการขับแบบสปริ๊นท์ แคร๊ก ทางที่มีโค้งมากๆ มีเนินมากๆ ไม่ใช่ทางตรงยาว แบบขับเอื่อยๆ และกินน้ำมันกว่า

    เฟืองท้ายอัตราทดสูง ซี่งมากกว่าเดิม เปราะลง

    เกียร์ออโต้ เฟืองท้ายต่ำ อืด

    เชนเกียร์ ไม่ระวัง เฟืองท้ายแตก เสียเงิน

    จากตัวอย่างในรูปนี้ สมมุติว่า รถกระบะของพี่พี่ ใช้ยางเดิม (H - 3) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 26 นิ้ว อัตราทดเฟืองท้ายเดิมๆ คือ 3.54 รอบปกติ ที่ใช้งานทั่วไปก็อยู่ที่ 2,516RPM
    แต่มันไม่เท่ห์ เลยเอาไปยกสูง ใส่ยาง 30 นิ้ว มัดเทอร์เรน และตั้งใจว่าจะใช้งานปกติวิ่งทั่วไปในเมืองบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง ก็ควรเปลี่ยนเฟืองท้ายเสียใหม่ เป็น 4.1 เพื่อให้ได้รอบทำงานตามเดิม ( K - 7 )

    แต่ถ้าอยากแรงขึ้นมาก็อาจเปลี่ยนเป็น N -7 แทนนะครับ
     
  19. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    มีของใหม่มาอีกแล้ว
     
  20. TK RACING

    TK RACING New Member Moderator

    1,163
    8
    0
    พวกเมิงนี่แมร่งไม่หาอะไรเข้าคลับเลย หาแต่...
     
  21. ae100

    ae100 New Member Member

    1,495
    3
    0
    จะเอาปะละ.......................ไอ้นี่อะ
     
  22. TK RACING

    TK RACING New Member Moderator

    1,163
    8
    0
  23. TK RACING

    TK RACING New Member Moderator

    1,163
    8
    0
    ความรู้นะครับให้เพื่อนๆอ่านกันนะครับ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้