Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Team and group
>
Team and Group
>
DNA Racing Club
>
เรื่องน่ารู้สำหรับคลับเรานะครับ
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="TK RACING, post: 120206, member: 1693"]<b>กรองอากาศครับ</b></p><p><br /></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="5">การเป่ากรองอากาศ นอกเหนือไปจากการดูแลระดับ น้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันต่าง ๆ ระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ (ถ้าไม่ได้ใช้แบบ Maintenance Free) ในกระบวนการดูแลรักษาเครื่องยนต์จะมี "กรองอากาศ" เข้ามาเป็นจุดที่ต้องให้ความสนใจเช่นกัน เพราะกรองอากาศมีหน้าที่กลั่นกรองอากาศที่จะเข้าสู่ห้องเผาไหม้ให้สะอาดปราศจากฝุ่นผง (ซึ่งเครื่องยนต์ไม่ชอบ) เมื่อกรองอากาศดักฝุ่นไว้มาก ๆ เข้าโดยเจ้าของไม่ทำความสะอาดหรือดูแลมันเลย ก็จะพานให้รถวิ่งไม่ออกเพราะเครื่องยนต์หายใจไม่สะดวกแถมยังกินน้ำมันดุเดือดทั้ง ๆ ที่วิ่งไม่ได้เรื่องจึงต้องได้รับการดูแลกันตามสมควร</font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="5">บางครั้งเข้าไปเติมน้ำมันในปั๊มหรือนำรถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เด็กในปั๊มก็จะเข้ามาถามว่า "พี่ ๆ เป่ากรองอากาศไหม"ถือว่าเป็นบริการพิเศษอีกอย่างที่เจ้าของปั๊ม (น่าจะ) สั่งไว้ ซึ่งแค่ปลดล็อคเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นก็สามารถเอากรองอากาศออกมาจัดการเป่าทำความสะอาดได้แล้ว หรือยากขึ้นมาหน่อยก็ถอดน็อตสักตัวหนึ่ง (รุ่นเก่า ๆ ) เท่านี้ก้สามารถให้บริการได้ประทับใจเช่นกัน แต่กรองอากาศที่เราดูว่าทำความสะอาดกันง่าย ๆ นี่แหละสร้างปัญหาให้กับเครื่องยนต์มานักต่อนักโดยเฉพาะในระยะยาว และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการดับไม่ลง (ปิดสวิทช์ดับเครื่องยนต์แล้วเครื่องยังไม่ยอมดับ)</font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="5"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="5">สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหานั้นไม่ใช่ตัวกรองอากาศโดยตรง แต่เป็นวิธีการทำความสะอาดมากกว่า เพราะเท่าที่เห็นและสัมผัสมาเด็กปั๊มหรือ เด็กอู่มักจะเป่ากรองอากาศด้วยวิธีผิด ๆ สำคัญเอาเองว่าเป่าแล้วให้ดูเหมือนฝุ่นออกมาเยอะ ๆ (คือเป่าจากทางด้านหน้าของไส้กรองอากาศ) แล้วเจ้าของรถจะ "ชื่นใจ" ว่าเออ.. มีฝุ่นออกมาเยอะแยะ คราวนี้กรองก็คงสะอาดหรือมีฝุ่นน้อยลงแน่ อีกความหมายหนึ่งคือเด็กพวกนี้จะเป่าตามฝุ่นเข้าไปแทนที่จะเป่าย้อนฝุ่นออกมา เพราะการเป่าตามฝุ่นเข้าไปนั้น จะเห็นว่ามีฝุ่นกระจายออกมามากแต่แท้ที่จริงเท่ากับเป็นการช่วยดันให้ฝุ่นละอองที่ติดอยู่ในเนื้อกรองอากาศนั้นฝังตัวแน่นเข้าไปอีก ยิ่งเป่าฝุ่นก็ยิ่งเป่าฝุ่นก็ยิ่งฝังแน่นทะลุผ่านไส้กรองเข้าไปและทำให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ ขึ้นบนเนื้อไส้กรองอากาศ เมื่อนำเอากรองอันนั้นกลับไปใช้ คราวนี้ประสิทธิภาพของกรองก็จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ฝุ่นละอองก็จะสามารถหลุดลอดผ่านเข้าไปยังห้องเผาไหม้ได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดการสึกหรอที่สูงขึ้น</font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="5">ในทางกลับกัน ถ้าหากเป่ากรองอากาศด้วยวิธีที่ถูกต้องคือ ต้องการให้ฝุ่นละอองบางส่วนหลุดออกไปบ้างจะต้องใช้วิธี "เป่าจากทางด้านหลังกรอง" ซึ่งวิธีนี้ฝุ่นละอองจะหลุดน้อยกว่าวิธีแรกแต่ไม่ทำลายไส้กรองอากาศ (ซึ่งเจ้าของรถบางคนอาจจะส่ายหน้าบอกว่า "ไม่ชอบ ๆ") นอกจากนี้ยังมีกรองอากาศของรถบางรุ่นบางยี่ห้อที่ห้ามไม่ใช้ใช้ลมเป่าทำความสะอาดแต่จะใช้วิธีล้างด้วยน้ำแทน และบางยี่ห้อบางรุ่นก็ไม่ต้องเป่าหรือทำอะไรเลยก็มีนะครับ เพราะเขาเคลือบน้ำมันมาแล้ว ซึ่งแบบนี้จะเพิ่มคุณสมบัติช่วยให้กรองอากาศสามารถจับฝุ่นละอองเอาไว้ได้มากกว่าแบบแห้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถก็จะต้องทำความรู้จักและเข้าใจในรถของตัวเองให้ดีด้วย</font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="5"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="5">วิธีง่าย ๆ ที่จะ "รู้จัก" กับชิ้นส่วนหรือวิธีการดูแลที่ถูกต้องคือ จะต้องอ่านคู่มือประจำรถให้ละเอียดเพราะใน "เอกสารสำคัญ" นี้ผู้ผลิตเขาจะแนะนำถึงขั้นตอนและวิธีการอย่างละเอียดรวมทั้งระยะเวลาที่ควรต้องดูแลกัน นี่แหละเชื่อถือได้มากที่สุด ส่วนการซื้อชิ้นส่วนมาเปลี่ยนใช้แทนของเดิม ท่านก็จะต้องอ่านรายละเอียดคุณสมบัติและวิธีการต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนการใช้งาน เพื่อให้ใช้รถได้อย่างคุ้มค่าเงินที่เสียไปแล้วก็จะได้ไม่ต้องสงสัยกันอีกแล้วว่ารถเราเป็นอะไร... ทำไมรถคนอื่นเขาถึงไม่เป็น??</font></span>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="TK RACING, post: 120206, member: 1693"][b]กรองอากาศครับ[/b] [COLOR="DarkOrange"][SIZE="5"]การเป่ากรองอากาศ นอกเหนือไปจากการดูแลระดับ น้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันต่าง ๆ ระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ (ถ้าไม่ได้ใช้แบบ Maintenance Free) ในกระบวนการดูแลรักษาเครื่องยนต์จะมี "กรองอากาศ" เข้ามาเป็นจุดที่ต้องให้ความสนใจเช่นกัน เพราะกรองอากาศมีหน้าที่กลั่นกรองอากาศที่จะเข้าสู่ห้องเผาไหม้ให้สะอาดปราศจากฝุ่นผง (ซึ่งเครื่องยนต์ไม่ชอบ) เมื่อกรองอากาศดักฝุ่นไว้มาก ๆ เข้าโดยเจ้าของไม่ทำความสะอาดหรือดูแลมันเลย ก็จะพานให้รถวิ่งไม่ออกเพราะเครื่องยนต์หายใจไม่สะดวกแถมยังกินน้ำมันดุเดือดทั้ง ๆ ที่วิ่งไม่ได้เรื่องจึงต้องได้รับการดูแลกันตามสมควร บางครั้งเข้าไปเติมน้ำมันในปั๊มหรือนำรถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เด็กในปั๊มก็จะเข้ามาถามว่า "พี่ ๆ เป่ากรองอากาศไหม"ถือว่าเป็นบริการพิเศษอีกอย่างที่เจ้าของปั๊ม (น่าจะ) สั่งไว้ ซึ่งแค่ปลดล็อคเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นก็สามารถเอากรองอากาศออกมาจัดการเป่าทำความสะอาดได้แล้ว หรือยากขึ้นมาหน่อยก็ถอดน็อตสักตัวหนึ่ง (รุ่นเก่า ๆ ) เท่านี้ก้สามารถให้บริการได้ประทับใจเช่นกัน แต่กรองอากาศที่เราดูว่าทำความสะอาดกันง่าย ๆ นี่แหละสร้างปัญหาให้กับเครื่องยนต์มานักต่อนักโดยเฉพาะในระยะยาว และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการดับไม่ลง (ปิดสวิทช์ดับเครื่องยนต์แล้วเครื่องยังไม่ยอมดับ) สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหานั้นไม่ใช่ตัวกรองอากาศโดยตรง แต่เป็นวิธีการทำความสะอาดมากกว่า เพราะเท่าที่เห็นและสัมผัสมาเด็กปั๊มหรือ เด็กอู่มักจะเป่ากรองอากาศด้วยวิธีผิด ๆ สำคัญเอาเองว่าเป่าแล้วให้ดูเหมือนฝุ่นออกมาเยอะ ๆ (คือเป่าจากทางด้านหน้าของไส้กรองอากาศ) แล้วเจ้าของรถจะ "ชื่นใจ" ว่าเออ.. มีฝุ่นออกมาเยอะแยะ คราวนี้กรองก็คงสะอาดหรือมีฝุ่นน้อยลงแน่ อีกความหมายหนึ่งคือเด็กพวกนี้จะเป่าตามฝุ่นเข้าไปแทนที่จะเป่าย้อนฝุ่นออกมา เพราะการเป่าตามฝุ่นเข้าไปนั้น จะเห็นว่ามีฝุ่นกระจายออกมามากแต่แท้ที่จริงเท่ากับเป็นการช่วยดันให้ฝุ่นละอองที่ติดอยู่ในเนื้อกรองอากาศนั้นฝังตัวแน่นเข้าไปอีก ยิ่งเป่าฝุ่นก็ยิ่งเป่าฝุ่นก็ยิ่งฝังแน่นทะลุผ่านไส้กรองเข้าไปและทำให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ ขึ้นบนเนื้อไส้กรองอากาศ เมื่อนำเอากรองอันนั้นกลับไปใช้ คราวนี้ประสิทธิภาพของกรองก็จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ฝุ่นละอองก็จะสามารถหลุดลอดผ่านเข้าไปยังห้องเผาไหม้ได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดการสึกหรอที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าหากเป่ากรองอากาศด้วยวิธีที่ถูกต้องคือ ต้องการให้ฝุ่นละอองบางส่วนหลุดออกไปบ้างจะต้องใช้วิธี "เป่าจากทางด้านหลังกรอง" ซึ่งวิธีนี้ฝุ่นละอองจะหลุดน้อยกว่าวิธีแรกแต่ไม่ทำลายไส้กรองอากาศ (ซึ่งเจ้าของรถบางคนอาจจะส่ายหน้าบอกว่า "ไม่ชอบ ๆ") นอกจากนี้ยังมีกรองอากาศของรถบางรุ่นบางยี่ห้อที่ห้ามไม่ใช้ใช้ลมเป่าทำความสะอาดแต่จะใช้วิธีล้างด้วยน้ำแทน และบางยี่ห้อบางรุ่นก็ไม่ต้องเป่าหรือทำอะไรเลยก็มีนะครับ เพราะเขาเคลือบน้ำมันมาแล้ว ซึ่งแบบนี้จะเพิ่มคุณสมบัติช่วยให้กรองอากาศสามารถจับฝุ่นละอองเอาไว้ได้มากกว่าแบบแห้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถก็จะต้องทำความรู้จักและเข้าใจในรถของตัวเองให้ดีด้วย วิธีง่าย ๆ ที่จะ "รู้จัก" กับชิ้นส่วนหรือวิธีการดูแลที่ถูกต้องคือ จะต้องอ่านคู่มือประจำรถให้ละเอียดเพราะใน "เอกสารสำคัญ" นี้ผู้ผลิตเขาจะแนะนำถึงขั้นตอนและวิธีการอย่างละเอียดรวมทั้งระยะเวลาที่ควรต้องดูแลกัน นี่แหละเชื่อถือได้มากที่สุด ส่วนการซื้อชิ้นส่วนมาเปลี่ยนใช้แทนของเดิม ท่านก็จะต้องอ่านรายละเอียดคุณสมบัติและวิธีการต่าง ๆ ให้เข้าใจก่อนการใช้งาน เพื่อให้ใช้รถได้อย่างคุ้มค่าเงินที่เสียไปแล้วก็จะได้ไม่ต้องสงสัยกันอีกแล้วว่ารถเราเป็นอะไร... ทำไมรถคนอื่นเขาถึงไม่เป็น??[/SIZE][/COLOR][/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Team and group
>
Team and Group
>
DNA Racing Club
>
เรื่องน่ารู้สำหรับคลับเรานะครับ
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...