Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
RacingWeb Community
>
Game & Hobby
>
พรีวิวเดโม "ไฟนอลแฟนตาซี 12" ก่อนใคร
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="PUBLIC, post: 67142, member: 25"]<span style="color: Cyan"><font size="4"> <b>ผู้ซื้อ Dragon Quest VIII ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้เตรียมสัมผัสกับเดโมแบบเล่นได้ของไฟนอลแฟนตาซี 12 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่เคยเปิดให้เล่นในงาน Square-Enix Party เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยล่าสุดทางผู้จัดการเกมมีรายละเอียดของเดโมดังกล่าวมาให้ชมกันแล้ว</b></font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> ตัวเดโมนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมาก แต่จะเน้นไปที่การให้ผู้เล่นได้สัมผัสระบบการต่อสู้แบบใหม่สไตล์เดียวกับเกมออนไลน์ โดยมีฉากภาพยนตร์ของประชาชนชาว Dalmasca ซึ่งเตรียมลุกขึ้นต่อต้านการรุกรานของจักวรรดิ Archadian ขณะที่มีฉากของเหล่าตัวละครหลักกำลังเคลื่อนไหวบางอย่างเพื่อรับมือกับสงครามตามวิธีของตัวเอง เสียงพากย์ในเกมยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่มีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษมาให้</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> เช่นเดียวกับในงาน Square-Enix Party เดโมนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ในส่วนแรกจะมีพระเอกของเรื่อง Vaan สาวน้อย Penelo และอดีตแม่ทัพ Basch ในฉากที่มีลักษณะเป็นชายหาดในเขตร้อนชื่อว่า The Phon Coast และระบบการต่อสู้แบบ"Wait"ซึ่งระหว่างการต่อสู้ขณะที่ผู้เล่นกำลังเลือกคำสั่งหรือคาถา เวลาในฉากต่อสู้จะหยุดลงให้เรามีเวลาคิดวางแผนได้ ในส่วนนี้เราจะได้รับภารกิจให้จัดการไดโนเสาร์ยักษ์หน้าตาคล้าย T-Rex ชื่อว่า Rockeater ซึ่งจะโผล่มาต่อเมื่อ ผู้เล่นสามารถกำจัดสัตว์ประหลาดชื่อ Sleipnir ได้ถึง 3 ตัวก่อน</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> ในอีกส่วนเราจะควบคุมนางเอกของเรื่อง Ashe สลัดอากาศ Balthier และคู่หู Fran ในฉากวิหาร The Stilshrine of Miriam และระบบการต่อสู้จะเป็นแบบ"Active"ซึ่งในการต่อสู้เวลาจะเดินไปตลอดแม้แต่ตอนที่ผู้เล่นคิดตัดสินใจเช่นเดียวกับเกมออนไลน์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น ท้าทาย ในฉากนี้ผู้เล่นจะต้องเข้าไปสู่ด้านในของวิหาร ซึ่งจำเป็นต้องใช้กุญแจจากมอนสเตอร์ Adamantoise ที่ซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งในวิหารนี้</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> ในเดโมนี้ผู้เล่นจะเดินได้ในพื้นที่จำกัดเท่านั้นโดยสามารถควบคุมมุมกล้องได้อย่างอิสระ และจะไม่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้แบบสุ่มเหมือนที่เคยมีอีกแล้ว แต่ศัตรูจะเดินไปมาให้เห็นกันในแผนที่แบบเดียวกับเกมออนไลน์ที่คุ้นเคยกันดี เมื่อศัตรูเข้ามาใกล้ก็จะเข้าสู่การต่อสู้ตรงนั้นทันทีโดยไม่ต้องตัดฉากให้เสียเวลา และศัตรูในเกมก็จะมีลักษณะนิสัยแตกต่างกันไปเช่น มอนสเตอร์บางชนิดจะวิ่งเข้ามาไล่ล่าเราแบบดื้อๆ ขณะที่บางชนิดจะเกาะกลุ่มกันเข้ามา แถมด้วยการจัดแถวให้ตัวที่ใช้คาถาได้ไปหลบอยู่ข้างหลัง แล้วให้ตัวที่สู้ระยะประชิดมายันผู้เล่นไว้ หรือบางครั้งถ้าเราไม่ได้อยู่ใกล้ๆมอนสเตอร์บางชนิดอาจจะหันมาสู้กันเองซึ่งดูเป็นธรรมชาติกว่าการอยู่เฉยๆรอเล่นงานผู้เล่นอย่างเดียว นอกจากนี้มอนสเตอร์ยังสามารถเกิดใหม่ได้หลังจากถูกกำจัดไป ทำให้การต่อสู้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยผู้เล่นอาจหลีกเลี่ยงการปะทะกับศัตรูได้ง่ายๆ ขณะที่บางตัวอาจไล่ตามผู้เล่นแบบไม่ปล่อย</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> ฉากต่อสู้จะมีแถบ Active Turn ซึ่งเมื่อเต็มจะสามารถเลือกคำสั่งได้คล้ายกับภาคก่อนๆแต่ผู้เล่นจะเดินไปมาได้อย่างอิสระขณะต่อสู้เหมือนเกมออนไลน์ และการใส่คำสั่งจะมีผลเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับคำสั่งที่เราใส่ไปเช่น โจมตีธรรมดาหรือใช้ไอเทมอาจทำได้อย่างเร็ว ขณะที่การร่ายคาถาต้องใช้เวลานานตามประเภทของคาถา แต่ถึงจะมีลักษณะแบบเกมออนไลน์หลายอย่าง เนื่องจากเกมเป็นการเล่นคนเดียว การควบคุมพรรคพวกอีก 2 ตัวจึงมีระบบคอยช่วยที่เรียกว่า"Gambit"ซึ่งจะทำให้พรรคพวกของเราต่อสู้เองโดยอัตโนมัติ โดยในตัวเดโมนี้ยังไม่ให้ผู้เล่นเข้าไปปรับแต่ง Gambit ได้แต่ดูเหมือนจะตั้งไว้ให้สู้แบบสมดุลเท่านั้น และถ้าไม่พอใจสามารถปิด Gambit ได้โดยตั้งให้เป็น Off แล้วเลือกคำสั่งด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามระบบนี้มีผลมากในฉากวิหารเนื่องจากการต่อสู้แบบ Active ซึ่งไม่มีเวลาให้เลือกคำสั่งมากนัก</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ Target line system ซึ่งจะมีเส้นแสดงสถานการณ์ของเรากับศัตรูอย่างเช่น เส้นน้ำเงินจากพวกเราไปหาศัตรูหมายถึงพวกของเรากำลังเล็งโจมตีไปที่ศัตรูตัวนั้น ขณะที่เส้นสีแดงจากศัตรูหมายความว่าคนๆนั้นกำลังตกเป็นเป้าหมายของศัตรู ช่วยให้การวางแผนของผู้เล่นต้องรัดกุมยิ่งขึ้นเหมือนกับเกมออนไลน์</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> ส่วนของเวทย์มนตร์คาถาในเดโมนี้มีให้เห็นแล้ว 4 ประเภทคือ มนตร์ขาวสำหรับการรักษา,มนตร์ดำสำหรับการจู่โจม,มนตร์เขียวสำหรับคาถาเกี่ยวกับสเตตัสผิดปกติ และมนตร์เวลาสำหรับคาถาเกี่ยวกับเวลาเช่น เร่งความเร็วหรือทำให้ช้าลง และคาถาบางชนิดจะมีผลแบบเป็นพื้นที่เช่น มนตร์ขาว Cura สามารถฟื้นพลังให้ทุกคนที่อยู่ในรัศมี โดยคาถาทุกชนิดจะต้องใช้ค่า MP ซึ่งสามารถฟื้นขึ้นมาเองได้อย่างช้าๆ</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมไฟนอลแฟนตาซีมาตลอดอย่างมนตร์เรียกอสูรก็มีมาให้ใช้ในเดโมนี้แล้วโดยผู้ที่ใช้ได้ยังมีแค่ Vaan และ Ashe 2 ตัวเอกเท่านั้น เมื่ออัญเชิญอสูรออกมาจะเสีย MP ทั้งหมดและพรรคพวกของเรา 2 คนจะหายไป เหลือเพียงผู้เชิญกับตัวอสูรเท่านั้น โดยอสูรที่เชิญมาจะสามารถต่อสู้ปกติหรือใช้ท่าพิเศษได้หลากหลายเช่นเดียวกับในภาค 10 และที่พิเศษกว่าภาคก่อนๆคือ เมื่อจบการต่อสู้อสูรที่เชิญมายังไม่หายไปแต่จะอยู่กับเราต่อและสามารถเอาไปสู้กับศัตรูต่อๆไปได้จนกว่าจะหายไปเมื่อหมดเวลาที่กำหนดไว้หรือเสีย HP จนหมด และพรรคพวกอีก 2 คนจะกลับมาแทน</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> ในส่วนของกราฟิกและบรรยากาศจะต่างไปจากภาคก่อนๆอย่างมาก โดยจะให้ความรู้สึกเหมือนเกมอย่าง Final Fantasy Tactics และ Vagrant Story อย่างเช่น ผู้ออกแบบตัวละครในภาคนี้เป็นคนเดียวกันกับ 2 เกมดังกล่าว หรือวิหาร The Stilshrine of Miriam ซึ่งให้บรรยากาศเหมือนกับดันเจี้ยนในเกม Vagrant Story มาก นอกจากนี้ฉากชายหาดยังให้ความรู้สึกว่ากว้างและมีรายละเอียดในระยะไกลเหมือนกับเกมออนไลน์กว้างๆ ไม่ใช่แค่จำกัดเป็นพื้นที่เหมือนภาคก่อนๆ</font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> </font></span></p><p><span style="color: Cyan"><font size="4"> โดยภาพรวมแล้วไฟนอลแฟนตาซี 12 เป็นการ"ยกเครื่องใหม่หมด"เมื่อเทียบกับภาคออฟไลน์ที่เคยมีมาทั้งหมด แต่สำหรับคนที่เคยสัมผัสไฟนอลแฟนตาซี 11 อาจคุ้นเคยกับหลายๆอย่างในภาคนี้ ซึ่งเอาลักษณะเด่นๆมาใช้จนดูเหมือนการดัดแปลงภาค 11 มาเป็นออฟไลน์โดยเสริมองค์ประกอบของภาคเดิมๆให้เล่นคนเดียวได้ ขณะที่รายละเอียดของระบบสเตตัส การเลเวลอัพ สกิล อาวุธชุดเกราะ และการปรับแต่ง Gambit กับมนตร์อสูร ทั้งหมดยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างกล้าหาญนี้ เป็นข้อพิสูจน์จุดยืนของไฟนอลแฟนตาซีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้เป็นอย่างดี</font></span></p><p><br /></p><p><span style="color: Lime">ภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก</span> : <span style="color: LemonChiffon">Gamespot ,IGN</span> <img src="styles/default/xenforo/clear.png" class="mceSmilieSprite mceSmilie1" alt=":)" unselectable="on" unselectable="on" />[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="PUBLIC, post: 67142, member: 25"][COLOR="Cyan"][SIZE="4"] [B]ผู้ซื้อ Dragon Quest VIII ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้เตรียมสัมผัสกับเดโมแบบเล่นได้ของไฟนอลแฟนตาซี 12 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่เคยเปิดให้เล่นในงาน Square-Enix Party เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยล่าสุดทางผู้จัดการเกมมีรายละเอียดของเดโมดังกล่าวมาให้ชมกันแล้ว[/B] ตัวเดโมนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมาก แต่จะเน้นไปที่การให้ผู้เล่นได้สัมผัสระบบการต่อสู้แบบใหม่สไตล์เดียวกับเกมออนไลน์ โดยมีฉากภาพยนตร์ของประชาชนชาว Dalmasca ซึ่งเตรียมลุกขึ้นต่อต้านการรุกรานของจักวรรดิ Archadian ขณะที่มีฉากของเหล่าตัวละครหลักกำลังเคลื่อนไหวบางอย่างเพื่อรับมือกับสงครามตามวิธีของตัวเอง เสียงพากย์ในเกมยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่มีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษมาให้ เช่นเดียวกับในงาน Square-Enix Party เดโมนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ในส่วนแรกจะมีพระเอกของเรื่อง Vaan สาวน้อย Penelo และอดีตแม่ทัพ Basch ในฉากที่มีลักษณะเป็นชายหาดในเขตร้อนชื่อว่า The Phon Coast และระบบการต่อสู้แบบ"Wait"ซึ่งระหว่างการต่อสู้ขณะที่ผู้เล่นกำลังเลือกคำสั่งหรือคาถา เวลาในฉากต่อสู้จะหยุดลงให้เรามีเวลาคิดวางแผนได้ ในส่วนนี้เราจะได้รับภารกิจให้จัดการไดโนเสาร์ยักษ์หน้าตาคล้าย T-Rex ชื่อว่า Rockeater ซึ่งจะโผล่มาต่อเมื่อ ผู้เล่นสามารถกำจัดสัตว์ประหลาดชื่อ Sleipnir ได้ถึง 3 ตัวก่อน ในอีกส่วนเราจะควบคุมนางเอกของเรื่อง Ashe สลัดอากาศ Balthier และคู่หู Fran ในฉากวิหาร The Stilshrine of Miriam และระบบการต่อสู้จะเป็นแบบ"Active"ซึ่งในการต่อสู้เวลาจะเดินไปตลอดแม้แต่ตอนที่ผู้เล่นคิดตัดสินใจเช่นเดียวกับเกมออนไลน์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น ท้าทาย ในฉากนี้ผู้เล่นจะต้องเข้าไปสู่ด้านในของวิหาร ซึ่งจำเป็นต้องใช้กุญแจจากมอนสเตอร์ Adamantoise ที่ซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งในวิหารนี้ ในเดโมนี้ผู้เล่นจะเดินได้ในพื้นที่จำกัดเท่านั้นโดยสามารถควบคุมมุมกล้องได้อย่างอิสระ และจะไม่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้แบบสุ่มเหมือนที่เคยมีอีกแล้ว แต่ศัตรูจะเดินไปมาให้เห็นกันในแผนที่แบบเดียวกับเกมออนไลน์ที่คุ้นเคยกันดี เมื่อศัตรูเข้ามาใกล้ก็จะเข้าสู่การต่อสู้ตรงนั้นทันทีโดยไม่ต้องตัดฉากให้เสียเวลา และศัตรูในเกมก็จะมีลักษณะนิสัยแตกต่างกันไปเช่น มอนสเตอร์บางชนิดจะวิ่งเข้ามาไล่ล่าเราแบบดื้อๆ ขณะที่บางชนิดจะเกาะกลุ่มกันเข้ามา แถมด้วยการจัดแถวให้ตัวที่ใช้คาถาได้ไปหลบอยู่ข้างหลัง แล้วให้ตัวที่สู้ระยะประชิดมายันผู้เล่นไว้ หรือบางครั้งถ้าเราไม่ได้อยู่ใกล้ๆมอนสเตอร์บางชนิดอาจจะหันมาสู้กันเองซึ่งดูเป็นธรรมชาติกว่าการอยู่เฉยๆรอเล่นงานผู้เล่นอย่างเดียว นอกจากนี้มอนสเตอร์ยังสามารถเกิดใหม่ได้หลังจากถูกกำจัดไป ทำให้การต่อสู้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยผู้เล่นอาจหลีกเลี่ยงการปะทะกับศัตรูได้ง่ายๆ ขณะที่บางตัวอาจไล่ตามผู้เล่นแบบไม่ปล่อย ฉากต่อสู้จะมีแถบ Active Turn ซึ่งเมื่อเต็มจะสามารถเลือกคำสั่งได้คล้ายกับภาคก่อนๆแต่ผู้เล่นจะเดินไปมาได้อย่างอิสระขณะต่อสู้เหมือนเกมออนไลน์ และการใส่คำสั่งจะมีผลเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับคำสั่งที่เราใส่ไปเช่น โจมตีธรรมดาหรือใช้ไอเทมอาจทำได้อย่างเร็ว ขณะที่การร่ายคาถาต้องใช้เวลานานตามประเภทของคาถา แต่ถึงจะมีลักษณะแบบเกมออนไลน์หลายอย่าง เนื่องจากเกมเป็นการเล่นคนเดียว การควบคุมพรรคพวกอีก 2 ตัวจึงมีระบบคอยช่วยที่เรียกว่า"Gambit"ซึ่งจะทำให้พรรคพวกของเราต่อสู้เองโดยอัตโนมัติ โดยในตัวเดโมนี้ยังไม่ให้ผู้เล่นเข้าไปปรับแต่ง Gambit ได้แต่ดูเหมือนจะตั้งไว้ให้สู้แบบสมดุลเท่านั้น และถ้าไม่พอใจสามารถปิด Gambit ได้โดยตั้งให้เป็น Off แล้วเลือกคำสั่งด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามระบบนี้มีผลมากในฉากวิหารเนื่องจากการต่อสู้แบบ Active ซึ่งไม่มีเวลาให้เลือกคำสั่งมากนัก จุดเด่นอีกอย่างคือระบบ Target line system ซึ่งจะมีเส้นแสดงสถานการณ์ของเรากับศัตรูอย่างเช่น เส้นน้ำเงินจากพวกเราไปหาศัตรูหมายถึงพวกของเรากำลังเล็งโจมตีไปที่ศัตรูตัวนั้น ขณะที่เส้นสีแดงจากศัตรูหมายความว่าคนๆนั้นกำลังตกเป็นเป้าหมายของศัตรู ช่วยให้การวางแผนของผู้เล่นต้องรัดกุมยิ่งขึ้นเหมือนกับเกมออนไลน์ ส่วนของเวทย์มนตร์คาถาในเดโมนี้มีให้เห็นแล้ว 4 ประเภทคือ มนตร์ขาวสำหรับการรักษา,มนตร์ดำสำหรับการจู่โจม,มนตร์เขียวสำหรับคาถาเกี่ยวกับสเตตัสผิดปกติ และมนตร์เวลาสำหรับคาถาเกี่ยวกับเวลาเช่น เร่งความเร็วหรือทำให้ช้าลง และคาถาบางชนิดจะมีผลแบบเป็นพื้นที่เช่น มนตร์ขาว Cura สามารถฟื้นพลังให้ทุกคนที่อยู่ในรัศมี โดยคาถาทุกชนิดจะต้องใช้ค่า MP ซึ่งสามารถฟื้นขึ้นมาเองได้อย่างช้าๆ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมไฟนอลแฟนตาซีมาตลอดอย่างมนตร์เรียกอสูรก็มีมาให้ใช้ในเดโมนี้แล้วโดยผู้ที่ใช้ได้ยังมีแค่ Vaan และ Ashe 2 ตัวเอกเท่านั้น เมื่ออัญเชิญอสูรออกมาจะเสีย MP ทั้งหมดและพรรคพวกของเรา 2 คนจะหายไป เหลือเพียงผู้เชิญกับตัวอสูรเท่านั้น โดยอสูรที่เชิญมาจะสามารถต่อสู้ปกติหรือใช้ท่าพิเศษได้หลากหลายเช่นเดียวกับในภาค 10 และที่พิเศษกว่าภาคก่อนๆคือ เมื่อจบการต่อสู้อสูรที่เชิญมายังไม่หายไปแต่จะอยู่กับเราต่อและสามารถเอาไปสู้กับศัตรูต่อๆไปได้จนกว่าจะหายไปเมื่อหมดเวลาที่กำหนดไว้หรือเสีย HP จนหมด และพรรคพวกอีก 2 คนจะกลับมาแทน ในส่วนของกราฟิกและบรรยากาศจะต่างไปจากภาคก่อนๆอย่างมาก โดยจะให้ความรู้สึกเหมือนเกมอย่าง Final Fantasy Tactics และ Vagrant Story อย่างเช่น ผู้ออกแบบตัวละครในภาคนี้เป็นคนเดียวกันกับ 2 เกมดังกล่าว หรือวิหาร The Stilshrine of Miriam ซึ่งให้บรรยากาศเหมือนกับดันเจี้ยนในเกม Vagrant Story มาก นอกจากนี้ฉากชายหาดยังให้ความรู้สึกว่ากว้างและมีรายละเอียดในระยะไกลเหมือนกับเกมออนไลน์กว้างๆ ไม่ใช่แค่จำกัดเป็นพื้นที่เหมือนภาคก่อนๆ โดยภาพรวมแล้วไฟนอลแฟนตาซี 12 เป็นการ"ยกเครื่องใหม่หมด"เมื่อเทียบกับภาคออฟไลน์ที่เคยมีมาทั้งหมด แต่สำหรับคนที่เคยสัมผัสไฟนอลแฟนตาซี 11 อาจคุ้นเคยกับหลายๆอย่างในภาคนี้ ซึ่งเอาลักษณะเด่นๆมาใช้จนดูเหมือนการดัดแปลงภาค 11 มาเป็นออฟไลน์โดยเสริมองค์ประกอบของภาคเดิมๆให้เล่นคนเดียวได้ ขณะที่รายละเอียดของระบบสเตตัส การเลเวลอัพ สกิล อาวุธชุดเกราะ และการปรับแต่ง Gambit กับมนตร์อสูร ทั้งหมดยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างกล้าหาญนี้ เป็นข้อพิสูจน์จุดยืนของไฟนอลแฟนตาซีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้เป็นอย่างดี[/SIZE][/COLOR] [COLOR="Lime"]ภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก[/COLOR] : [COLOR="LemonChiffon"]Gamespot ,IGN[/COLOR] :)[/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
RacingWeb Community
>
Game & Hobby
>
พรีวิวเดโม "ไฟนอลแฟนตาซี 12" ก่อนใคร
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...