• 
  
  ติดต่อลงโฆษณา [email protected] หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ชื่อ:

การตรวจสอบ:

กำลังโหลด...

ข้อความ:

<p>[QUOTE=&quot;SR20DE@Productive, post: 655604, member: 1573&quot;]ประวัติอย่างยาว คลิกที่นี่ครับ</p><p><br /></p><p><a href="http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&amp;view=article&amp;id=2199:nissan-nx-coupe-asian-eyes-&amp;catid=30:rewind-by-commander-cheng&amp;Itemid=78" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&amp;view=article&amp;id=2199:nissan-nx-coupe-asian-eyes-&amp;catid=30:rewind-by-commander-cheng&amp;Itemid=78" rel="nofollow">http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&amp;view=article&amp;id=2199:nissan-nx-coupe-asian-eyes-&amp;catid=30:rewind-by-commander-cheng&amp;Itemid=78</a></p><p><br /></p><p><br /></p><p>ส่วนอย่างย่อ เอาข้างล่างต่อไปนี้เลย</p><p><br /></p><p>Nissan NX Coupe หรือ 100NX ในภูมิภาคยุโรป ถูกพัฒนามาควบคู่กับ Nissan Sunny/Sentra B13 ในช่วงคาบเกี่ยวของทศวรรษที่ 90 โดยมีโครงสร้างพื้นฐานทางวิศวกรรมและช่วงล่างแชร์ร่วมกันระหว่างรถสองรุ่นนี้ แต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงนั้นก็เพราะว่า NX ถูกดีไซน์ขึ้นที่ศูนย์การออกแบบของนิสสันในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จึงมีรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวและแปลกตา เพราะในยุคนั้นการออกแบบรถยนต์ของญี่ปุ่นในตลาดรถทั่วไปมีแนวโน้มที่จะยึดแนวคิดอนุรักษ์นิยม เน้นเส้นสายที่ง่าย ดูแล้วเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ขับ แต่ทางฝั่งอเมริกันในยุคนั้นถือว่าเป็นยุคเทคโนของวงการออกแบบซึ่งแต่ละค่ายของรถอเมริกันเองก็ต่างออกแบบรถยนต์นั่งขนาดเล็กของตัวเองให้ดูเฉี่ยวลูกกะตามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ร่วมถึงการพยายามออกแบบให้มีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง (ซึ่งไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องดูแล้วสวยเสมอไป)</p><p><br /></p><p>ดังนั้น NX จีงนับได้ว่าเกือบจะเป็นรถเชื้อชาติญี่ปุ่นที่เกือบจะถือสัญชาติอเมริกาก็ว่าได้ และผลจากการออกแบบก็ได้มาซึ่งรถขนาดเล็กกระทัดรัดที่มีรูปทรงออกจะเปรี้ยวมาอมหวานนิดๆก็ตรงลูกกะตา (ไฟหน้า) ซึ่งมีลักษณะเกือบเป็นวงรี และเว้าลงเป็นหลุมลึกซึ่งนิสสันเรียกการออกแบบส่วนนี้ว่า “Asian Eyes” หรือนัยน์ตาของสาวเอเชีย ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นสาวญี่ปุ่น สาวไทย หรือสาวจีน เพราะจะโตก็ไม่โต จะตี่ก็ไม่ตี่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่หลายคนบ่นว่าไม่สวย บางท่านว่าส่วนหน้าของรถนั้นเป็นจุดเดียวที่ออกแบบมาไม่เข้าท่า ทั้งๆที่ส่วนอื่นนั้นถือว่าสวยลงตัวมาก </p><p><br /></p><p><br /></p><p>NX ลงขายในตลาดญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมัน รวมถึงประเทศอื่นๆในทวีปยุโรป และมีจำหน่ายในประเทศอื่นๆอีกเช่น ลิธัวเนีย และประเทศไทย โดยสเป็คของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถจะมีความแตกต่างกันตามความต้องการของแต่ละประเทศ ที่ญี่ปุ่น NX จะมีเครื่องยนต์ขนาด 1.5ลิตร 1.6 ลิตร และ1.8ลิตร และแบ่งลำดับการตกแต่งออกเป็น Type A Type B และ Type S โดยรุ่นที่แรงที่สุดคือ 1800 Type S วางเครื่อง SR18DE 140 แรงม้า</p><p><br /></p><p>เครื่องที่มีพละกำลังสูงที่สุดสำหรับ NX ตกไปอยู่ที่ตลาดของออสเตรเลีย และอเมริกา ซึ่งจะวางเครื่อง SR20DE ฝาขาว 140แรงม้าเท่ากับตัว 1800 Type Sของญี่ปุ่น แต่รถสเป็คอเมริกาและออสเตรเลียนั้นได้รับการจูนมาให้เติมน้ำมันที่มีออคเทนต่ำกว่ารถที่ขายในญี่ปุ่น (รถยนต์รุ่นอื่นที่วางเครื่อง SR20DEของนิสสันเช่นพรีมีรา P10 ในสเป็คญี่ปุ่นนั้นจะมีกำลัง 150 แรงม้า) แถมอานิสงส์จากการมีความจุเพิ่มมาอีก 200 ซี.ซี. ทำให้มีแรงบิดสูงกว่า เมื่อมาอยู่ในรถที่น้ำหนักตัวเกิน 1 ตันไปนิดเดียว จึงทำให้เป็นรถที่ขับสนุกและคล่องตัว รถ NX Coupe ที่วางเครื่อง 2.0ลิตรนี้ในตลาดอเมริกาจะมีชื่อเรียกว่า NX2000 และถ้าเป็นที่ออสเตรเลียจะเรียกว่า NX-R สำหรับในส่วนของรุ่นประหยัด ตลาดทั้งสองประเทศนี้จะมีเครื่อง 1.6 ลิตรให้เลือกอีกด้วย</p><p><br /></p><p>สำหรับตลาดอังกฤษนั้นค่อนข้างจะไม่โชคดีเท่าสองประเทศข้างต้นนัก เพราะเริ่มลงตลาดด้วยเครื่องยนต์ 1.6ลิตร รหัส GA16DS ซึ่งยังใช้คาร์บิวเรเตอร์เดี่ยว ท่อคู่ดูดลงล่าง 90 แรงม้าก่อน หลังจากนั้นจึงมีเครื่องรุ่นอื่นที่เป็นระบบหัวฉีดตามมาในภายหลัง</p><p><br /></p><p>NX มีชื่อเสียงในตลาดออสเตรเลียและอเมริกาในฐานะรถขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูง มีรูปทรงที่โดดเด่น และเป็นรถที่มีค่าบำรุงรักษาต่ำ ไม่ค่อยจุกจิกกวนใจ และในกรณีของรถที่วางเครื่อง 2.0ลิตร เกียร์ธรรมดานั้น ก็ได้ชื่อว่าเป็น Performance Bargain คือเป็นรถราคาถูก ที่ขับสนุกเร้าใจ นิตรสารอเมริกันเล่มหนึ่ง เคยจัดให้ NX2000 เป็น 10 Best Handling Car of The Year หรือรถที่มีการบังคับควบคุมที่ดี ติดอันดับท้อปเท็นของยุคนั้น ซึ่งในขณะนั้นคู่ต่อกรของ NX2000 ก็มี ฮอนด้า CR-X Hatchback เครื่อง B16Aเทคเล็ก Integra DB เครื่องเทคเล็ก Mazda MX-3 และคู่แข่งอื่นๆจากค่ายรถอเมริกัน</p><p><br /></p><p>แต่ในตลาดญี่ปุ่นบ้านเกิดเมืองนอนของมัน NX ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไหร่นัก ยิ่งถ้ามองกันในแง่มุมของรถเล็กขับสนุกแล้ว ยิ่งไม่ใช่ NX ที่ญี่ปุ่นจัดอยู่ในระดับรถขนาดเล็กธรรมดาๆซึ่งมีฐานะอยู่ในระดับรถยนต์นั่งใช้งานปรกติเฉกเช่น Sunny ทุกประการ เพียงแต่รูปทรงเป็น Sport – look มากกว่า ทุกวันนี้ปริมาณผู้ใช้ NX ที่เหนียวแน่นก็ยังมีอยู่ปริมาณน้อยนิดในญี่ปุ่น ซึ่งเทียบไม่ได้กับในอเมริกา ซึ่งNXยังมีแฟนเหนียวแน่นโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นซื้อหามาใช้ในราคาถูกๆ และสามารถพบตัวได้ตาม events ต่างๆที่เป็นงานมอเตอร์สปอร์ต ทั้งdrag racing, autocross, และบางคันก็เป็นรถแข่งสนามใหญ่ด้วยเช่นกัน</p><p><br /></p><p><span style="color: DarkOrange">NX ในประเทศไทย</span></p><p><br /></p><p>นิสสันรุกตลาดรถยนต์นั่งกึ่งสปอร์ตขนาดเล็กในประเทศไทยในปี 1992 ซึ่งตามหลังประเทศอื่นๆในตลาดโลกแค่ปีเดียวเท่านั้น โดยทำการเปิดตัว NX Coupe ในเดือนมีนาคม 1992 ด้วยรุ่น 1.6 ลิตร เกียร์ธรรมดาก่อน แล้วหลังจากนั้นจึงตามมาด้วยรุ่นเกียร์อัตโนมัติไล่หลังกันไม่กี่เดือน</p><p><br /></p><p>NX เปิดตัวด้วยภาพลักษณ์ที่สะท้อนความเร่าร้อนแบบคนวัยแรง ด้วยการ launch spot โฆษณา 2 ชุด ที่อันหลังนั้นถ้าหลายคนจำได้ NX สีแดงที่วิ่งมาดึงเบรคมือหมุนแล้วจอดในตอนเกือบจบโฆษณานั้นทำให้รถดูเหมือนแรงเกินตัว ประกอบกับโฆษณาสื่อพิมพ์ของนิสสันในสมัยนั้นบางอันจะเป็นรูปนิสสัน NX จอดอยู่กับ 200SX และ300ZX โดยเหมารวมเรียกรถทั้งสามซึ่งต่างกันโดยเทคนิคและระดับชั้นโดยสิ้นเชิงว่าตระกูล X-Series&nbsp; &nbsp;&nbsp; ทำให้ NX ตัวเล็กซึ่งมีสโลแกนว่า “พลังสปอร์ต ลักษณ์ใหม่” นั้นดูเหมือนรถสปอร์ตทั้งที่ความจริงรูปแบบและพละกำลังยังห่างไกลคำว่าสปอร์ต</p><p><br /></p><p>NX Coupe มีจุดเด่นที่รูปทรงภายนอกมีความโฉบเฉี่ยวกว่ารถอื่นๆในระดับราคาเดียวกันในสมัยนั้นมาก แถมอุปกรณ์ที่ติดรถมาให้นั้นจัดว่าเยอะ รูปแบบของการออกแบบภายในที่ทันสมัยโดยใช้แผงแดชบอร์ดแบบเดียวกับ Nissan Sentra B13 พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้าน หุ้มด้วยหนังแท้ หัวเกียร์ในรุ่นเกียร์ธรรมดาหุ้มด้วยหนังแท้เช่นกัน ระบบปรับอากาศมีมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและเป็นระบบปรับอากาศที่สามารถปรับเลือกทิศทางการเป่าลมได้ด้วยการกดปุ่ม (รถบางรุ่นเกิดหลังจาก NXเกือบ10ปี และราคาแพงกว่า ยังไม่มีของเล่นแบบนี้) กระจกไฟฟ้าด้านคนขับมีสวิทช์ one-touch ที่กดเพียงครั้งเดียวกระจกบานคนขับจะเลื่อนลง-ขึ้นจนสุด ระบบเซ็นทรัลล็อคที่จะล็อคประตูทั้งสองบานเมื่อยามที่รถวิ่งด้วยความเร็วเกิน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง</p><p><br /></p><p>ด้วยราคาเปิดตัวในรุ่นเกียร์ธรรมดา 600,000 บาทสำหรับรถที่ประกอบในประเทศไทยที่มีความจุกระบอกสูบ 1.6 ลิตรนั้นถือว่าไม่ถูกนัก โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อกรกับคู่แข่งอย่าง Mazda Astina ซึ่งเปิดตัวมาก่อนหน้านั้นนานพอสมควร ทั้งยังหมัดหนักกว่าด้วยเครื่อง 1.8ลิตร 140แรงม้า มีประตูเพิ่มขึ้นมาสองบานทำให้สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบกว่า และสนับสนุนด้วยชื่อเสียงด้านความเป็นรถที่เกาะถนนของมาสด้า ทำให้ NX มาถึงสนามประลองการตลาดที่หินตั้งแต่แรก ในภายหลังจากที่รัฐบาลเปิดโอกาสในการนำเข้ารถด้วยการลดกำแพงภาษีรถนำเข้าลง โตโยต้าส่ง Paseo 1.5ลิตรลงร่วมปันส่วนในตลาด ในขณะที่มิตซูบิชิ ส่ง Colt ซึ่งเป็นฝาแฝด 3 ประตูของ Lancer ลงแข่งในตลาดด้วยระดับราคาที่ไม่หนีห่างจาก NX และ Astina มากนัก ทำให้ปี 1992 เป็นช่วงที่ตลาดรถยนต์แฮทช์แบ็คและคูเป้ขนาดเล็กมีผู้ลงเข้าแข่งขันจากค่ายญี่ปุ่นเกือบทุกค่าย</p><p><br /></p><p>ท้ายสุด Honda ประเทศไทย ได้เปิดตัว Civic 3 ประตูอย่างที่ไม่มีใครกล้าคิดว่า Honda ในไทยซึ่งแต่ไหนแต่ไรจะยืนหยัดอยู่กับรถ 4 ประตูอย่าง Civic และ Accord จะใจกล้าเปิดตัวรถทรงกล่องแบบสามประตู ซึ่งมีความเชื่อกันแต่ไหนแต่ไรว่าดูไม่หรู ไม่เป็นที่นิยม และราคาขายต่อตกต่ำ ความกล้าเสี่ยงของฮอนด้าในครั้งนั้น บวกกับกลยุทธ์การตั้งราคาที่เริ่มต้นประมาณ 360,000 บาท ทำให้ยอดจองของรถรุ่นนี้ดังถล่มทลายหลายพันคันภายในเพียงแค่สัปดาห์เดียวหลังจากเปิดตัว </p><p><br /></p><p>และนั่นก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการเริ่มเขียนเรื่องตอนจบให้กับรถสไตล์แฮทช์แบ็คสามประตูจากค่ายอื่นๆเกือบทั้งหมดก็ว่าได้ ทั้งๆที่ตัวรถ Civic รุ่นที่ Honda ประกอบขายนั้นมีเพียงรุ่น LX และ EX ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เป็นคาร์บิวเรเตอร์ กำลังเพียงแค่ 94 แรงม้า เทียบกับตัวแรงที่สุดในกลุ่มอย่าง Astina นั้นก็จะต่างกันถึง 46 แรงม้า อุปกรณ์ติดรถก็ไม่มีอะไรมากนัก เบาะยังเป็นหนังเทียมไวนิลคุณภาพปานกลาง และรุ่นเกียร์ธรรมดานั้นยังไม่มีพวงมาลัยพาวเวอร์ด้วยซ้ำไป แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ขาดหายไปต่างๆนี้นั้นจะมีความคุ้มค่าในสายตาของลูกค้ามากกว่าเมื่อเทียบกับค่าตัวที่ถูกกว่าคู่แข่งอยู่กว่า 200,000 บาท </p><p><br /></p><p>NX Coupe จึงค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของคนหมู่มากอย่างช้าๆ จนในปี 1994 นิสสันตัดสินใจใช้วิธีการตลาดแบบตายเป็นตาย ทำการลดราคาของ NX จาก 600,000 บาท เหลือ 470,000 บาท แต่ก็ทำได้เพียงช่วยระบายสต็อคที่หลงเหลือค้างอยู่ให้ออกไปจนหมดเท่านั้น และก็เป็นการปิดฉากการจำหน่าย NX ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี จึงนับว่าเป็นรถรุ่นหนึ่งที่มีอายุการตลาดสั้น</p><p><br /></p><p>เราไม่อาจกล่าวโทษนิสสันที่ดำเนินแผนการตลาดและวางตัวสินค้าไว้ค่อนข้างดีแต่แรกแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าเราควรจะเอ่ยชม Hondaที่ใจกล้าลุยคู่แข่งด้วยกลยุทธ์ราคานำพาชัยชนะ เราคงทำได้แค่จินตนาการว่าถ้า NX Coupe เปิดตัวด้วยราคา 470,000 บาทตั้งแต่แรก ยอดขายอาจจะไปได้ดีกว่านี้มาก และคงไม่ต้องมาลดราคาล้างสต็อคแล้วหักหาญน้ำใจลูกค้าเก่าที่ออกรถไปแล้วอีกหลายร้อยราย</p><p><br /></p><p>แต่ก็กลายเป็นข้อดีสำหรับพวกเราที่กำลังหาซื้อ NX มือสองในขณะนี้ เพราะสิ่งต่างๆที่ผ่านมานั้นมีส่วนช่วยให้ราคาของ NX ถูกมากเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นในตลาด ถ้าปีเท่ากัน และสภาพเดิมสนิททั้งคู่ NX จะราคาถูกกว่า Civic 3 ประตูอยู่ครึ่งแสนโดยประมาณ ครึ่งแสนนี้อาจเนรมิต NXของคุณให้โดดเด่นขึ้นมาได้ไม่ยากเลย[/QUOTE]</p><p><br /></p>

• เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
• เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
• เข้าสู่ระบบด้วย Google

ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:

คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?

• ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
• มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
• ลืมรหัสผ่านของคุณ?

อยู่ในระบบตลอดเวลา

• X