Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
EK Group
>
นานาทรรศนะ...เกี่ยวกับการติดแก๊ส
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="maythee, post: 710792, member: 74516"]ไม่ตัด ปั้มติ๊ก ระวังนะคับ ความจริงหัวข้อนี้ในแก๊สไทยสรุปมาตั้งนานแล้ว และการไม่ตัดนี่แหละทำให้ LPG เป็นผู้ต้องหาเรื่องไฟไหม้ ในห้องเครื่องอยู่บ่อยๆๆ เมื่อก่อนนะคับ - ของผมตัดเรียบร้อยแล้วคับ สะดุดนิดนึงแวลาเปลี่ยนไปมา ปกติก็ไม่ค่อยจะเปลี่ยนหรอกคับ เพราะใช้แก๊สตลอด สตาร์ทแก๊สทุกเช้า (Fix-mix )เติมน้ำมัน นานที 2 เดือนครั้งได้ครั้งละ 300บาท แต่ผมเลี้ยงบ่าวาล์วนะคับ ใชเบนซินผสม2Tเล็กน้อย เลี้ยงเอา สตาร์ททุกเช้า 2 ทีติด บางทีก็ทีเดียว</p><p><br /></p><p>กราฟแสดงความสัมพันธ์ของความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศ ในท่อไอดี ซึ่งจะรักษา ความดัน น้ำมันให้มีค่าความแตกต่างเท่ากันตลอดเวลา( Differential pressure) (มันมีกราฟแต่ไม่ได้เอามาให้ดูด้วยโทษทีคับ)</p><p>ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะต่ำ(เป็นสูญญากาศมาก) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง </p><p>ถ้าเหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะสูง(เป็นสูญญากาศน้อย) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้สูงขึ้น </p><p>สรุปคือ </p><p>ความดันในท่อน้ำมันจะถูกรักษาให้มีความดันสูงๆ ต่ำๆ ตามความดันในท่อไอดี ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งนั่นเอง ถ้ารถวิ่งเร็วๆ ความดันน้ำมันก็จะสูง (ซึ่งจะไม่เกิน 2.55 bar) ถ้ารถวิ่งช้า หรือเครื่องเดินเบา ความดันของน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง (น้อยกว่า 2 bar) </p><p>ดังนั้น ขณะที่รถวิ่งด้วย GAS </p><p>ถ้าไม่ตัดปั้มติ๊ก ตัวควบคุมความดัน(Pressure regulator) ก็จะยังทำงานอยู่เหมือนเดิม เพราะ เรายังเหยีบคันเร่งเหมือนเดิม และความดันในท่อไอดีก็ยังมีเหมือนเดิม น้ำมันจากปั้มถูกปั้มมา และจะถูกควบคุมให้สูงๆต่ำๆ เหมือนขณะที่ใช้น้ำมันทุกประการไม่ได้อยู่ที่ความดันสูงตลอดเวลาอย่างที่คิด น้ำมันก็จะไหลหมุนเวียนผ่าน ปั้มติ๊ก, ท่อ, รางหัวฉีดน้ำมัน และกลับถัง </p><p>ถ้าตัดปั้มติ๊ก ปั้มจะหยุดทำงานแต่น้ำมันจะถูกกักไว้ด้วย วาวล์กันกลับที่ตัวปั้ม แต่ ตัวควบคุมความดันก็ยังทำหน้าที่ มันเหมือนเดิม คือเปิดให้น้ำมันไหลกลับถัง ถ้าความดันในท่อไอดีเปลี่ยนไป ทำให้ความดันในรางหัวฉีดน้ำมันต่ำลง(เรื่อยๆ)เพราะปั้มถูกตัดไปแล้ว ถ้าวิ่งระยะทางไกลๆทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงขึ้น รางหัวฉีดน้ำมัน ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง(บางส่วน) มีความร้อนสูงขึ้น น้ำมันบางส่วนที่ค้างอยู่ในท่อ ก็จะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น เพราะน้ำมันหยุดไหลจากความดันที่ลดต่ำลง แต่จะไม่ทำให้ความดันสูงขึ้นได้ เพราะ ตัว ควบคุมความดันยังทำงานอยู่แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือความร้อนที่สะสมอยู่กับรางหัวฉีด และท่อน้ำมันบางส่วน ซึ่งจะมีน้ำมันร้อนๆ ที่ค้างอยู่ข้างในนั่นเอง ซึ่งคงจะไม่ทำให้ท่ออ่อนแตกหรือแห้งกรอบได้ </p><p>ดังนั้นไม่ว่าท่านใดจะตัดหรือไม่ตัดปั้มติ๊กก็ตาม คงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ แต่ ถ้า ท่อน้ำมัน,สายอ่อนน้ำมันที่เสื่อมตามสภาพและอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาที่ดี ขาการตรวจเช็ค(ด้วยตัวท่านเอง)อย่างสม่ำเสมอ นั่นแหละท่านกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงแล้ว </p><p>ท่านที่ตัดปั้มไปแล้วอย่างน้อยท่านก็ช่วยยืดอายุของปั้ม แต่อย่าตัดขาดครับ ต้องใช้งานบ้างครับ ถ้าไม่ใช้งานเลยก็เสียครับ </p><p>ท่านที่ยังไม่ได้ตัดปั้ม อย่างน้อยท่านก็ยังไม่เสียเงินค่าแรงในการตัด </p><p>ข้อมูลทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ตัดครับ ให้มันทำงานของมันไป ไม่กลัวปั้มจะพังเร็ว เพราะเชื่อการ design ว่าทำมาให้มั่นใจแล้วแต่ผมกลัวสิ่งที่คาดเดาได้ยากจากสิ่งที่นอกหนือการ design อย่างน้อยขณะที่เราเปลี่ยนจาก แก๊สเป็นน้ำมัน จะได้ smooth ครับ </p><p>ข้อมูล จากหนังสือ เครื่องยนต์หัวฉีด EFI โดย ....นพดล เวชวิฐาน </p><p> อีกความคิดเห็น( ก๊อปมา )</p><p> เรื่องนี้ผมขอออกความเห็นนิดนะครับ(ผมใช้วีออส) ระบบเชื้อเพลิงรุ่นใหม่ๆ ออกแบบเพื่อลดการแพร่กระจายของไอน้ำมันจึงไม่มีท่อน้ำมันไหลกลับ เพราะน้ำมันที่ร้อนขึ้นจะระเหยได้มากกว่า ทำให้ไอน้ำมันรั่วไหลออกสู่บรรยากาศ การที่ตัดปั้มจะทำให้แรงดันภายในรางหัวฉีดลดลงเรื่อยๆจนเป็นศูนย์ เพราะหัวฉีดไม่สามารถปิดสนิทได้(แต่ค่าการรั่วซึมต่ำมาก) ซึ่งตามข้อกำหนดทางเทคนิค ระบบเชื้อเพลิงจะต้องรักษาแรงดันไว้ 44 - 50 psi ในขณะทำงานและรักษาแรงดันได้อย่างน้อย 21 psi เป็นเวลา 5 นาทีหลังดับเครื่องเพื่อป้องกันน้ำมันเดือดเป็นฟองในรางหัวฉีด ซึ่งจะส่งผลต่อการสตาร์ทเครื่องในครั้งต่อไป อีกอย่างในกรณีที่มีการตัดหัวฉีดแล้ว การระบายความร้อนก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะไม่มีน้ำมันไหลผ่านหัวฉีดมีเพียงปริมาณเล็กน้อยที่คงเหลือค้างอยู่เท่านั้น สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในกรณีที่ตัดปั้มเป็นเวลานานคือ เมื่อไม่มีแรงดันน้ำมันในระบบ ทำให้น้ำมันเดือด/ระเหยเหลือสารตกค้างเป็นคราบเหนียวในระบบหัวฉีด ทำให้หัวฉีดติดขัดและทำงานผิดพลาด หากเกิดขึ้นเล็กน้อย การขับรถโดยใช้น้ำมันก็จะล้างคราบพวกนี้ออกไปได้บ้าง </p><p>ในกรณีไม่ตัดปั้ม น้ำมันจะไหลวนผ่านปั้มไปที่ regulator -> filter และไหลวนกลับถัง ทำให้น้ำมันมีอุณหภูมิสูงขึ้น เกิดไอน้ำมันไหลไปที่ canister หน้ารถ และจะถูกดูดออกไปเผาไหม้ในรอบเดินเบาผ่าน VSV ที่อยู่ข้างกรองอากาศ(vios) ทำให้เกิดสารตกค้างเป็นคราบเหนียวสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการเติมน้ำมันครั้งต่อๆไปก็จะไปอุดตันในกรองเบนซิน หรือหากเล็ดลอดไปได้ก็จะไปตันในหัวฉีด </p><p><br /></p><p>การพิจารณาว่าจะตัดหรือไม่คงต้องอยู่บนฐานว่าคุณต้องการรถ Bi-Fuel ที่ใช้งานได้สองระบบสลับกันหรือไม่ แต่หากใช้แก๊สมากกว่าก็คงต้องยอมรับผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนสภาพของเบนซินให้ได้[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="maythee, post: 710792, member: 74516"]ไม่ตัด ปั้มติ๊ก ระวังนะคับ ความจริงหัวข้อนี้ในแก๊สไทยสรุปมาตั้งนานแล้ว และการไม่ตัดนี่แหละทำให้ LPG เป็นผู้ต้องหาเรื่องไฟไหม้ ในห้องเครื่องอยู่บ่อยๆๆ เมื่อก่อนนะคับ - ของผมตัดเรียบร้อยแล้วคับ สะดุดนิดนึงแวลาเปลี่ยนไปมา ปกติก็ไม่ค่อยจะเปลี่ยนหรอกคับ เพราะใช้แก๊สตลอด สตาร์ทแก๊สทุกเช้า (Fix-mix )เติมน้ำมัน นานที 2 เดือนครั้งได้ครั้งละ 300บาท แต่ผมเลี้ยงบ่าวาล์วนะคับ ใชเบนซินผสม2Tเล็กน้อย เลี้ยงเอา สตาร์ททุกเช้า 2 ทีติด บางทีก็ทีเดียว กราฟแสดงความสัมพันธ์ของความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศ ในท่อไอดี ซึ่งจะรักษา ความดัน น้ำมันให้มีค่าความแตกต่างเท่ากันตลอดเวลา( Differential pressure) (มันมีกราฟแต่ไม่ได้เอามาให้ดูด้วยโทษทีคับ) ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะต่ำ(เป็นสูญญากาศมาก) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง ถ้าเหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะสูง(เป็นสูญญากาศน้อย) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้สูงขึ้น สรุปคือ ความดันในท่อน้ำมันจะถูกรักษาให้มีความดันสูงๆ ต่ำๆ ตามความดันในท่อไอดี ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งนั่นเอง ถ้ารถวิ่งเร็วๆ ความดันน้ำมันก็จะสูง (ซึ่งจะไม่เกิน 2.55 bar) ถ้ารถวิ่งช้า หรือเครื่องเดินเบา ความดันของน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง (น้อยกว่า 2 bar) ดังนั้น ขณะที่รถวิ่งด้วย GAS ถ้าไม่ตัดปั้มติ๊ก ตัวควบคุมความดัน(Pressure regulator) ก็จะยังทำงานอยู่เหมือนเดิม เพราะ เรายังเหยีบคันเร่งเหมือนเดิม และความดันในท่อไอดีก็ยังมีเหมือนเดิม น้ำมันจากปั้มถูกปั้มมา และจะถูกควบคุมให้สูงๆต่ำๆ เหมือนขณะที่ใช้น้ำมันทุกประการไม่ได้อยู่ที่ความดันสูงตลอดเวลาอย่างที่คิด น้ำมันก็จะไหลหมุนเวียนผ่าน ปั้มติ๊ก, ท่อ, รางหัวฉีดน้ำมัน และกลับถัง ถ้าตัดปั้มติ๊ก ปั้มจะหยุดทำงานแต่น้ำมันจะถูกกักไว้ด้วย วาวล์กันกลับที่ตัวปั้ม แต่ ตัวควบคุมความดันก็ยังทำหน้าที่ มันเหมือนเดิม คือเปิดให้น้ำมันไหลกลับถัง ถ้าความดันในท่อไอดีเปลี่ยนไป ทำให้ความดันในรางหัวฉีดน้ำมันต่ำลง(เรื่อยๆ)เพราะปั้มถูกตัดไปแล้ว ถ้าวิ่งระยะทางไกลๆทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงขึ้น รางหัวฉีดน้ำมัน ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง(บางส่วน) มีความร้อนสูงขึ้น น้ำมันบางส่วนที่ค้างอยู่ในท่อ ก็จะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น เพราะน้ำมันหยุดไหลจากความดันที่ลดต่ำลง แต่จะไม่ทำให้ความดันสูงขึ้นได้ เพราะ ตัว ควบคุมความดันยังทำงานอยู่แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือความร้อนที่สะสมอยู่กับรางหัวฉีด และท่อน้ำมันบางส่วน ซึ่งจะมีน้ำมันร้อนๆ ที่ค้างอยู่ข้างในนั่นเอง ซึ่งคงจะไม่ทำให้ท่ออ่อนแตกหรือแห้งกรอบได้ ดังนั้นไม่ว่าท่านใดจะตัดหรือไม่ตัดปั้มติ๊กก็ตาม คงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ แต่ ถ้า ท่อน้ำมัน,สายอ่อนน้ำมันที่เสื่อมตามสภาพและอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาที่ดี ขาการตรวจเช็ค(ด้วยตัวท่านเอง)อย่างสม่ำเสมอ นั่นแหละท่านกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงแล้ว ท่านที่ตัดปั้มไปแล้วอย่างน้อยท่านก็ช่วยยืดอายุของปั้ม แต่อย่าตัดขาดครับ ต้องใช้งานบ้างครับ ถ้าไม่ใช้งานเลยก็เสียครับ ท่านที่ยังไม่ได้ตัดปั้ม อย่างน้อยท่านก็ยังไม่เสียเงินค่าแรงในการตัด ข้อมูลทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ตัดครับ ให้มันทำงานของมันไป ไม่กลัวปั้มจะพังเร็ว เพราะเชื่อการ design ว่าทำมาให้มั่นใจแล้วแต่ผมกลัวสิ่งที่คาดเดาได้ยากจากสิ่งที่นอกหนือการ design อย่างน้อยขณะที่เราเปลี่ยนจาก แก๊สเป็นน้ำมัน จะได้ smooth ครับ ข้อมูล จากหนังสือ เครื่องยนต์หัวฉีด EFI โดย ....นพดล เวชวิฐาน อีกความคิดเห็น( ก๊อปมา ) เรื่องนี้ผมขอออกความเห็นนิดนะครับ(ผมใช้วีออส) ระบบเชื้อเพลิงรุ่นใหม่ๆ ออกแบบเพื่อลดการแพร่กระจายของไอน้ำมันจึงไม่มีท่อน้ำมันไหลกลับ เพราะน้ำมันที่ร้อนขึ้นจะระเหยได้มากกว่า ทำให้ไอน้ำมันรั่วไหลออกสู่บรรยากาศ การที่ตัดปั้มจะทำให้แรงดันภายในรางหัวฉีดลดลงเรื่อยๆจนเป็นศูนย์ เพราะหัวฉีดไม่สามารถปิดสนิทได้(แต่ค่าการรั่วซึมต่ำมาก) ซึ่งตามข้อกำหนดทางเทคนิค ระบบเชื้อเพลิงจะต้องรักษาแรงดันไว้ 44 - 50 psi ในขณะทำงานและรักษาแรงดันได้อย่างน้อย 21 psi เป็นเวลา 5 นาทีหลังดับเครื่องเพื่อป้องกันน้ำมันเดือดเป็นฟองในรางหัวฉีด ซึ่งจะส่งผลต่อการสตาร์ทเครื่องในครั้งต่อไป อีกอย่างในกรณีที่มีการตัดหัวฉีดแล้ว การระบายความร้อนก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะไม่มีน้ำมันไหลผ่านหัวฉีดมีเพียงปริมาณเล็กน้อยที่คงเหลือค้างอยู่เท่านั้น สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในกรณีที่ตัดปั้มเป็นเวลานานคือ เมื่อไม่มีแรงดันน้ำมันในระบบ ทำให้น้ำมันเดือด/ระเหยเหลือสารตกค้างเป็นคราบเหนียวในระบบหัวฉีด ทำให้หัวฉีดติดขัดและทำงานผิดพลาด หากเกิดขึ้นเล็กน้อย การขับรถโดยใช้น้ำมันก็จะล้างคราบพวกนี้ออกไปได้บ้าง ในกรณีไม่ตัดปั้ม น้ำมันจะไหลวนผ่านปั้มไปที่ regulator -> filter และไหลวนกลับถัง ทำให้น้ำมันมีอุณหภูมิสูงขึ้น เกิดไอน้ำมันไหลไปที่ canister หน้ารถ และจะถูกดูดออกไปเผาไหม้ในรอบเดินเบาผ่าน VSV ที่อยู่ข้างกรองอากาศ(vios) ทำให้เกิดสารตกค้างเป็นคราบเหนียวสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการเติมน้ำมันครั้งต่อๆไปก็จะไปอุดตันในกรองเบนซิน หรือหากเล็ดลอดไปได้ก็จะไปตันในหัวฉีด การพิจารณาว่าจะตัดหรือไม่คงต้องอยู่บนฐานว่าคุณต้องการรถ Bi-Fuel ที่ใช้งานได้สองระบบสลับกันหรือไม่ แต่หากใช้แก๊สมากกว่าก็คงต้องยอมรับผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนสภาพของเบนซินให้ได้[/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
EK Group
>
นานาทรรศนะ...เกี่ยวกับการติดแก๊ส
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...