ขับออฟโรดแบบไม่ติดหล่ม ไปกับเคล็ดลับการพิชิตทุกสภาพเส้นทางสุดหฤโหด

การสนทนาใน 'Articles' เริ่มโดย News, 31 มกราคม 2018

โดย News เมื่อ 31 มกราคม 2018 เมื่อ 04:22
  1. News

    News Member Super Moderator

    929
    3
    18
    [​IMG]

    การขับขี่แบบออฟโรดในช่วงสุดสัปดาห์คือกิจกรรมยามว่างแสนสนุกสำหรับคนที่อยากหลีกหนีความจำเจในชีวิตประจำวัน และออกไปสัมผัสการเดินทางบนท้องถนนที่ไม่ค่อยมีรถสัญจรในช่วงสุดสัปดาห์ดูบ้าง เมื่อการขับขี่แบบออฟโรดได้รับความนิยมมากขึ้น เทคโนโลยีช่วยขับขี่ก็ได้รับการพัฒนาตามไปด้วย เทคโนโลยีเหล่านี้คือตัวช่วยอันน่าตื่นตาตื่นใจที่จะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

    ริชาร์ด วูลลี่ หัวหน้าฝ่ายคุณสมบัติยานยนต์แบบบูรณาการ ฟอร์ด เอเชีย แปซิฟิก มักจะนำรถฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ออกไปตะลุยสภาพพื้นผิวแบบออฟโรดเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นทางที่เป็นหิน โคลนลึก และเขาสูงชัน เพื่อให้เข้าใจถึงการทำงานต่างๆ ของเครื่องยนต์ ในเวลาที่ไม่ได้ขับขี่อยู่บนถนนลาดยางทั่วไป โดยเขาพร้อมจะแบ่งปันเคล็ดลับดีๆ ในฐานะช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้

    [​IMG]

    เตรียมตัวให้พร้อม
    ก่อนเดินทางออกนอกเมืองไปลุยเส้นทางออฟโรด คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า รถของคุณมีน้ำมันเต็มถัง และคุณมีแผนที่หรือจีพีเอสติดรถ ระบบแผนที่นำทางอย่าง ระบบสั่งงานด้วยเสียงซิงค์ 3 ที่ติดตั้งมากับฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ คือ ผู้ช่วยสุดยอดสำหรับการวางแผนเส้นทางล่วงหน้า

    "ถึงแม้จะมีการเตรียมการณ์มาเป็นอย่างดี การขับออฟโรดที่ดีที่สุดคือการมีเพื่อนนั่งไปด้วย" ริชาร์ด กล่าว "อย่าพยายามออกเดินทางเพียงลำพัง เพราะคุณอาจพบเจอกรณีที่รถใช้งานไม่ได้ หรือน้ำมันหมด และคุณควรบอกให้เพื่อนหรือครอบครัวทราบด้วยว่า คุณจะขับออกนอกเมืองไปในเส้นทางไหน"

    ความรู้เรื่องวิธีติดตั้งสายลากรถกรณีรถติดหล่ม รู้ว่าทางเข้าของช่องอากาศอยู่ตรงไหน และความสูงจากพื้นรถอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งสำหรับ ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ นั้น ตัวรถนั้นมีความสูงจากพื้นรถถึง 225 มิลลิเมตร สิ่งเหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องรู้ เพื่อใช้ประเมินเส้นทางก่อนขับออฟโรด

    [​IMG]

    ตะลุยบ่อโคลน
    เส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลนนับเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะถนนจะค่อยๆ ลื่นขึ้น จากร่องถนนที่เกิดขึ้นจากการสัญจรของรถและฝนที่ตกลงมาขังอยู่ในนั้น สำหรับรถยนต์ที่มีระบบ Terrain Management (หรือการตั้งค่าสภาพพื้นผิวอัจฉริยะเพื่อพิชิตทุกสภาพเส้นทาง) โหมดสภาพพื้นผิวโคลน ได้รับการออกแบบมาให้รอบการหมุนของเครื่องยนต์ต่อนาทีอยู่ในระดับต่ำเพื่อการควบคุมรถที่ง่ายขึ้น ส่วนระบบป้องกันล้อล็อค ABS ก็จะทำงานควบคู่กับระบบควบคุมแรงบิด เพื่อลดการลื่นไถลของรถ

    "ในกรณีที่รถผมไปลุยโคลนมา ผมก็จะลงจากรถมาเช็คดูที่บริเวณโคลนว่าไม่มีวัตถุแปลกประหลาดติดอยู่ ซึ่งอาจจะทำให้รถเสียหายได้ต่อไป" ริชาร์ดกล่าว

    ฝ่าถนนหินขรุขระ
    เส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหินมักจะขรุขระไม่เรียบอยู่แล้ว ดังนั้น การควบคุมความเร็วรถให้ช้าและคงที่ จึงเป็นวิธีที่ดีสุดสำหรับการพิชิตเส้นทางออฟโรด การเลือกใช้โหมดหิน จากระบบ Terrain Management ซึ่งสามารถใช้งานได้ง่ายๆ เพียงแค่เลือกที่ปุ่มโหมดหินขณะเข้าเกียร์ว่าง และทำตามวิธีที่ระบบแนะนำเพื่อใช้โหมดการตั้งค่าขับเคลื่อนสี่ล้อแบบอัตราเกียร์ทดต่ำ

    "โหมดหินจะยังคงใช้เกียร์หนึ่งในแบบอัตราทดต่ำ (4x4 Low) เพื่อรักษาการหมุนของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแรงบิดของเครื่องยนต์ อีกทั้งยังช่วยลดแรงกระแทกในกรณีที่คุณขับรถเหยียบสิ่งกีดขวาง การขับขี่จึงเป็นไปอย่างนุ่มนวลมากขึ้น” รีชาร์ด อธิบายเสริม “การทำงานร่วมกันของระบบป้องกันล้อล็อค ABS กับระบบควบคุมแรงบิด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ในสภาพถนนที่ยากลำบาก"

    [​IMG]

    พิชิตเขาสูง
    "เวลาขึ้นเขาสูงชันนั้นค่อนข้างยากลำบาก เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะใช้เส้นทางไหนดี" ริชาร์ด กล่าว "ถ้าไม่อันตราย ให้คุณลงจากรถมาเดินตามทาง เพื่อสำรวจว่ามีหลุมหรือก้อนหิน เพื่อป้องกันล้อไม่ให้ลื่นไถลได้หรือไม่"

    การตั้งค่าระบบเกียร์แบบอัตราทดต่ำ (4x4 Low) จะทำให้รถสามารถคงรอบและแรงบิดของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม คุณจะได้ค่อยๆ ขับปีนเขาขึ้นไป โดยไม่เสียกำลังเครื่องมากจนเกินไป หากคุณต้องการหยุดหรือจอดรถบนทางลาดชัน ระบบช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) จะช่วยให้คุณหยุดรถเพื่อประเมินเส้นทางอีกครั้งได้ และเมื่อคุณยกเท้าออกจากเบรก ระบบจะช่วยให้รถยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมได้อีก 2-3 วินาที ก่อนที่รถจะออกตัว

    ถ้าหากเส้นทางนั้นหฤโหดมากจริงๆ ระบบล็อคค่าความต่างของล้อหลัง จะเพิ่มแรงบิดของเครื่องยนต์เต็มพิกัดไปยังล้อหลังทั้งสอง เพื่อช่วยส่งแรงไปด้านหน้า

    ทั้งลื่นทั้งชันก็ไม่ใช่ปัญหา
    ในขณะขับรถลงเขา คุณจะต้องระมัดระวังไม่ไปล็อคล้อและกลายเป็นว่าลื่นลงเขาแบบควบคุมรถไม่อยู่ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) จะช่วยเสริมแรงเบรก ทำให้คุณขับลงเขาที่ระดับความเร็วต่อเนื่อง คุณเพียงควบคุมพวงมาลัย ส่วนที่เหลือฟอร์ด เอเวอเรสต์ จะจัดการให้เอง

    "หากเป็นไปได้ คุณควรเดินลงเขามาดูก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรรออยู่ด้านล่าง แล้วจึงค่อยเลือกว่าจะขับเส้นทางไหนลงจากภูเขาดี" ริชาร์ดกล่าว

    [​IMG]

    พื้นทรายไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก
    โหมดพื้นทรายในระบบ Terrain Management จะช่วยเพิ่มแรงบิดของเครื่องยนต์และการตอบสนองของตัวเร่งร่วมกัน เพื่อรักษาโมเมนตัมจำเป็นให้ขับผ่านพื้นทรายไปได้

    "การขับขี่บนชายหาดนั้นเป็นอะไรที่สนุกมาก แต่กำลังเครื่องจะลดลงเนื่องจากสภาพของพื้นผิว ดังนั้นการรักษาโมเมนตัมไว้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ" ริชาร์ด กล่าว "การพยายามเร่งเครื่องให้แรงขึ้นมีแต่จะทำให้รถคุณจมลงร่องทราย แต่การขับช้าเกินไปก็อาจทำให้คุณขับไม่ไป โดยรวมจึงเป็นเรื่องของการรักษาสมดุลของโมเมนตัมให้คงที่"

    ขอให้พยายามชะลอรถก่อนจอด แทนการเหยียบเบรก เพราะจะทำให้ล้อไม่จมลงทรายมากนัก และสามารถออกตัวได้ง่ายขึ้น

    ปัดกวาดเช็ดถู
    หลังจากออกไปขับรถอย่างสนุกสนานในช่วงสุดสัปดาห์มาแล้ว ก็ถึงเวลามาตรวจสอบดูว่ามีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายกับรถของคุณหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนยาง คงเป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะเอายางสำรองไปด้วยถ้าไม่ได้เติมลมยางเอาไว้ก่อน และหากคุณพารถไปตะลุยชายหาดหรือแม้กระทั่งแม่น้ำ อย่าลืมล้างรถให้ดี เพื่อป้องกันการกัดเซาะของเกลือที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป
     

ความคิดเห็น

การสนทนาใน 'Articles' เริ่มโดย News, 31 มกราคม 2018

แบ่งปันหน้านี้