เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Portal
>
Articles
>
วิธีบรรทุกสัมภาระสำหรับรถเอสยูวี
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="News, post: 7099145, member: 3"]<p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/dVWT5Nr.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนจากรถรถเก๋งมาเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวี เนื่องจากพื้นที่ภายในรถมีการออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลาย อย่างเช่น เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รถเอสยูวีระดับพรีเมียมสไตล์อเมริกัน ที่มาพร้อมกับที่นั่งแบบสามแถวปรับรูปแบบที่นั่งได้หลากหลาย ทำให้สามารถบรรทุกได้ทั้งผู้โดยสารและสัมภาระ สะดวกสบายทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด การย้ายบ้านใหม่ หรือไปเที่ยวช็อปปิ้ง ในขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยเมื่อบรรทุกสัมภาระต่างๆ ภายในรถเอสยูวี ดังนั้น เชฟโรเลตขอแนะเคล็ดลับในการขนของขึ้นรถเอสยูวีได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย ดังนี้</p><p><br /></p><p><b>1. คำนวณน้ำหนักบรรทุกก่อน</b></p><p>แม้เอสยูวีจะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระกว้างขวาง แต่ผู้ใช้ก็ไม่ควรขนทุกอย่างใส่จนเต็มรถตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ ควรคำนึงถึงน้ำหนักในการบรรทุก ซึ่งก็คือความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักสูงสุดของรถ ซึ่งรถแต่ละคันนั้นได้รับการออกแบบมาให้รับน้ำหนักสูงสุดได้ไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยเริ่มตั้งแต่ 400 กิโลกรัมเป็นต้นไป</p><p><br /></p><p>การคำนวณน้ำหนักบรรทุกของรถยนต์นั้นคำนวณได้จากน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด (Gross Vehicle Weight) ลบด้วยน้ำหนักของรถยนต์ในขณะว่างเปล่า ตามด้วยน้ำหนักรวมของผู้โดยสารและเชื้อเพลิง ตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่หนัก 60 กิโลกรัม 2 คน และเด็กน้ำหนัก 40 กิโลกรัม 2 คน คุณจะต้องลดน้ำหนักการบรรทุกสัมภาระลงไปอีก 200 กิโลกรัม และอย่าลืมคำนวณน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิง ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการเติมน้ำมันดีเซลเต็มถัง น้ำมันดีเซลมีน้ำหนักประมาณ 0.832 กิโลกรัมต่อลิตร ดังนั้น การเติมน้ำมันเต็มถัง 76 ลิตรของรถเทรลเบลเซอร์ จะต้องลดน้ำหนักการบรรทุกลงอีก 63 กิโลกรัม</p><p><br /></p><p><b>2. รักษาจุดศูนย์ถ่วงให้เหมาะสม</b></p><p>ควรวางสัมภาระที่หนักที่สุดไว้ด้านล่างสุดของพื้นที่เก็บสัมภาระโดยวางสัมภาระให้กระจายน้ำหนักทั่วทั้งพื้นที่บรรทุก เพื่อช่วยให้ศูนย์ถ่วงต่ำลง ลดโอกาสในการพลิกคว่ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการควบคุมรถซึ่งเกิดจากน้ำหนักของรถนั่นเอง การนำสัมภาระที่มีน้ำหนักมากไว้ท้ายรถจะทำให้ล้อหน้าลอย ซึ่งอาจส่งผลต่อสมรรถนะการบังคับเลี้ยวและการเบรก</p><p><br /></p><p><b>3. รัดแน่นไว้ปลอดภัยดี</b></p><p>เพื่อป้องกันไม่ให้สัมภาระกลายเป็นสิ่งอันตรายเมื่อต้องเบรกกระทันหัน ควรเก็บสัมภาระขนาดเล็กใส่กล่องให้เรียบร้อย ส่วนสัมภาระขนาดใหญ่หน่อยควรทำการรัดไว้ในช่องเก็บของ ทำแบบนี้แล้วสัมภาระในรถจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารเมื่อรถต้องเบรคอย่างกระทันหัน</p><p><br /></p><p><b>4. ปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน</b></p><p>พยายามหลีกเลี่ยงการบรรทุกตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ และปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน จำไว้ว่าถ้ากระจกมองหลังไม่ชัดจะทำให้การขับขี่เป็นเรื่องยากและก่อให้เกิดความเสี่ยงขณะถอยหลัง ถ้ามองเห็นข้างหลังไม่ชัดก็มีโอกาสสูงที่จะถอยชนคนหรือสิ่งของได้ นอกจากนี้ รถที่มีกล้องมองหลังอย่างเทรลเบลเซอร์ก็สามารถช่วยให้คุณถอยรถได้ง่ายขึ้น</p><p><br /></p><p><b>5. ว่าด้วยการเก็บสัมภาระไว้บนหลังคา</b></p><p>ควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกสัมภาระบนหลังคารถยนต์ เพราะมีผลเสียตามหลักอากาศพลศาสตร์และศูนย์ถ่วง ซึ่งส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการควบคุมรถแม้ในขณะขับด้วยความเร็วต่ำ นอกจากนี้หากมีสัมภาระหลุดลอยไปขณะที่รถเคลื่อนที่อยู่อาจเป็นอันตรายต่อรถคันอื่น อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแร็คหลังคาอย่างถูกต้องพร้อมราง (ติดตั้งในเทรลเบลเซอร์) จะช่วยเก็บสัมภาระให้ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกกล่องเก็บของบนหลังคาที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาตร์ มีความปลอดภัย กันน้ำ และหลีกเลี่ยงการบรรทุกของหนักพร้อมทำการรัดสัมภาระให้แน่นไม่โยกเคลื่อน</p><p><br /></p><p><b>6. เก็บสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ให้หยิบง่ายเสมอ</b></p><p>ตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าเก็บชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน อันได้แก่สายเคเบิลสำหรับจั๊มสตาร์ท โทรศัพท์มือถือ และน้ำดื่ม ไว้ในที่ที่หยิบได้ง่ายเมื่อต้องการใช้ ในรถเอสยูวี ยางอะไหล่อาจถูกเก็บไว้ในพื้นที่เก็บสัมภาระในรถ ดังนั้นรถบางรุ่นอาจไม่สามารถเก็บสัมภาระอื่นได้ แต่สำหรับรถเอสยูวีเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์นั้น ยางอะไหล่ถูกเก็บไว้ในที่เก็บใต้ท้องรถ ทำให้สามารถหยิบใช้ได้สะดวกเมื่อจำเป็น</p><p><br /></p><p><b>7. ตรวจสอบลมและสภาพยาง</b></p><p>ก่อนขับขี่ คุณควรตรวจสอบยางของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ายางอยู่ในสภาพดี ไม่สึกหรอ ดอกยางอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มีการเติมลมยางอย่างถูกต้องเหมาะสมตามคำแนะนำที่แสดงไว้บริเวณประตูด้านข้างของคนขับ ด้านในฝาน้ำมัน หรือในคู่มือผู้ใช้งาน ผู้ขับควรเติมลมตามตัวเลขที่แนะนำไว้ ไม่ใช่ตามตัวเลขความดันสูงสุดที่เห็นบนขอบยาง เนื่องจากรถยนต์แต่ละรุ่นอาจต้องเติมลมยางแตกต่างกันเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงหรือขณะบรรทุกสัมภาระหนัก</p><p><br /></p><p><b>8. อย่าบรรทุกสัมภาระที่ไม่จำเป็น</b></p><p>อย่าบรรทุกสัมภาระเกินน้ำหนักที่รถยนต์สามารถรับไหว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ทนทานอย่างเทรลเบลเซอร์ หรือรุ่นใดๆ ก็ตาม ถ้ารู้สึกว่ากำลังบรรทุกเกินพิกัด ควรหาวิธีลดสัมภาระ จำไว้ว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="News, post: 7099145, member: 3"][center][img]https://i.imgur.com/dVWT5Nr.jpg[/img][/center] ในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนจากรถรถเก๋งมาเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวี เนื่องจากพื้นที่ภายในรถมีการออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลาย อย่างเช่น เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รถเอสยูวีระดับพรีเมียมสไตล์อเมริกัน ที่มาพร้อมกับที่นั่งแบบสามแถวปรับรูปแบบที่นั่งได้หลากหลาย ทำให้สามารถบรรทุกได้ทั้งผู้โดยสารและสัมภาระ สะดวกสบายทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด การย้ายบ้านใหม่ หรือไปเที่ยวช็อปปิ้ง ในขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยเมื่อบรรทุกสัมภาระต่างๆ ภายในรถเอสยูวี ดังนั้น เชฟโรเลตขอแนะเคล็ดลับในการขนของขึ้นรถเอสยูวีได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย ดังนี้ [b]1. คำนวณน้ำหนักบรรทุกก่อน[/b] แม้เอสยูวีจะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระกว้างขวาง แต่ผู้ใช้ก็ไม่ควรขนทุกอย่างใส่จนเต็มรถตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ ควรคำนึงถึงน้ำหนักในการบรรทุก ซึ่งก็คือความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักสูงสุดของรถ ซึ่งรถแต่ละคันนั้นได้รับการออกแบบมาให้รับน้ำหนักสูงสุดได้ไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยเริ่มตั้งแต่ 400 กิโลกรัมเป็นต้นไป การคำนวณน้ำหนักบรรทุกของรถยนต์นั้นคำนวณได้จากน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด (Gross Vehicle Weight) ลบด้วยน้ำหนักของรถยนต์ในขณะว่างเปล่า ตามด้วยน้ำหนักรวมของผู้โดยสารและเชื้อเพลิง ตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่หนัก 60 กิโลกรัม 2 คน และเด็กน้ำหนัก 40 กิโลกรัม 2 คน คุณจะต้องลดน้ำหนักการบรรทุกสัมภาระลงไปอีก 200 กิโลกรัม และอย่าลืมคำนวณน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิง ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการเติมน้ำมันดีเซลเต็มถัง น้ำมันดีเซลมีน้ำหนักประมาณ 0.832 กิโลกรัมต่อลิตร ดังนั้น การเติมน้ำมันเต็มถัง 76 ลิตรของรถเทรลเบลเซอร์ จะต้องลดน้ำหนักการบรรทุกลงอีก 63 กิโลกรัม [b]2. รักษาจุดศูนย์ถ่วงให้เหมาะสม[/b] ควรวางสัมภาระที่หนักที่สุดไว้ด้านล่างสุดของพื้นที่เก็บสัมภาระโดยวางสัมภาระให้กระจายน้ำหนักทั่วทั้งพื้นที่บรรทุก เพื่อช่วยให้ศูนย์ถ่วงต่ำลง ลดโอกาสในการพลิกคว่ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการควบคุมรถซึ่งเกิดจากน้ำหนักของรถนั่นเอง การนำสัมภาระที่มีน้ำหนักมากไว้ท้ายรถจะทำให้ล้อหน้าลอย ซึ่งอาจส่งผลต่อสมรรถนะการบังคับเลี้ยวและการเบรก [b]3. รัดแน่นไว้ปลอดภัยดี[/b] เพื่อป้องกันไม่ให้สัมภาระกลายเป็นสิ่งอันตรายเมื่อต้องเบรกกระทันหัน ควรเก็บสัมภาระขนาดเล็กใส่กล่องให้เรียบร้อย ส่วนสัมภาระขนาดใหญ่หน่อยควรทำการรัดไว้ในช่องเก็บของ ทำแบบนี้แล้วสัมภาระในรถจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารเมื่อรถต้องเบรคอย่างกระทันหัน [b]4. ปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน[/b] พยายามหลีกเลี่ยงการบรรทุกตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ และปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน จำไว้ว่าถ้ากระจกมองหลังไม่ชัดจะทำให้การขับขี่เป็นเรื่องยากและก่อให้เกิดความเสี่ยงขณะถอยหลัง ถ้ามองเห็นข้างหลังไม่ชัดก็มีโอกาสสูงที่จะถอยชนคนหรือสิ่งของได้ นอกจากนี้ รถที่มีกล้องมองหลังอย่างเทรลเบลเซอร์ก็สามารถช่วยให้คุณถอยรถได้ง่ายขึ้น [b]5. ว่าด้วยการเก็บสัมภาระไว้บนหลังคา[/b] ควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกสัมภาระบนหลังคารถยนต์ เพราะมีผลเสียตามหลักอากาศพลศาสตร์และศูนย์ถ่วง ซึ่งส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการควบคุมรถแม้ในขณะขับด้วยความเร็วต่ำ นอกจากนี้หากมีสัมภาระหลุดลอยไปขณะที่รถเคลื่อนที่อยู่อาจเป็นอันตรายต่อรถคันอื่น อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแร็คหลังคาอย่างถูกต้องพร้อมราง (ติดตั้งในเทรลเบลเซอร์) จะช่วยเก็บสัมภาระให้ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกกล่องเก็บของบนหลังคาที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาตร์ มีความปลอดภัย กันน้ำ และหลีกเลี่ยงการบรรทุกของหนักพร้อมทำการรัดสัมภาระให้แน่นไม่โยกเคลื่อน [b]6. เก็บสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ให้หยิบง่ายเสมอ[/b] ตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าเก็บชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน อันได้แก่สายเคเบิลสำหรับจั๊มสตาร์ท โทรศัพท์มือถือ และน้ำดื่ม ไว้ในที่ที่หยิบได้ง่ายเมื่อต้องการใช้ ในรถเอสยูวี ยางอะไหล่อาจถูกเก็บไว้ในพื้นที่เก็บสัมภาระในรถ ดังนั้นรถบางรุ่นอาจไม่สามารถเก็บสัมภาระอื่นได้ แต่สำหรับรถเอสยูวีเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์นั้น ยางอะไหล่ถูกเก็บไว้ในที่เก็บใต้ท้องรถ ทำให้สามารถหยิบใช้ได้สะดวกเมื่อจำเป็น [b]7. ตรวจสอบลมและสภาพยาง[/b] ก่อนขับขี่ คุณควรตรวจสอบยางของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ายางอยู่ในสภาพดี ไม่สึกหรอ ดอกยางอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มีการเติมลมยางอย่างถูกต้องเหมาะสมตามคำแนะนำที่แสดงไว้บริเวณประตูด้านข้างของคนขับ ด้านในฝาน้ำมัน หรือในคู่มือผู้ใช้งาน ผู้ขับควรเติมลมตามตัวเลขที่แนะนำไว้ ไม่ใช่ตามตัวเลขความดันสูงสุดที่เห็นบนขอบยาง เนื่องจากรถยนต์แต่ละรุ่นอาจต้องเติมลมยางแตกต่างกันเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงหรือขณะบรรทุกสัมภาระหนัก [b]8. อย่าบรรทุกสัมภาระที่ไม่จำเป็น[/b] อย่าบรรทุกสัมภาระเกินน้ำหนักที่รถยนต์สามารถรับไหว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ทนทานอย่างเทรลเบลเซอร์ หรือรุ่นใดๆ ก็ตาม ถ้ารู้สึกว่ากำลังบรรทุกเกินพิกัด ควรหาวิธีลดสัมภาระ จำไว้ว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Portal
>
Articles
>
วิธีบรรทุกสัมภาระสำหรับรถเอสยูวี
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...