• 
  
  ติดต่อลงโฆษณา [email protected] หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ชื่อ:

การตรวจสอบ:

กำลังโหลด...

ข้อความ:

<p>[QUOTE=&quot;News, post: 7109817, member: 3&quot;]<p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/vwxiyPW.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>มิชลินและทีมปฏิบัติการประจำพื้นที่ของแต่ละทีมแข่งต้องเผชิญกับสภาพสนามแข่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนในการแข่งขัน &#039;พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์&#039; (PTT Thailand Grand Prix) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งต้องผจญกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุซึ่งส่งผลต่อสภาพพื้นสนามแข่งอย่างมาก</p><p><br /></p><p>มิชลินได้มีโอกาสเยือนสนามแข่งระยะทาง 4,554 เมตรของไทยแห่งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อทำการทดสอบรถแข่งก่อนเปิดฤดูกาลแข่งขัน ในเวลานั้นอุณหภูมิสนามแข่งอยู่ที่ 49 องศาเซลเซียส แต่ในวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแข่งขันจริง อุณหภูมิกลับพุ่งสูงถึง 56 องศาเซลเซียส โดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเนื่องจากตามปกติช่วงเวลานี้ของปีเป็นช่วงฤดูมรสุมของไทยที่อุณหภูมิมักจะลดต่ำลง&nbsp; มิชลินได้เลือกประเภทยางสำหรับใช้ในสนามแข่งเอาไว้ก่อนฤดูกาลแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นภายใต้แนวความคิดดังกล่าวและตามกฎระเบียบที่กำหนด โดยเชื่อว่าจะเหมาะกับสนามแข่งแห่งนี้</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/3Uqt7o3.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>เมื่ออุณหภูมิสนามแข่งสูง ศักยภาพของยางในการยึดเกาะพื้นสนามแข่งจะอยู่ในระดับต่ำมาก ส่งผลให้เกิดอาการล้อหมุนฟรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของมิชลินจึงแนะนำให้บรรดานักบิดเลือกใช้ยาง &#039;มิชลิน พาวเวอร์ สลิค&#039; (MICHELIN Power Slick) แบบเนื้อยางแข็ง (Hard) เป็นยางล้อหลัง ซึ่งนักบิดส่วนใหญ่เลือกใช้ยางรุ่นนี้ตามคำแนะนำ ยกเว้นแต่ &#039;อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่&#039; (Aleix Espargaro) นักบิดทีม &#039;อพริเลีย เรซซิ่ง ทีม เกรซินี&#039; (Aprilia Racing Team Gresini) ที่เลือกใช้ยางเนื้อนิ่ม (Soft) นอกจากนี้ มีนักบิดจำนวนไม่มากนักที่เลือกใช้ยางเนื้อแข็งปานกลาง (Medium) เป็นยางล้อหน้า ขณะที่นักบิดส่วนใหญ่ที่เหลือเลือกใช้ยางเนื้อแข็ง ทั้งนี้ ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งมีการแข่งทั้งหมด 26 รอบสนาม มีการเลือกใช้เนื้อยางรวมทั้งสิ้น 4 ประเภทจากทั้งหมด 6 ประเภท</p><p><br /></p><p>&#039;มาร์ค มาร์เกซ&#039; (Marc Marquez) จากทีม &#039;เรปโซล ฮอนด้า&#039; (Repsol Honda Team) ได้ออกตัวจากตำแหน่งหัวแถว หรือ Pole Position ในช่วงบ่ายของวัน และทะยานขึ้นเป็นผู้นำฝูงหลังผ่านการแข่งขันรอบแรก โดยครองตำแหน่งผู้นำในช่วง 4 รอบแรกของการแข่งขันก่อนที่ &#039;วาเลนติโน่ รอสซี่&#039; (Valentino Rossi) นักบิดทีม &#039;มูฟวี่สตาร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี&#039; (Movistar Yamaha MotoGP) จะเบียดแซงขึ้นมาเป็นผู้นำและรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ถึง 6 รอบสนาม จากนั้น &#039;อันเดรีย โดวิซิโอโซ&#039; (Andrea Dovizioso) นักบิดทีมดูคาติ (Ducati Team) ได้จังหวะเบียดแซงขึ้นมาเป็นผู้นำและพยายามรักษาระยะห่างด้วยการทำเวลาต่อรอบที่เร็วและควบคุมการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นมาร์เกซก็ไล่จี้ขึ้นมาและขับเคี่ยวกันอย่างสูสี ผลัดกันนำผลัดกันแซงในช่วง 2-3 รอบสุดท้ายให้ลุ้นระทึกอย่างน่าตื่นเต้น ก่อนที่มาร์เกซจะเบียดแซงหน้าในโค้งสุดท้ายจนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ โดยเฉือนเอาชนะ &#039;โดวิซิโอโซ&#039; ไปเพียง 0.115 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เป็นของ &#039;มาเวอริค บีญาเลส&#039; (Maverick Viñales) นักบิดทีม &#039;มูฟวี่สตาร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี&#039; ทำให้ตำแหน่ง 3 อันดับแรกเป็นของค่ายรถต่างกัน 3 ค่าย&nbsp; ด้าน &#039;รอสซี่&#039; คว้าอันดับ 4 ตามมาด้วย &#039;โยฮันน์ ซาร์โก&#039; (Johann Zarco) จากทีม &#039;มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เทค 3&#039; (Monster Yamaha Tech 3) ในอันดับที่ 5 โดยเป็นนักบิดจากทีมอิสระคนแรกที่เข้าเส้นชัย (First Independent Rider), &#039;อเล็กซ์ รินส์&#039; (Alex Rins) จากทีม &#039;ซูซูกิ เอ็กซ์สตาร์&#039; (Team SUZUKI ECSTAR) อันดับ 6, &#039;คาล ครัทช์โลว์&#039; (Cal Crutchlow) จากทีม &#039;แอลซีอาร์ ฮอนด้า&#039; (LCR Honda) ปาดแซงหน้านักบิดที่ทำเวลาเร็วประจำสนาม &#039;อัลวาโร เบาติสตา&#039; (Alvaro Bautista) จากทีม &#039;แองเจิล เนียโต้&#039; (Angel Nieto Team) ขึ้นครองอันดับเจ็ด ในขณะที่ &#039;ดานิโล่ เปตรุซซี่&#039; (Danilo Petrucci) จากทีม &#039;อัลมา พรามัค เรซซิ่ง&#039; (Alma Pramac Racing) เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 9 ตามมาด้วย &#039;แจ็ค มิลเลอร์&#039; (Jack Miller) นักบิดเพื่อนร่วมทีม ที่ปิดท้ายติดอันดับ 1 ใน 10 คนแรกที่เข้าเส้นชัย</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/5c5Ew2S.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ยางมิชลินที่คัดสรรมาเป็นตัวเลือกสำหรับใช้เป็นยางล้อหลังในการแข่งขันครั้งนี้ได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่จังหวัดบุรีรัมย์โดยเฉพาะ โดยยางล้อหน้าและหลังที่มีให้เลือกทั้ง 7 แบบ ซึ่งครอบคลุมยางล้อหลังเนื้อแข็งปานกลาง 2 แบบ ล้วนผ่านการทดลองและทดสอบโดยนักบิดส่วนใหญ่แล้ว แต่ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัดมากการเลือกใช้ยางเนื้อแข็งเป็นยางล้อหลังถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสอดคล้องกับคำแนะนำที่มิชลินให้กับบรรดานักบิดและทีมแข่ง การตัดสินใจครั้งนี้ก่อให้เกิดการประลองความเร็วที่น่าตื่นเต้นเร้าใจต่อหน้าผู้ชมจำนวน 100,245 คน ซึ่งอัดแน่นเต็มอัฒจันทร์ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคัก</p><p><br /></p><p>หลังจากนี้ มิชลินและทีมปฏิบัติงานประจำพื้นที่เก็บรถข้างสนามของทีมแข่งในการแข่งขันโมโตจีพีครั้งนี้จะกลับประเทศที่เป็นฐานประจำการของตนเองก่อนออกเดินทางอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระยะเวลา 3 สัปดาห์ในทวีปเอเชียที่ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ประเดิมด้วยรายการ &#039;เจแปนีซ กรังด์ปรีซ์&#039; (Japanese Grand Prix) ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคมศกนี้</p><p><br /></p><p><b>มาร์ค มาเกซ นักบิดทีม &#039;เรปโซล ฮอนด้า&#039;</b></p><p>&quot;วันนี้เป็นวันที่เยี่ยมยอดมาก การแข่งขันครั้งนี้ทำให้ทีมเรามีข้อได้เปรียบมากขึ้น โดยจะมีโอกาสทำคะแนนสะสมตีตื้นขึ้นมาเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับการแข่งขันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เราทำงานกันหนักมากท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนจัดและสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก อีกทั้งสภาพสนามแข่งยังหฤโหดมาก มิชลินได้นำเสนอยางล้อหลังหลายแบบไว้เป็นทางเลือกและได้ปรับวิธีการติดตั้งยางให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของการแข่งขัน เพื่อช่วยให้นักบิดทำผลงานได้ดีท่ามกลางสภาพแวดล้อม</p><p><br /></p><p>สุดหฤโหดนี้และเพื่อให้ยางทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดการแข่งขัน ทุกคนพยายามป้องกันปัญหาล่วงหน้าเพราะคาดว่าศักยภาพยางจะลดลงในช่วงท้ายๆ เนื่องจากยางต้องวิ่งบนสนามแข่งซึ่งบางช่วงเวลามีอุณหภูมิสูงเกือบ 60 องศาเซลเซียส ผมมีปลาบปลื้มยินดีในชัยชนะครั้งนี้อย่างยิ่ง และจะสู้ให้เต็มที่เพื่อครองตำแหน่งบนโพเดียม ณ สนามแข่งในประเทศญี่ปุ่น&quot;</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/6UtK9wG.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>ปิเอโร ทารามัสโซ่ (Piero Taramasso) ผู้จัดการฝ่ายมอเตอร์สปอร์ต กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ 2 ล้อ ของมิชลิน</b></p><p>&quot;การแข่งขันสัปดาห์นี้มีข้อเรียกร้องสูงและสถานการณ์ที่ซับซ้อนมาก ยางต้องรับความเค้นสูงจากอุณหภูมิที่ร้อนจัด ตอนที่เรามาทดสอบสนาม เราได้รับข้อมูลว่าในช่วงการแข่งจริง อุณหภูมิจะเย็นลงและอาจมีฝน เราจึงจัดยางตัวเลือกไว้สำหรับรองรับสถานการณ์ดังกล่าว แต่กลับกลายเป็นว่าสภาพแวดล้อมตรงข้ามกับที่คิดไว้เลย บรรดานักบิดได้ทดลองยางแบบต่างๆ ในช่วงขับทดสอบ โดยเราได้วิเคราะห์ศักยภาพและความทนทานของเนื้อยางทุกแบบ ก่อนจะให้คำแนะนำเรื่องการเลือกยางที่เหมาะสมแก่นักบิดและทีมแข่งเช่นที่ทำก่อนการแข่งขันทุกครั้ง การแนะนำให้ใช้ยางเนื้อแข็งเป็นยางล้อหลังพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง ส่งผลให้การแข่งขันเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยศักยภาพการทำเวลาต่อรอบที่สม่ำเสมอ ทั้งยังมีการขับเคี่ยวกันอย่างสูสีระหว่างมาร์คกับอันเดรียในช่วงท้ายของการแข่งขันให้ได้ลุ้นระทึก ศักยภาพการทำงานของยางเป็นไปด้วยดีตลอดการแข่งขันแม้ต้องเผชิญกับความร้อนสูงและถูกใช้งานอย่างหนักบนสนามแข่ง เราพอใจกับศักยภาพโดยรวม การตัดสินใจเลือกยางก่อนล่วงหน้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะการเลือกให้เหมาะกับสนามแข่งที่เราไม่เคยลงแข่งมาก่อน แต่ด้วยข้อมูลที่ได้ในปีนี้ เราจะมีความพร้อมมากขึ้นในการเลือกยางที่เหมาะสำหรับสนามแข่งที่บุรีรัมย์ก่อนเริ่มการแข่งขันฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน</p><p><br /></p><p>ผมขอแสดงความยินดีกับผู้จัดการแข่งขันสำหรับความสำเร็จในการจัดงาน เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ผู้คนอัธยาศัยดี และบรรยากาศในวันนี้ก็น่าประทับใจ เราตั้งตารอที่จะกลับมาแข่งที่นี่อีกครั้งในปีหน้า</p><p><br /></p><p>ท้ายที่สุดนี้ ผมขอขอบคุณนักบิดทุกคนและทีมแข่งทุกทีมที่รับฟังคำแนะนำจากเรา และนำไปใช้อย่างเหมาะสมทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นประสบการณ์เชิงบวกที่เยี่ยมยอด&quot;</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/wpOyL90.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>รอสส์ ชิลด์ส (Ross Shields) ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ 2 ล้อ ประจำภูมิภาคเอเชียของมิชลิน</b></p><p>&quot;การเข้าร่วมสนับสนุนโมโตจีพีเป็นการตอกย้ำจุดยืนของมิชลินในการทุ่มเทพัฒนายางรถจักรยานยนต์ประสิทธิภาพสูงเพื่อทุกสภาพการขับขี่ โดยมุ่งนำเทคโนโลยีจากสนามแข่งมาสู่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ในประเทศไทย ตลาดยางรถจักรยานยนต์มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 5 โดยยางมิชลินครองความเป็นหนึ่งในฐานะยางสมรรถนะสูง มีประสิทธิภาพในการต้านทานการบาดตำ ให้ความปลอดภัย และคุ้มค่าสมราคา การเปิดโรงงานผลิตยางรถจักรยานยนต์ที่พระประแดง ไม่เพียงช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำตลาดภายในประเทศ แต่ยังทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตยางรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์มิชลิน 1 ใน 4 แห่งของโลก เพื่อวางจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งเพื่อป้อนโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำ อาทิ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน (Harley Davidson), บีเอ็มดับบลิว (BMW), ดูคาติ (Ducati) และ ฮอนด้า (Honda)</p><p><br /></p><p>จากนี้ไปเราจะเร่งทำตลาดยางรถจักรยานยนต์ในไทยให้มากขึ้นด้วยจุดยืนในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยไม่เพียงจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไปและผู้ใช้รถจักรยานยนต์แบบบิ๊กไบค์&nbsp; แต่จะส่งเสริมให้ตัวแทนจำหน่ายเร่งพัฒนาเครือข่ายจัดจำหน่ายของตนให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมทั้งรุกผนึกกำลังกับตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในไทยสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานยนต์ของเราได้ง่ายขึ้นทั่วประเทศ&quot;[/QUOTE]</p><p><br /></p>

• เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
• เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
• เข้าสู่ระบบด้วย Google

ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:

คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?

• ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
• มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
• ลืมรหัสผ่านของคุณ?

อยู่ในระบบตลอดเวลา

• X