เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Portal
>
Articles
>
เมื่อใด ควรนำรถเข้าเช็คระยะ
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="News, post: 7130453, member: 3"]<p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/9tbFYwj.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>สำหรับเจ้าของรถ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงไม่ใช่เพียงการนำรถเข้าซ่อมเฉพาะเมื่อมีอาการผิดปกติ แต่ควรนำรถเข้าซ่อมบำรุงเมื่อถึงระยะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ช่วยให้ใช้งานรถยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้งานได้ยาวนานและเกิดความปลอดภัยสูงสุด ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง</p><p><br /></p><p>ในการบำรุงรักษารถยนต์แต่ละระยะ เจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะสังเกตแต่จำนวนกิโลเมตรที่รถใช้งานเป็นเกณฑ์ในการนัดหมายนำรถเข้าเช็คระยะ นอกจากจำนวนกิโลเมตรที่จะแสดงอายุการใช้งานของรถ ที่บ่งบอกได้ว่าของเหลวและชิ้นส่วนต่างๆ มีการใช้งานมายาวนานเพียงใดแล้ว ระยะเวลาก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ของเหลวและชิ้นส่วนต่างๆ เสื่อมสภาพไปด้วยเช่นกัน เพราะเครื่องยนต์หรือระบบต่างๆ ยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้ในขณะรถจอดอยู่นิ่งในการจราจรที่ติดขัด หรือแม้แต่การจอดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน หากเจ้าของรถละเลยการดูแลตรวจเช็คระยะรถยนต์อย่างถูกต้อง ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ สึกหรอรวดเร็วกว่าปกติ</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/alQqD3M.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>จากสถิติในปี 2018 ที่รวบรวมโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าอุบัติเหตุ 45,000 ครั้งต่อปี เกิดจากการดูแลรถยนต์ไม่เหมาะสม ชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพเป็นสาเหตุให้เกิดภัยบนท้องถนน[1] หากเรารู้ทันก่อนเกิดภัย ก็จะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านความปลอดภัย รวมไปถึงการใช้รถยนต์ได้คุ้มค่า จึงควรมีการนำรถเข้าเช็คระยะตามระยะทางหรือเวลาที่กำหนดไว้ในสมุดคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือเมื่อมีไฟเตือนหรือข้อความเตือนครบกำหนดเข้าเช็คระยะ โดยรถส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะแนะนำให้นำรถเข้าเช็คระยะทุกๆ 6 เดือนหรือ 10,000 กม. แล้วแต่อย่างใดจะถึงก่อน</p><p><br /></p><p>ในการเช็คระยะแต่ละครั้ง ควรจะมีการตรวจสอบและเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ดังต่อไปนี้</p><p><b>เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองเครื่องยนต์</b> - ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ลดการสึกหรอและหล่อลื่นการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ</p><p><b>ตรวจสอบสภาพไส้กรองในระบบต่างๆ</b> - มีทั้งไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ ไส้กรองอากาศแอร์ ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ควรเปลี่ยนตามระยะที่กำหนด ซึ่งอาจแตกต่างกันในรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ ชวยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง</p><p><b>ตรวจสอบระดับของเหลวและการรั่วซึมของระบบต่างๆ</b> - นอกจากน้ำมันเครื่องยังมี น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำยาหม้อน้ำ น้ำยาฉีดล้างกระจก ที่จะต้องได้รับการดูแลและตรวจสอบว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่มีกลิ่นหรือสีที่ผิดปกติ รวมถึงไม่มีการรั่วซึมตามท่อทางเดิน</p><p><b>ตรวจสอบการทำงานของยางปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก</b> - ยางปัดน้ำฝนมีการเสื่อมสภาพจากรังสี UV ที่มาจากแสงแดดตามระยะเวลาแม้ไม่มีการใช้งาน ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการรีดน้ำบนกระจกลดน้อยลง ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการขับขี่ จึงควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนอย่างน้อยปีละครั้ง พร้อมทั้งตรวจสอบการฉีดน้ำว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม</p><p><b>ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่าง</b> - หลายครั้งที่เราอาจไม่สังเกตว่าระบบไฟส่องสว่างของรถเรานั้นยังทำงานเป็นปกติอยู่หรือไม่ ซึ่งการเช็คระยะจะเป็นการตรวจสอบการทำงานของสัญญาณไฟต่างๆ รอบคันให้ท่านมั่นใจ และยังปลอดภัยตลอดการขับขี่</p><p><b>ตรวจสอบสภาพสายพาน</b> - สายพานอาจมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังหรือขาดระหว่างการขับขี่ จึงต้องได้รับการตรวจสอบสภาพพร้อมทั้งความตึง</p><p><b>ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่</b> - แบตเตอรี่ มักเป็นสิ่งที่จะถูกเปลี่ยนเมื่อไม่สามารถสตาร์ทรถได้ แต่ในความเป็นจริงเราสามารถป้องกันได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้เครื่องมือทดสอบแบตเตอรี่เพื่อประเมินสภาพของแบตเตอรี่ว่าถึงกำหนดเวลาเปลี่ยนแล้วหรือไม่ ก่อนที่จะมีอาการสตาร์ทไม่ติด</p><p><b>ตรวจสอบระบบเบรก</b> - โดยจะเป็นการตรวจสอบสภาพและความหนาของผ้าเบรกว่าใกล้หมดแล้วหรือไม่ ซึ่งควรเปลี่ยนผ้าเบรกทันทีเมื่อความหนาของผ้าเบรกเท่ากับ 3 มม. หรือต่ำกว่า นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบรอยรั่วซึมของท่อทางน้ำมันเบรก ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เป็นยาง และสภาพของจานเบรกที่ควรมีความหนาไม่น้อยกว่ามาตรฐาน</p><p><b>ตรวจสอบสภาพยาง</b> - เป็นการตรวจสอบสภาพความลึกของร่องดอกยาง ซึ่งควรมีความลึกมากกว่า 3 มม. ไม่มีการรั่วซึมหรือการสึกหรอของยางที่ผิดปกติ และปรับแรงดันลมยางตามมาตรฐานที่กำหนด หรือปรับตั้งศูนยล้อถ้าพบการสึกหรอของยางที่ผิดปกติ</p><p><b>สลับยางและถ่วงล้อทั้ง 4 ล้อ</b> - โดยเป็นการสลับยางจากด้านหน้าไปไว้ด้านหลังพร้อมทั้งปรับความสมดุลของล้อและยางด้วยการถ่วงล้อ ซึ่งจะช่วยให้ยางมีการสึกหรอใกล้เคียงกันทั้ง 4 เส้น ยืดอายุการใช้งานของยาง รวมถึงลดเสียงรบกวนของยางระหว่างการขับขี่</p><p><b>ตรวจสอบสภาพของช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว</b> - โดยตรวจสอบการรั่วซึมและการทำงานของโช๊คอัพ การสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ เช่นลูกหมาก ลูกปืนล้อ ยางหุ้มเพลา ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจในการขับขี่และการทรงตัวของรถ</p><p><br /></p><p>เมื่อรถถึงระยะซ่อมบำรุง สามารถนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพรถได้ที่ศูนย์บริการยางและรถยนต์มาตรฐานระดับโลกอย่างควิกเลน ที่มีบริการให้คำปรึกษาทางด้านการดูแลรักษารถยนต์อย่างละเอียด ฟรีตรวจเช็คสภาพรถ 30 รายการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมใบรายงานผลที่รวดเร็วและเข้าใจง่าย รวมถึงการให้บริการดูแลรถยนต์ที่ครบวงจรถึง 14 กลุ่มบริการโดยช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ควิกเลนยังมีอะไหล่ออมนิคราฟท์ (Omnicraft) อะไหล่รถยนต์คุณภาพสูงสำหรับรถยนต์ทุกยี่ห้อหลัก ที่มาพร้อมการรับประกันคุณภาพที่ยาวนาน นอกจากการนำรถเข้าศูนย์บริการเมื่อถึงระยะซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอจะเพิ่มความปลอดภัยและความทนทานให้รถแถมยังอาจเพิ่มมูลค่าขายได้ในภายหลัง แล้วก็ยังทำให้คุณขับรถได้อย่างสบายใจไร้กังวล[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="News, post: 7130453, member: 3"][center][img]https://i.imgur.com/9tbFYwj.jpg[/img][/center] สำหรับเจ้าของรถ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงไม่ใช่เพียงการนำรถเข้าซ่อมเฉพาะเมื่อมีอาการผิดปกติ แต่ควรนำรถเข้าซ่อมบำรุงเมื่อถึงระยะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ช่วยให้ใช้งานรถยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้งานได้ยาวนานและเกิดความปลอดภัยสูงสุด ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในการบำรุงรักษารถยนต์แต่ละระยะ เจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะสังเกตแต่จำนวนกิโลเมตรที่รถใช้งานเป็นเกณฑ์ในการนัดหมายนำรถเข้าเช็คระยะ นอกจากจำนวนกิโลเมตรที่จะแสดงอายุการใช้งานของรถ ที่บ่งบอกได้ว่าของเหลวและชิ้นส่วนต่างๆ มีการใช้งานมายาวนานเพียงใดแล้ว ระยะเวลาก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ของเหลวและชิ้นส่วนต่างๆ เสื่อมสภาพไปด้วยเช่นกัน เพราะเครื่องยนต์หรือระบบต่างๆ ยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้ในขณะรถจอดอยู่นิ่งในการจราจรที่ติดขัด หรือแม้แต่การจอดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน หากเจ้าของรถละเลยการดูแลตรวจเช็คระยะรถยนต์อย่างถูกต้อง ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ สึกหรอรวดเร็วกว่าปกติ [center][img]https://i.imgur.com/alQqD3M.jpg[/img][/center] จากสถิติในปี 2018 ที่รวบรวมโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าอุบัติเหตุ 45,000 ครั้งต่อปี เกิดจากการดูแลรถยนต์ไม่เหมาะสม ชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพเป็นสาเหตุให้เกิดภัยบนท้องถนน[1] หากเรารู้ทันก่อนเกิดภัย ก็จะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านความปลอดภัย รวมไปถึงการใช้รถยนต์ได้คุ้มค่า จึงควรมีการนำรถเข้าเช็คระยะตามระยะทางหรือเวลาที่กำหนดไว้ในสมุดคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือเมื่อมีไฟเตือนหรือข้อความเตือนครบกำหนดเข้าเช็คระยะ โดยรถส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะแนะนำให้นำรถเข้าเช็คระยะทุกๆ 6 เดือนหรือ 10,000 กม. แล้วแต่อย่างใดจะถึงก่อน ในการเช็คระยะแต่ละครั้ง ควรจะมีการตรวจสอบและเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ดังต่อไปนี้ [b]เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองเครื่องยนต์[/b] - ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ลดการสึกหรอและหล่อลื่นการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ [b]ตรวจสอบสภาพไส้กรองในระบบต่างๆ[/b] - มีทั้งไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ ไส้กรองอากาศแอร์ ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ควรเปลี่ยนตามระยะที่กำหนด ซึ่งอาจแตกต่างกันในรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ ชวยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง [b]ตรวจสอบระดับของเหลวและการรั่วซึมของระบบต่างๆ[/b] - นอกจากน้ำมันเครื่องยังมี น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำยาหม้อน้ำ น้ำยาฉีดล้างกระจก ที่จะต้องได้รับการดูแลและตรวจสอบว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่มีกลิ่นหรือสีที่ผิดปกติ รวมถึงไม่มีการรั่วซึมตามท่อทางเดิน [b]ตรวจสอบการทำงานของยางปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก[/b] - ยางปัดน้ำฝนมีการเสื่อมสภาพจากรังสี UV ที่มาจากแสงแดดตามระยะเวลาแม้ไม่มีการใช้งาน ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการรีดน้ำบนกระจกลดน้อยลง ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการขับขี่ จึงควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนอย่างน้อยปีละครั้ง พร้อมทั้งตรวจสอบการฉีดน้ำว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม [b]ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่าง[/b] - หลายครั้งที่เราอาจไม่สังเกตว่าระบบไฟส่องสว่างของรถเรานั้นยังทำงานเป็นปกติอยู่หรือไม่ ซึ่งการเช็คระยะจะเป็นการตรวจสอบการทำงานของสัญญาณไฟต่างๆ รอบคันให้ท่านมั่นใจ และยังปลอดภัยตลอดการขับขี่ [b]ตรวจสอบสภาพสายพาน[/b] - สายพานอาจมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังหรือขาดระหว่างการขับขี่ จึงต้องได้รับการตรวจสอบสภาพพร้อมทั้งความตึง [b]ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่[/b] - แบตเตอรี่ มักเป็นสิ่งที่จะถูกเปลี่ยนเมื่อไม่สามารถสตาร์ทรถได้ แต่ในความเป็นจริงเราสามารถป้องกันได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้เครื่องมือทดสอบแบตเตอรี่เพื่อประเมินสภาพของแบตเตอรี่ว่าถึงกำหนดเวลาเปลี่ยนแล้วหรือไม่ ก่อนที่จะมีอาการสตาร์ทไม่ติด [b]ตรวจสอบระบบเบรก[/b] - โดยจะเป็นการตรวจสอบสภาพและความหนาของผ้าเบรกว่าใกล้หมดแล้วหรือไม่ ซึ่งควรเปลี่ยนผ้าเบรกทันทีเมื่อความหนาของผ้าเบรกเท่ากับ 3 มม. หรือต่ำกว่า นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบรอยรั่วซึมของท่อทางน้ำมันเบรก ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เป็นยาง และสภาพของจานเบรกที่ควรมีความหนาไม่น้อยกว่ามาตรฐาน [b]ตรวจสอบสภาพยาง[/b] - เป็นการตรวจสอบสภาพความลึกของร่องดอกยาง ซึ่งควรมีความลึกมากกว่า 3 มม. ไม่มีการรั่วซึมหรือการสึกหรอของยางที่ผิดปกติ และปรับแรงดันลมยางตามมาตรฐานที่กำหนด หรือปรับตั้งศูนยล้อถ้าพบการสึกหรอของยางที่ผิดปกติ [b]สลับยางและถ่วงล้อทั้ง 4 ล้อ[/b] - โดยเป็นการสลับยางจากด้านหน้าไปไว้ด้านหลังพร้อมทั้งปรับความสมดุลของล้อและยางด้วยการถ่วงล้อ ซึ่งจะช่วยให้ยางมีการสึกหรอใกล้เคียงกันทั้ง 4 เส้น ยืดอายุการใช้งานของยาง รวมถึงลดเสียงรบกวนของยางระหว่างการขับขี่ [b]ตรวจสอบสภาพของช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว[/b] - โดยตรวจสอบการรั่วซึมและการทำงานของโช๊คอัพ การสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ เช่นลูกหมาก ลูกปืนล้อ ยางหุ้มเพลา ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจในการขับขี่และการทรงตัวของรถ เมื่อรถถึงระยะซ่อมบำรุง สามารถนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพรถได้ที่ศูนย์บริการยางและรถยนต์มาตรฐานระดับโลกอย่างควิกเลน ที่มีบริการให้คำปรึกษาทางด้านการดูแลรักษารถยนต์อย่างละเอียด ฟรีตรวจเช็คสภาพรถ 30 รายการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมใบรายงานผลที่รวดเร็วและเข้าใจง่าย รวมถึงการให้บริการดูแลรถยนต์ที่ครบวงจรถึง 14 กลุ่มบริการโดยช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ควิกเลนยังมีอะไหล่ออมนิคราฟท์ (Omnicraft) อะไหล่รถยนต์คุณภาพสูงสำหรับรถยนต์ทุกยี่ห้อหลัก ที่มาพร้อมการรับประกันคุณภาพที่ยาวนาน นอกจากการนำรถเข้าศูนย์บริการเมื่อถึงระยะซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอจะเพิ่มความปลอดภัยและความทนทานให้รถแถมยังอาจเพิ่มมูลค่าขายได้ในภายหลัง แล้วก็ยังทำให้คุณขับรถได้อย่างสบายใจไร้กังวล[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Portal
>
Articles
>
เมื่อใด ควรนำรถเข้าเช็คระยะ
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...