Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Portal
>
News
>
Bentley Motors เผย ครบ 1 ศตวรรษแห่งการส่งมอบยนตรกรรมคันแรกแก่ลูกค้าคนพิเศษ
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="News, post: 7143599, member: 3"]<p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/A7Iowl5.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>เบนท์ลีย์ มอเตอรส์เฉลิมฉลองครบ 1 ศตวรรษแห่งการส่งมอบยนตรกรรมคันแรกให้แก่ลูกค้าคนพิเศษ นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตร ซึ่งจดทะเบียนในปี 2464 ด้วยหมายเลขทะเบียน KS 1661 ได้ถูกครอบครองโดยเศรษฐีชาวลอนดอนนามว่า 'Noel van Raalte' ผู้หลงใหลในการแข่งขันรถยนต์และมีครอบครัวซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในการถือครองเกาะ Brownsea ใกล้ท่าเรือ Poole</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/lkRxV3Z.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>การผลิตยนตรกรรมเบนท์ลีย์คันแรกนั้นได้ดำเนินการในเมืองคริกเกิลวูด ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน โดยประกอบขึ้นด้วยตัวถังอลูมิเนียมน้ำหนักเบาในสีทองเหลืองโทนสว่าง ซึ่ง ณ ขณะนั้นมีราคาอยู่ที่ 1,150 ปอนด์ หรือ ประมาณ 50,497 บาท โดยหลังจาก W.O. Bentley ผู้ก่อตั้งเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ ได้เปิดตัวยนตรกรรมรุ่นนี้ ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรจึงได้กลายเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพการผลิตและวิศวกรรมยานยนต์ชั้นสูงที่เป็นจุดเด่นของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์ 102 ปีของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์มียนตรกรรมมากกว่า 200,000 คันที่ได้ประกอบขึ้นด้วยมือ โดยกว่า 97% ของจำนวนทั้งหมดได้ออกจากสายการผลิต ณ โรงงานฯ เมืองครูว์ นับตั้งแต่ย้ายฐานการผลิตในปี 2489</p><p><br /></p><p>ขณะนั้น Van Raalte คือลูกค้ารายแรกที่สั่งซื้อยนตรกรรมเบนท์ลีย์ แต่เขากลับไม่ใช่คนแรกที่ได้รับการส่งมอบรถ แต่ทว่าสิทธิ์นั้นเป็นของ Ivor Llewellyn ผู้ที่ได้รับมอบยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรคันแรกในเดือนสิงหาคม 2464 จากทั้งหมด 3 ออเดอร์ที่เขาสั่งซื้อ โดยถือเป็นสายการผลิตตัวถังรถยนต์รุ่นที่สาม และยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบันในฐานะสายการผลิตของเบนท์ลีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก</p><p><br /></p><p>งานฝีมืออันโดดเด่นของเบนท์ลีย์ช่วยทำให้ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรชนะการแข่งขันในรายการ 24 Hours of Le Mans ในปี 2467 และ 2470 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ชัยชนะห้าครั้งของเบนท์ลีย์ในแปดปีสำหรับการแข่งขันในรายการนี้ โดยมีเบนท์ลีย์บอยในตำนานอย่าง 'Van Raalte' กับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ตัวถังหมายเลข 1 รุ่น 3 ลิตรคู่ใจของเขาในการแข่งขันรายการระดับประเทศนี้ Van Raalte เข้าร่วมรายการแข่งขันครั้งสุดท้ายในประเทศฝรั่งเศสในปี 2474</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/vpY6aTh.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ในการทดสอบยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรของนิตยสาร The Autocar ฉบับเดือนมกราคม 2463 ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยคลังข้อมูล Motoring ผู้เขียนสรุปได้อย่างสมบูรณ์แบบเกี่ยวกับยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ว่า "สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการขับรถที่มีตัวถังน้ำหนักเบาไว้ใช้งานในการเดินทางระยะไกล เบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรคือคำตอบที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย"</p><p><br /></p><p>บทวิจารณ์ในนิตยสารยังเสริมอีกว่า "รถยนต์ย่อมสะท้อนบุคลิกของผู้ขับขี่ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวถังเหล็กและอลูมิเนียม แต่เปรียบเสมือนสัตว์ที่สามารถแสดงสัญชาตญาณทันทีและถ่ายทอดความรู้สึกมาถึงผู้ขับขี่ผ่านพวงมาลัยในห้องโดยสาร"</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/p6aNWmA.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>หลังจากนั้น Van Raalte ก็ได้เขียนรีวิวให้กับบรรณาธิการของนิตยสาร The Autocar ว่า "เหตุผลที่ผมเลือกครอบครองเบนท์ลีย์ เป็นเพราะสมรรถนะอันยอดเยี่ยมบนท้องถนน และคุณสมบัติที่โดดเด่นต่างๆไม่ว่าจะเป็น การบังคับเลี้ยว การลดแรงสั่นสะเทือน การยึดเกาะถนน ระบบเบรก การเปลี่ยนความเร็ว และประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ สำหรับผม รถยนต์คันนี้ค่อนข้างเหนือกว่ารถยนต์คู่แข่งในระดับเดียวกัน ซึ่งนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกครอบครอง"</p><p><br /></p><p>Mark Tisshaw บรรณาธิการของนิตยสาร Autocar กล่าวเสริมว่า "ย้อนกลับไปในปี 2438 คลังข้อมูลของ Autocar ได้เก็บรวบรวมประวัติศาสตร์ของเบนท์ลีย์ทั้งหมดเอาไว้ อันที่จริง เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเบนท์ลีย์ได้เกิดขึ้น ในช่วงที่เรามีอายุ 26 ปีแล้ว ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลของเราเป็นครั้งแรกด้วยการเปิดตัวคลังข้อมูลของ Motoring แบบดิจิทัลนั้นจึงทำให้เรื่องราวที่น่าสนใจอย่าง ต้นกำเนิดของเบนท์ลีย์รุ่นพิเศษคันนี้ถูกเปิดเผยและเผยแพร่ได้ง่ายขึ้น"</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/EAYVedW.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างแบรนด์เบนท์ลีย์ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากประสบความสำเร็จ เบนท์ลีย์ มอเตอรส์จึงได้ผลิตรุ่น 6 ½, 4 ½, 8 และ 4 ลิตร ซึ่งเป็นยนตรกรรมคลาสสิกที่โดดเด่นที่สุดในยุคก่อนสงครามโลก</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/ry5MDYg.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ช่วงหลังสงครามโลก ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น อาร์-ไทป์ คอนติเนนทัล (R-Type Continental) ที่มีรูปลักลักษณ์อันงดงาม เปิดตัวขึ้นในปี 2495 ยนตรกรรมสี่ที่นั่งที่เร็วที่สุดในโลกรุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 120 ไมล์ต่อชั่วโมง และถือเป็นยนตรกรรมแกรนด์ทัวเรอร์ที่หรูหราที่สุดในช่วงเวลานั้น ต่อมา เบนท์ลีย์ รุ่น ที-ซีรีส์ (Bentley T-Series) ได้เปิดตัวในปี 2503 ก่อนที่เครื่องยนต์ รุ่น V8 อันเลื่องชื่อของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์จะได้รับการพัฒนาในช่วงปี 2513 โดยเพิ่มความจุเป็น 6.75 ลิตร</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/4iLUmIQ.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>หลังจากนั้น เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ได้ผลิตโมเดลที่มีชื่อเสียงตามมาอีกหลายรุ่น รวมถึง มัลซานน์ (Mulsanne) และ เทอร์โบ อาร์ (Turbo R) ซึ่งถือเป็นยนตรกรรมยุคหลังของเบนท์ลีย์และถือเป็นยนตรกรรมที่เร็วที่สุดของเบนท์ลีย์ในยุคนั้นอีกด้วย ในปี 2541 Volkswagen Group ได้เข้าซื้อกิจการของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์และเริ่มแผนการลงทุนครั้งสำคัญ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/OfgzeO8.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>หลังจากชัยชนะที่เลอม็องในปี 2544 ด้วยรุ่น EXP Speed 8 อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น คอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ที่มียอดขายสูงที่สุดก็ได้เปิดตัวในอีกสองปีต่อมา ตามมาด้วยอัครยนตรกรรมลีมูซีนอย่าง มัลซานน์ (Mulsanne) โฉมใหม่ในปี 2552 จากนั้นเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ก็ได้รังสรรค์เบนเทก้า (Bentayga) อัครยนตรกรรมเอสยูวีสุดหรูคันแรกของโลกในปี 2558 ซึ่งถือเป็นอัครยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่พร้อมจะพาคุณไปได้ทุกที่พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและการตกแต่งภายในด้วยเบาะโดยสารสูงสุดถึงเจ็ดที่นั่ง</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/h0pb84U.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/QIEh3Ej.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ (New Flying Spur) โฉมใหม่เปิดตัวในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ 1 ศตวรรษของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ ตามมาด้วยในปี 2563 กับอัครยนตรกรรมเปิดประทุนรุ่น บาคาลาร์ (Bacalar) รุ่นพิเศษและผลิตจำนวนจำกัด การเปิดตัวของบาคาลาร์ที่ประกอบขึ้นด้วยมือรุ่นนี้ถือเป็นการหวนคืนสู่การออกแบบตัวถังรถยนต์ของเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ (Bentley Mulliner) หนึ่งในผู้ออกแบบตัวถังรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/e0lpS5C.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ถึงแม้จะมีวิกฤตการณ์โรคระบาดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ยังคงประสบความสำเร็จในการสร้างสถิติยอดขายสูงที่สุดในปี 2563 และการเผยแผนกลยุทธ์ Beyond100 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ว่าด้วยเส้นทางสู่ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนขององค์กรที่จะช่วยพลิกโฉมธุรกิจในทุกๆด้านอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ตั้งเป้าการเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2573 พร้อมด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้ากับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ทุกรุ่น</p><p><br /></p><p>ขณะที่เบนท์ลีย์ มอเตอรส์กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน งานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของเบนท์ลีย์และความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ หนึ่งร้อยปีนับตั้งแต่ Van Raalte รับมอบการผลิตยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตร คันแรก เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ยังคงสืบสานความเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูระดับแนวหน้าของโลกจนถึงปัจจุบัน[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="News, post: 7143599, member: 3"][center][img]https://i.imgur.com/A7Iowl5.jpg[/img][/center] เบนท์ลีย์ มอเตอรส์เฉลิมฉลองครบ 1 ศตวรรษแห่งการส่งมอบยนตรกรรมคันแรกให้แก่ลูกค้าคนพิเศษ นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตร ซึ่งจดทะเบียนในปี 2464 ด้วยหมายเลขทะเบียน KS 1661 ได้ถูกครอบครองโดยเศรษฐีชาวลอนดอนนามว่า 'Noel van Raalte' ผู้หลงใหลในการแข่งขันรถยนต์และมีครอบครัวซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในการถือครองเกาะ Brownsea ใกล้ท่าเรือ Poole [center][img]https://i.imgur.com/lkRxV3Z.jpg[/img][/center] การผลิตยนตรกรรมเบนท์ลีย์คันแรกนั้นได้ดำเนินการในเมืองคริกเกิลวูด ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน โดยประกอบขึ้นด้วยตัวถังอลูมิเนียมน้ำหนักเบาในสีทองเหลืองโทนสว่าง ซึ่ง ณ ขณะนั้นมีราคาอยู่ที่ 1,150 ปอนด์ หรือ ประมาณ 50,497 บาท โดยหลังจาก W.O. Bentley ผู้ก่อตั้งเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ ได้เปิดตัวยนตรกรรมรุ่นนี้ ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรจึงได้กลายเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพการผลิตและวิศวกรรมยานยนต์ชั้นสูงที่เป็นจุดเด่นของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์ 102 ปีของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์มียนตรกรรมมากกว่า 200,000 คันที่ได้ประกอบขึ้นด้วยมือ โดยกว่า 97% ของจำนวนทั้งหมดได้ออกจากสายการผลิต ณ โรงงานฯ เมืองครูว์ นับตั้งแต่ย้ายฐานการผลิตในปี 2489 ขณะนั้น Van Raalte คือลูกค้ารายแรกที่สั่งซื้อยนตรกรรมเบนท์ลีย์ แต่เขากลับไม่ใช่คนแรกที่ได้รับการส่งมอบรถ แต่ทว่าสิทธิ์นั้นเป็นของ Ivor Llewellyn ผู้ที่ได้รับมอบยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรคันแรกในเดือนสิงหาคม 2464 จากทั้งหมด 3 ออเดอร์ที่เขาสั่งซื้อ โดยถือเป็นสายการผลิตตัวถังรถยนต์รุ่นที่สาม และยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบันในฐานะสายการผลิตของเบนท์ลีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก งานฝีมืออันโดดเด่นของเบนท์ลีย์ช่วยทำให้ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรชนะการแข่งขันในรายการ 24 Hours of Le Mans ในปี 2467 และ 2470 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ชัยชนะห้าครั้งของเบนท์ลีย์ในแปดปีสำหรับการแข่งขันในรายการนี้ โดยมีเบนท์ลีย์บอยในตำนานอย่าง 'Van Raalte' กับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ตัวถังหมายเลข 1 รุ่น 3 ลิตรคู่ใจของเขาในการแข่งขันรายการระดับประเทศนี้ Van Raalte เข้าร่วมรายการแข่งขันครั้งสุดท้ายในประเทศฝรั่งเศสในปี 2474 [center][img]https://i.imgur.com/vpY6aTh.jpg[/img][/center] ในการทดสอบยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรของนิตยสาร The Autocar ฉบับเดือนมกราคม 2463 ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยคลังข้อมูล Motoring ผู้เขียนสรุปได้อย่างสมบูรณ์แบบเกี่ยวกับยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ว่า "สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการขับรถที่มีตัวถังน้ำหนักเบาไว้ใช้งานในการเดินทางระยะไกล เบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรคือคำตอบที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย" บทวิจารณ์ในนิตยสารยังเสริมอีกว่า "รถยนต์ย่อมสะท้อนบุคลิกของผู้ขับขี่ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตัวถังเหล็กและอลูมิเนียม แต่เปรียบเสมือนสัตว์ที่สามารถแสดงสัญชาตญาณทันทีและถ่ายทอดความรู้สึกมาถึงผู้ขับขี่ผ่านพวงมาลัยในห้องโดยสาร" [center][img]https://i.imgur.com/p6aNWmA.jpg[/img][/center] หลังจากนั้น Van Raalte ก็ได้เขียนรีวิวให้กับบรรณาธิการของนิตยสาร The Autocar ว่า "เหตุผลที่ผมเลือกครอบครองเบนท์ลีย์ เป็นเพราะสมรรถนะอันยอดเยี่ยมบนท้องถนน และคุณสมบัติที่โดดเด่นต่างๆไม่ว่าจะเป็น การบังคับเลี้ยว การลดแรงสั่นสะเทือน การยึดเกาะถนน ระบบเบรก การเปลี่ยนความเร็ว และประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ สำหรับผม รถยนต์คันนี้ค่อนข้างเหนือกว่ารถยนต์คู่แข่งในระดับเดียวกัน ซึ่งนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกครอบครอง" Mark Tisshaw บรรณาธิการของนิตยสาร Autocar กล่าวเสริมว่า "ย้อนกลับไปในปี 2438 คลังข้อมูลของ Autocar ได้เก็บรวบรวมประวัติศาสตร์ของเบนท์ลีย์ทั้งหมดเอาไว้ อันที่จริง เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเบนท์ลีย์ได้เกิดขึ้น ในช่วงที่เรามีอายุ 26 ปีแล้ว ดังนั้น การเข้าถึงข้อมูลของเราเป็นครั้งแรกด้วยการเปิดตัวคลังข้อมูลของ Motoring แบบดิจิทัลนั้นจึงทำให้เรื่องราวที่น่าสนใจอย่าง ต้นกำเนิดของเบนท์ลีย์รุ่นพิเศษคันนี้ถูกเปิดเผยและเผยแพร่ได้ง่ายขึ้น" [center][img]https://i.imgur.com/EAYVedW.jpg[/img][/center] ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตรยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างแบรนด์เบนท์ลีย์ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากประสบความสำเร็จ เบนท์ลีย์ มอเตอรส์จึงได้ผลิตรุ่น 6 ½, 4 ½, 8 และ 4 ลิตร ซึ่งเป็นยนตรกรรมคลาสสิกที่โดดเด่นที่สุดในยุคก่อนสงครามโลก [center][img]https://i.imgur.com/ry5MDYg.jpg[/img][/center] ช่วงหลังสงครามโลก ยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น อาร์-ไทป์ คอนติเนนทัล (R-Type Continental) ที่มีรูปลักลักษณ์อันงดงาม เปิดตัวขึ้นในปี 2495 ยนตรกรรมสี่ที่นั่งที่เร็วที่สุดในโลกรุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 120 ไมล์ต่อชั่วโมง และถือเป็นยนตรกรรมแกรนด์ทัวเรอร์ที่หรูหราที่สุดในช่วงเวลานั้น ต่อมา เบนท์ลีย์ รุ่น ที-ซีรีส์ (Bentley T-Series) ได้เปิดตัวในปี 2503 ก่อนที่เครื่องยนต์ รุ่น V8 อันเลื่องชื่อของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์จะได้รับการพัฒนาในช่วงปี 2513 โดยเพิ่มความจุเป็น 6.75 ลิตร [center][img]https://i.imgur.com/4iLUmIQ.jpg[/img][/center] หลังจากนั้น เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ได้ผลิตโมเดลที่มีชื่อเสียงตามมาอีกหลายรุ่น รวมถึง มัลซานน์ (Mulsanne) และ เทอร์โบ อาร์ (Turbo R) ซึ่งถือเป็นยนตรกรรมยุคหลังของเบนท์ลีย์และถือเป็นยนตรกรรมที่เร็วที่สุดของเบนท์ลีย์ในยุคนั้นอีกด้วย ในปี 2541 Volkswagen Group ได้เข้าซื้อกิจการของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์และเริ่มแผนการลงทุนครั้งสำคัญ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ [center][img]https://i.imgur.com/OfgzeO8.jpg[/img][/center] หลังจากชัยชนะที่เลอม็องในปี 2544 ด้วยรุ่น EXP Speed 8 อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น คอนติเนนทัล จีที (Continental GT) ที่มียอดขายสูงที่สุดก็ได้เปิดตัวในอีกสองปีต่อมา ตามมาด้วยอัครยนตรกรรมลีมูซีนอย่าง มัลซานน์ (Mulsanne) โฉมใหม่ในปี 2552 จากนั้นเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ก็ได้รังสรรค์เบนเทก้า (Bentayga) อัครยนตรกรรมเอสยูวีสุดหรูคันแรกของโลกในปี 2558 ซึ่งถือเป็นอัครยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่พร้อมจะพาคุณไปได้ทุกที่พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและการตกแต่งภายในด้วยเบาะโดยสารสูงสุดถึงเจ็ดที่นั่ง [center][img]https://i.imgur.com/h0pb84U.jpg[/img] [img]https://i.imgur.com/QIEh3Ej.jpg[/img][/center] เดอะ นิว ฟลายอิ้ง สเปอร์ (New Flying Spur) โฉมใหม่เปิดตัวในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ 1 ศตวรรษของเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ ตามมาด้วยในปี 2563 กับอัครยนตรกรรมเปิดประทุนรุ่น บาคาลาร์ (Bacalar) รุ่นพิเศษและผลิตจำนวนจำกัด การเปิดตัวของบาคาลาร์ที่ประกอบขึ้นด้วยมือรุ่นนี้ถือเป็นการหวนคืนสู่การออกแบบตัวถังรถยนต์ของเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ (Bentley Mulliner) หนึ่งในผู้ออกแบบตัวถังรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก [center][img]https://i.imgur.com/e0lpS5C.jpg[/img][/center] ถึงแม้จะมีวิกฤตการณ์โรคระบาดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ยังคงประสบความสำเร็จในการสร้างสถิติยอดขายสูงที่สุดในปี 2563 และการเผยแผนกลยุทธ์ Beyond100 ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ว่าด้วยเส้นทางสู่ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนขององค์กรที่จะช่วยพลิกโฉมธุรกิจในทุกๆด้านอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ตั้งเป้าการเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2573 พร้อมด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้ากับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ทุกรุ่น ขณะที่เบนท์ลีย์ มอเตอรส์กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน งานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ของเบนท์ลีย์และความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ หนึ่งร้อยปีนับตั้งแต่ Van Raalte รับมอบการผลิตยนตรกรรมเบนท์ลีย์ รุ่น 3 ลิตร คันแรก เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ยังคงสืบสานความเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูระดับแนวหน้าของโลกจนถึงปัจจุบัน[/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Portal
>
News
>
Bentley Motors เผย ครบ 1 ศตวรรษแห่งการส่งมอบยนตรกรรมคันแรกแก่ลูกค้าคนพิเศษ
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...