เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Portal
>
News
>
Bentley Motors ประกาศเตรียมยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 พร้อมเดินหน้าเต็มสูบสู่การผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="News, post: 7146507, member: 3"]<p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/LORXIQR.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประกาศเตรียมยุติสายการผลิตเครื่องยนต์เบนซินขนาด 12 สูบ รุ่น W12 ในเดือนเมษายน 2567 โดยกว่าทั้งหมด 100,000 ขุมพลังในตำนานตั้งแต่เริ่มต้นสายการผลิตจะสิ้นสุด ณ โรงงานเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ พร้อมเดินหน้าเต็มสูบสู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ</p><p><br /></p><p>การตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนบนเส้นทางของกลยุทธ์ Beyond100 เพื่อการเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบภายในช่วงต้นทศวรรษหน้าด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยลงเหลือ 0 กรัม ต่อ กิโลเมตร โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวรุ่น Bentayga Hybrid และ Flying Spur Hybrid ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่เกินคาด และเมื่อเครื่องยนต์รุ่น W12 ยุติการผลิตในปีหน้า อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์รุ่น V6 แบบไฮบริด</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/33Xhm4D.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>โดย เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ก็ได้สร้างตำนานปิดฉากขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ด้วยการผลิตอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ที่ทรงสมรรถนะที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยการนำขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ที่ได้รับการพัฒนามาใช้กับอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ Bentley Batur ซึ่งผลิตโดย Bentley Mulliner เพียง 18 คันในโลกเท่านั้น โดยตัวเครื่องยนต์ได้รับการยืนยันแล้วว่าสามารถผลิตพละกำลังได้กว่า 750 แรงม้า และ แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ซึ่งตัวเลขแรงบิดที่เพิ่มขึ้นได้สร้าง 'torque plateau' ตามแบบฉบับของเบนท์ลีย์ที่ทำงานตั้งแต่ 1,750 รอบต่อนาที ถึง 5,000 รอบต่อนาที โดยมีกำลังสูงสุดที่ 5,500 รอบต่อนาที</p><p><br /></p><p>เครื่องยนต์ W12 รุ่นใหม่ที่ผ่านการพัฒนาและการทดสอบที่เข้มข้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความน่าเชื่อถือและจะถูกติดตั้งกับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่ทรงสมรรถนะที่สุด ซึ่ง ณ ตอนนี้ได้ถูกจับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีเพียงแค่เครื่องยนต์ W12 รุ่นเดิมกับขุมพลัง 659 แรงม้า ในรุ่น Continental GT Speed, Bentayga และ Flying Spur รวมไปถึง Continental GT Mulliner และ Flying Spur Mulliner</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/P25EnD1.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>สำหรับช่างผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 ชีวิตในฝ่ายผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 เบนท์ลีย์ มอเตอร์สจะจัดการฝึกอบรมใหม่และโยกย้ายสู่หน่วยงานที่เหมาะสมในโรงงานเมืองครูว์ ส่วนพื้นที่การผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 จะถูกใช้เป็นสายการผลิตเครื่องยนต์สำหรับรุ่น Plug-in Hybrid แทน</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/tRHOIxm.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>นับตั้งแต่เปิดตัวเครื่องยนต์รุ่น W12 ขนาด 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบครั้งแรกในปี 2546 ทีมวิศวกร ณ โรงงานเมืองครูว์ได้พัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านพละกำลัง แรงบิด การปล่อยไอเสีย และ การปรับแต่ง โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์รุ่น W12 ได้ผลิตพละกำลังเพิ่มขึ้นกว่า 37% และ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 54% ในขณะที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง 25% ซึ่งเป็นผลจากการวิวัฒนาการและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบควบคุม การพัฒนาการออกแบบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและการระบายความร้อน เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ ระบบหัวฉีดและการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการเปิดตัว Bentayga ในปี 2558 เครื่องยนต์รุ่น W12 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด และยังเป็นรุ่นของเครื่องยนต์ที่ยังคงอยู่ในสายการผลิต ณ ปัจจุบัน โดยมีการติดตั้งระบบการปิดการทำงานของกระบอกสูบ ระบบไดเรคท์และพอร์ตอินเจคชั่น และระบบเทอร์โบคู่</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/0BQvcVH.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>สำหรับการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 แต่ละเครื่องนั้น ตัวเครื่องยนต์ถูกผลิตขึ้นด้วยมือโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญด้วยระยะเวลากว่า 6.5 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการทำการทดสอบที่ซับซ้อนกว่า 1 ชั่วโมงผ่านเครื่องวิเคราะห์เฉพาะทาง 3 เครื่อง โดยทุกสัปดาห์ เครื่องยนต์หนึ่งตัวจะถูกทดสอบการทำงานแบบเกินรอบการทดสอบ จากนั้นจะมีการแยกชิ้นส่วนออกทั้งหมดเพื่อการตรวจสอบ</p><p><br /></p><p>ส่วนงานผลิตเครื่องยนต์จะมีการส่งมอบเครื่องยนต์รุ่น W12 จำนวนมากกว่า 105,000 เครื่องก่อนการครบรอบ 20 ปีในปีนี้</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/rKi34iR.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้กับสุดยอดขุมพลังเครื่องยนต์ W12</b></p><p>สำหรับรุ่นสุดท้ายของเครื่องยนต์ W12 ทีมวิศวกรจาก Bentley Mulliner ได้ทำการพัฒนาระบบไอดี ไอเสีย และ ระบบระบายความร้อนเพื่อพละกำลังและแรงบิดที่มากขึ้น โดยภายใต้การควบคุมของ Paul Williams ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคจาก Bentley Mulliner ผู้พัฒนาเครื่องยนต์รุ่น W12 เจนเนอเรชันที่ 2 ทำให้เครื่องยนต์รุ่น W12 ใหม่ ได้รับการยืนยันการผลิตพละกำลังกว่า 750 แรงม้า และ แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 ตัวถือเป็นตัวเลขที่ทำลายสถิติด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ของเบนท์ลีย์</p><p><br /></p><p>นอกจากนี้ คอมเพรสเซอร์เทอร์โบชาร์จเจอร์ยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และท่ออากาศให้มีขนาดใหญ่ขึ้น 33% เพื่อผลิตพละกำลังสูงสุด โดยที่เครื่องยนต์รุ่นใหม่จะสามารถดูดอากาศเข้าไปมากกว่าหนึ่งตัน หรือ 1,050 กิโลกรัม ต่อ ชั่วโมง ผนวกกับเครื่องทำความเย็นแบบอัดอากาศที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยมีความลึกเพิ่มขึ้น 10 มิลลิเมตร ระบายความร้อนได้มากขึ้น 35% จากอากาศเข้าที่มีแรงดัน ช่วยลดอุณหภูมิได้ดีขึ้น ซึ่งหมายถึงประจุไฟฟ้าที่หนาแน่นขึ้นเพื่อพลังงานที่มากขึ้น</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/qXfW6Fh.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>วิวัฒนาการแห่งขุมพลัง</b></p><p>ขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ความจุ 6.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ระดับตำนานของเบนท์ลีย์ ผลิตขึ้นในปี 2545 ได้รับการพัฒนาเป็นเครื่องยนต์ W12 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้ในอัครยนตรกรรมรุ่นปัจจุบัน โดยการกำหนดชื่อด้วยตัวอักษร W หมายถึงขนาดของเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์รุ่น V12 ถึง 24% ทำให้ประหยัดพื้นที่ในช่องเก็บเครื่องยนต์และเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/SgvOutj.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>เครื่องยนต์รุ่น W12 เจนเนอเรชันล่าสุดเปิดตัวพร้อมกับ Bentayga ในปี 2558 โดยเครื่องยนต์ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดรวมถึงห้องข้อเหวี่ยงที่แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนถึง 30% ในขณะที่พื้นผิวของกระบอกสูบได้รับการเคลือบเพื่อลดแรงเสียดทานและเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่</p><p><br /></p><p>สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก <a href="https://lin.ee/4JOaZyE8V" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="https://lin.ee/4JOaZyE8V" rel="nofollow">https://lin.ee/4JOaZyE8V</a>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="News, post: 7146507, member: 3"][center][img]https://i.imgur.com/LORXIQR.jpg[/img][/center] เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประกาศเตรียมยุติสายการผลิตเครื่องยนต์เบนซินขนาด 12 สูบ รุ่น W12 ในเดือนเมษายน 2567 โดยกว่าทั้งหมด 100,000 ขุมพลังในตำนานตั้งแต่เริ่มต้นสายการผลิตจะสิ้นสุด ณ โรงงานเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ พร้อมเดินหน้าเต็มสูบสู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ การตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนบนเส้นทางของกลยุทธ์ Beyond100 เพื่อการเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบภายในช่วงต้นทศวรรษหน้าด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยลงเหลือ 0 กรัม ต่อ กิโลเมตร โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวรุ่น Bentayga Hybrid และ Flying Spur Hybrid ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่เกินคาด และเมื่อเครื่องยนต์รุ่น W12 ยุติการผลิตในปีหน้า อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์รุ่น V6 แบบไฮบริด [center][img]https://i.imgur.com/33Xhm4D.jpg[/img][/center] โดย เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ก็ได้สร้างตำนานปิดฉากขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ด้วยการผลิตอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ที่ทรงสมรรถนะที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยการนำขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ที่ได้รับการพัฒนามาใช้กับอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ Bentley Batur ซึ่งผลิตโดย Bentley Mulliner เพียง 18 คันในโลกเท่านั้น โดยตัวเครื่องยนต์ได้รับการยืนยันแล้วว่าสามารถผลิตพละกำลังได้กว่า 750 แรงม้า และ แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ซึ่งตัวเลขแรงบิดที่เพิ่มขึ้นได้สร้าง 'torque plateau' ตามแบบฉบับของเบนท์ลีย์ที่ทำงานตั้งแต่ 1,750 รอบต่อนาที ถึง 5,000 รอบต่อนาที โดยมีกำลังสูงสุดที่ 5,500 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ W12 รุ่นใหม่ที่ผ่านการพัฒนาและการทดสอบที่เข้มข้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความน่าเชื่อถือและจะถูกติดตั้งกับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่ทรงสมรรถนะที่สุด ซึ่ง ณ ตอนนี้ได้ถูกจับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีเพียงแค่เครื่องยนต์ W12 รุ่นเดิมกับขุมพลัง 659 แรงม้า ในรุ่น Continental GT Speed, Bentayga และ Flying Spur รวมไปถึง Continental GT Mulliner และ Flying Spur Mulliner [center][img]https://i.imgur.com/P25EnD1.jpg[/img][/center] สำหรับช่างผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 ชีวิตในฝ่ายผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 เบนท์ลีย์ มอเตอร์สจะจัดการฝึกอบรมใหม่และโยกย้ายสู่หน่วยงานที่เหมาะสมในโรงงานเมืองครูว์ ส่วนพื้นที่การผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 จะถูกใช้เป็นสายการผลิตเครื่องยนต์สำหรับรุ่น Plug-in Hybrid แทน [center][img]https://i.imgur.com/tRHOIxm.jpg[/img][/center] นับตั้งแต่เปิดตัวเครื่องยนต์รุ่น W12 ขนาด 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบครั้งแรกในปี 2546 ทีมวิศวกร ณ โรงงานเมืองครูว์ได้พัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านพละกำลัง แรงบิด การปล่อยไอเสีย และ การปรับแต่ง โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์รุ่น W12 ได้ผลิตพละกำลังเพิ่มขึ้นกว่า 37% และ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 54% ในขณะที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง 25% ซึ่งเป็นผลจากการวิวัฒนาการและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบควบคุม การพัฒนาการออกแบบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและการระบายความร้อน เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ ระบบหัวฉีดและการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการเปิดตัว Bentayga ในปี 2558 เครื่องยนต์รุ่น W12 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด และยังเป็นรุ่นของเครื่องยนต์ที่ยังคงอยู่ในสายการผลิต ณ ปัจจุบัน โดยมีการติดตั้งระบบการปิดการทำงานของกระบอกสูบ ระบบไดเรคท์และพอร์ตอินเจคชั่น และระบบเทอร์โบคู่ [center][img]https://i.imgur.com/0BQvcVH.jpg[/img][/center] สำหรับการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 แต่ละเครื่องนั้น ตัวเครื่องยนต์ถูกผลิตขึ้นด้วยมือโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญด้วยระยะเวลากว่า 6.5 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการทำการทดสอบที่ซับซ้อนกว่า 1 ชั่วโมงผ่านเครื่องวิเคราะห์เฉพาะทาง 3 เครื่อง โดยทุกสัปดาห์ เครื่องยนต์หนึ่งตัวจะถูกทดสอบการทำงานแบบเกินรอบการทดสอบ จากนั้นจะมีการแยกชิ้นส่วนออกทั้งหมดเพื่อการตรวจสอบ ส่วนงานผลิตเครื่องยนต์จะมีการส่งมอบเครื่องยนต์รุ่น W12 จำนวนมากกว่า 105,000 เครื่องก่อนการครบรอบ 20 ปีในปีนี้ [center][img]https://i.imgur.com/rKi34iR.jpg[/img][/center] [b]อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้กับสุดยอดขุมพลังเครื่องยนต์ W12[/b] สำหรับรุ่นสุดท้ายของเครื่องยนต์ W12 ทีมวิศวกรจาก Bentley Mulliner ได้ทำการพัฒนาระบบไอดี ไอเสีย และ ระบบระบายความร้อนเพื่อพละกำลังและแรงบิดที่มากขึ้น โดยภายใต้การควบคุมของ Paul Williams ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคจาก Bentley Mulliner ผู้พัฒนาเครื่องยนต์รุ่น W12 เจนเนอเรชันที่ 2 ทำให้เครื่องยนต์รุ่น W12 ใหม่ ได้รับการยืนยันการผลิตพละกำลังกว่า 750 แรงม้า และ แรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 ตัวถือเป็นตัวเลขที่ทำลายสถิติด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ของเบนท์ลีย์ นอกจากนี้ คอมเพรสเซอร์เทอร์โบชาร์จเจอร์ยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และท่ออากาศให้มีขนาดใหญ่ขึ้น 33% เพื่อผลิตพละกำลังสูงสุด โดยที่เครื่องยนต์รุ่นใหม่จะสามารถดูดอากาศเข้าไปมากกว่าหนึ่งตัน หรือ 1,050 กิโลกรัม ต่อ ชั่วโมง ผนวกกับเครื่องทำความเย็นแบบอัดอากาศที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยมีความลึกเพิ่มขึ้น 10 มิลลิเมตร ระบายความร้อนได้มากขึ้น 35% จากอากาศเข้าที่มีแรงดัน ช่วยลดอุณหภูมิได้ดีขึ้น ซึ่งหมายถึงประจุไฟฟ้าที่หนาแน่นขึ้นเพื่อพลังงานที่มากขึ้น [center][img]https://i.imgur.com/qXfW6Fh.jpg[/img][/center] [b]วิวัฒนาการแห่งขุมพลัง[/b] ขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ความจุ 6.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จคู่ระดับตำนานของเบนท์ลีย์ ผลิตขึ้นในปี 2545 ได้รับการพัฒนาเป็นเครื่องยนต์ W12 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้ในอัครยนตรกรรมรุ่นปัจจุบัน โดยการกำหนดชื่อด้วยตัวอักษร W หมายถึงขนาดของเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์รุ่น V12 ถึง 24% ทำให้ประหยัดพื้นที่ในช่องเก็บเครื่องยนต์และเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร [center][img]https://i.imgur.com/SgvOutj.jpg[/img][/center] เครื่องยนต์รุ่น W12 เจนเนอเรชันล่าสุดเปิดตัวพร้อมกับ Bentayga ในปี 2558 โดยเครื่องยนต์ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดรวมถึงห้องข้อเหวี่ยงที่แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนถึง 30% ในขณะที่พื้นผิวของกระบอกสูบได้รับการเคลือบเพื่อลดแรงเสียดทานและเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก [URL]https://lin.ee/4JOaZyE8V[/URL][/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Portal
>
News
>
Bentley Motors ประกาศเตรียมยุติการผลิตเครื่องยนต์ W12 พร้อมเดินหน้าเต็มสูบสู่การผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...