เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Nissan Car Clubs
>
BLUEBIRD CLUB
>
ใช้รถขับหน้าให้ทนทาน
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="new@nymph, post: 862330, member: 1056"]<b>สารพัดของเหลวในรถยนต์</b></p><p><br /></p><p><font size="4"><span style="color: Red">สารพัดของเหลวในรถยนต์</span></font></p><p><br /></p><p><br /></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">นอกจากการเลือกใช้และดูแลน้ำมันเครื่องแล้ว -สารพัดของเหลวในรถยนต์- ล้วนต้องได้รับความสนใจ และควรมีความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้หรือเปลี่ยนของเหลวได้เหมาะสมกับการใช้งาน </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"> น้ำมันเครื่อง </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องของรถยนต์ส่วนใหญ่ แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ MIN ต่ำสุด และMAX สูงสุด ระดับของน้ำมันเครื่องบนก้านวัด ควรอยู่ระหว่าง 2 จุดนี้ไม่สูงหรือต่ำกว่า </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">หากว่าต่ำจนเกิน MIN เครื่องยนต์อาจมีการสึกหรอเพิ่มขึ้น เพราะน้ำมันเครื่องในอ่างเก็บมีน้อยมาก แต่ถ้าสูงเกิน MAX ก็หน่วงกำลังเครื่องยนต์ เพราะถ้ามีน้ำมันเครื่องในอ่างเก็บมากเกินไป ข้อเหวี่ยงอาจตีไปโดนและกระเด็นเข้าสู่ห้องเผาไหม้ จนทำให้เกิดควันขาว </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">การเติมน้ำมันเครื่องควรค่อย ๆ เติม เมื่อเติมเสร็จแล้วให้ปิดฝาเติมน้ำมันเครื่อง จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อให้น้ำมันเครื่องมีการไหลเวียน และดับเครื่องยนต์ แล้วรอให้น้ำมันเครื่องไหลลงไปที่อ่างน้ำมันเครื่องก่อน อาจเสียเวลาเล็กน้อย แต่ได้ระดับน้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">หากขับผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมสูง ควรตรวจสอบว่ามีน้ำเข้ามาปะปนกับน้ำมันเครื่องหรือไม่ ถ้ามี น้ำมันเครื่องจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเหมือนกาแฟใส่นม ให้รีบเปลี่ยนทันที </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">น้ำมันเกียร์ & น้ำมันเฟืองท้าย </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">เสื่อมสภาพได้ตามระยะทางและเวลา มีอายุการใช้งานประมาณ 20,000-30,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปีเมื่อครบ 1 ปีแล้ว แต่ยังใช้งานไม่ครบตามระยะทางที่กำหนดก็ควรเปลี่ยน เพราะความชื้นหรือความร้อนในระหว่างการใช้งานก็ทำให้เสื่อมสภาพได้หลังการขับรถยนต์ลุยน้ำก็ควรเปลี่ยน แม้ยังไม่ถึงระยะกำหนดที่หมดอายุก็ตาม เพราะน้ำอาจแทรกซึมเข้าไปผสมกับน้ำมันจนเสื่อมสภาพได้ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">รถยนต์ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งมีชุดเกียร์รวมกับชุดเฟืองท้าย มักใช้น้ำมันหล่อลื่นร่วมกัน ส่วนรถยนต์ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนใหญ่มีชุดเกียร์แยกกับชุดเฟืองท้าย อาจใช้น้ำมันหล่อลื่นเหมือนหรือต่างชนิดกัน ต้องเลือกใช้ตามกำหนดในคู่มืออย่างเคร่งครัดรถยนต์บางรุ่นมีรายละเอียดมาก เช่น มิตซูบิชิ อีโวลูชั่น โฟร์ เฉพาะชุดเฟืองท้ายของล้อหลังแบ่งเป็น 3 ห้อง ใช้น้ำมันหล่อลื่นต่างกัน 3 ชนิด คือ น้ำมันเด็กซ์รอน ทู-ทรี น้ำมันลิมิเต็ดสลิป และน้ำมันพิเศษของมิตซูบิชิ เอวายซี ห้ามเติมสลับกันเด็ดขาด เพราะจะทำให้ชุดเฟืองท้ายเสียหาย </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">หากใช้น้ำมันเกียร์หรือน้ำมันเฟืองท้ายแบบสังเคราะห์เพื่อการหล่อลื่นอย่างเหนือชั้น แม้โดยพื้นฐานมีอายุและระยะทางในการใช้งานมากกว่าน้ำมันเกียร์หรือน้ำมันเฟืองท้ายแบบธรรมดา คล้ายกรณีของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ที่ทนทานกว่า แต่ในการใช้งานจริงไม่ควรยืดระยะออกมาก ควรยึดกำหนดเดิมไว้ เพราะระยะเดิม 20,000-30,000 กิโลเมตรก็มากพอสมควรแล้ว และแม้จะยืดระยะทางออกไปก็มักเกินกำหนดเวลา 1 ปีอยู่ดี เพราะเมืองไทยมีฝนตกหนักและน้ำท่วมทุกปี ดังนั้นยึดตามกำหนดปกติไว้ดีกว่า เพราะค่าใช้จ่ายในการซ่อม-เปลี่ยนเกียร์หรือเฟืองท้ายไม่ใช่ถูกๆ เลย </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">การตรวจวัดระดับน้ำมันเกียร์หรือเฟืองท้าย หากมีก้านวัดระดับอย่าหลงลืม เพราะอาจสร้างความเสียหายได้ในระยะสั้น ศึกษาให้ดีว่าตามคู่มือกำหนดให้วัดด้วยวิธีไหน ขณะดับเครื่องยนต์หรือติดเครื่องยนต์ หากไม่มีก้านวัดระดับ ควรหมั่นสังเกตการรั่วซึมหรือหยดน้ำมันอยู่เสมอ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">น้ำมันคลัตช์ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">ส่วนใหญ่ใช้ชนิดเดียวกันกับน้ำมันเบรก ควรตรวจสอบน้ำมันในกระปุกทุกสัปดาห์ ถ้าพร่อง ควรเติมน้ำมันชนิดและยี่ห้อเดียวกับน้ำมันเดิมที่อยู่ในกระปุก และควรเปลี่ยนถ่ายทุก 1-1 ปีครึ่ง ทำโดยการไล่ทิ้งเหมือนน้ำมันเบรก </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">น้ำมันเบรก </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">น้ำมันเบรกก็มีอายุการใช้งานแม้มีการพร่องลงน้อยมาก แต่ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตามกำหนดเวลา เพื่อควบคุมจุดเดือดและไล่ความชื้น ที่อาจทำให้เกิดสนิมในระบบเบรกควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก 1-1 ปีครึ่ง แม้ทั้งระบบยังเป็นปกติและไม่มีการรั่วซึม เพราะน้ำมันเบรกต้องทำงานภายใต้สภาวะความร้อนตลอดเวลาน้ำมันเบรกมีจุดเดือดและจุดเดือดชื้นในตัวเอง ตามการแบ่งระดับด้วยตัวย่อ DOT แล้วตามด้วยตัวเลข เช่น 3, 4 หรือ 5 ยิ่ง DOT เลขสูงก็จะมีจุดเดือดสูง รถยนต์ทั่วไปใช้ DOT 3-4 ไม่มีความจำเป็นต้องข้ามไปใช้ DOT 5 หากไม่ใช่รถแข่งหรือจานเบรกร้อนมากๆ ในรถยนต์พลังแรง </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">น้ำมันเบรกจะมีจุดเดือดต่ำลง เมื่อมีความชื้นในอากาศหรือน้ำจากการลุยน้ำแทรกตัวเข้าไปผสมกับน้ำมันเบรก และอาจทำให้เกิดสนิมในระบบเบรก จนกระบอกเบรกหรือลูกยางเบรกเสียหาย การไล่น้ำมันเบรกไม่ยุ่งยากมากนัก เพียงดูดน้ำมันเบรกเดิมออกให้หมดกระปุก เติมน้ำมันเบรกใหม่เข้าไปสักครึ่งกระปุก ไล่น้ำมันเบรกในแต่ละล้อออก พร้อมเติมน้ำมันเบรกเพิ่มอย่าให้หมด ทำจนกว่าน้ำมันเบรกเดิมถูกไล่ออกจนหมด และมีน้ำมันเบรกใหม่ใสๆ ไหลออกมา หากมีเอบีเอสให้ถอดฟิวส์เอบีเอสออกก่อนไล่ลมและไล่น้ำมันเบรก หรืออาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษสำหรับเอบีเอสในรถยนต์บางรุ่น ซึ่งไม่ยุ่งยากนัก และค่าใช้จ่ายรวมไม่น่าเกิน 500-1,000 บาท เพียงปีละ 1 ครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการขับและยืดอายุลูกยางเบรก </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">หากน้ำมันเบรกพร่องลงไป ไม่ควรเติมผสมข้ามยี่ห้อหรือข้ามรุ่น เพราะน้ำมันเบรกอาจทำปฏิกริยาทางลบเมื่อผสมกัน แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็พอจะใช้ได้ชั่วคราว และควรถ่ายทิ้งหลังพ้นความจำเป็นไปแล้ว ปกติน้ำมันเบรกจะลดระดับลงช้ามาก 1 เดือนแทบไม่ยุบลงเลย ถ้าลดลงเร็วมากเมื่อไร ให้สันนิษฐานว่ามีการรั่วซึม ต้องตรวจสอบและซ่อมแซม </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"> น้ำหม้อน้ำ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">ควรเติมน้ำยาป้องกันความร้อน ซึ่งอาจมีผลด้านการช่วยระบายความร้อนไม่มาก แต่ช่วยป้องกันสนิมได้อีกทางหนึ่งอัตราส่วนการเติมน้ำยาป้องกันความร้อนในรถยนต์แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน บางรุ่นห้ามเติมล้วนๆ บางรุ่นกำหนดให้เติมล้วนๆ ต้องศึกษาจากคู่มือหรือสอบถามฝ่ายเทคนิคของบริษัทรถยนต์ แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">เครื่องยนต์ที่ใช้อะลูมินั่มทั้งบล็อกเสื้อสูบและฝาสูบ จำเป็นต้องผสมน้ำยาพิเศษที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนของอะลูมินั่ม ซึ่งจะมีผลต่อการระบายความร้อน และอาจสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์เมื่ออะลูมินั่มกร่อนมากๆ น้ำที่ใช้ผสมเติมหม้อน้ำควรใช้น้ำกรอง เพราะน้ำประปาหรือน้ำบาดาลอาจทำให้เกิดตะกอนขึ้นได้ หมั่นตรวจสอบระดับน้ำหม้อน้ำทุก 2-5 วัน โดยปกติไม่ควรลดระดับลงเร็วมากเกินสัปดาห์ละครึ่งลิตร ควรล้างหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำทุก 6-9 เดือน และควรระวังน้ำยาล้างบางชนิดที่อาจกัดกร่อนซีลยางต่างๆ ได้ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"> น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">หมั่นตรวจสอบและเติมให้เต็มเสมอทุก 1 สัปดาห์ ปกติแล้วน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์จะลดระดับลงช้ามาก 1 เดือนแทบไม่ยุบลงเลย ถ้าลดลงเร็วมากเมื่อไร ให้สันนิษฐานว่ามีการรั่วซึม ต้องตรวจสอบและซ่อมแซม แม้ไม่มีกำหนดการเปลี่ยน แต่ถ้าเปลี่ยนทุก 1-2 ปี ก็จะทำให้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ทนทานขึ้น มีวิธีเปลี่ยน 2 แบบ คือ เปลี่ยนเองง่ายๆ โดยดูดน้ำมันเก่าออกให้หมดแล้วเติมน้ำมันใหม่ลงไปให้เต็ม ติดเครื่องยนต์สักพัก แล้วดูดออกทิ้ง แล้วเติมใหม่ ทำซ้ำสัก 5 ครั้ง เปลืองน้ำมันเพาเวอร์หน่อยแต่ทำเองได้แม้ไม่ค่อยหมดจดนักก็ตาม อีกวิธีคือใช้เครื่องมือพิเศษดูดออก ในเมืองไทยพอมีให้บริการตามร้านใหญ่ๆ บ้างแล้ว ราคาแพงหน่อยแต่หมดจด ถ้าผ่านการลุยน้ำแล้วมีน้ำแทรกซึมเข้าไปในน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ให้รีบเปลี่ยนออก เพราะอาจเกิดความเสียหายได้ไม่ควรเติมน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ต่างรุ่นหรือต่างยี่ห้อผสมกันโดยไม่จำเป็น </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"> น้ำฉีดกระจก </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">หมั่นเติมให้เต็ม เพราะมีโอกาสได้ใช้ตลอดเวลา และควรผสมน้ำยาทำความสะอาดไว้ด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และควรปรับทิศทางของหัวฉีดน้ำ ให้ฉีดลงบนกระจกหน้าอย่างทั่วถึง </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"> น้ำกลั่นแบตเตอรี่ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">ควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่นทุกสัปดาห์ โดยมองที่ด้านข้างของตัวแบตเตอรี่ที่มักมีขีดวัดระดับ MIN และMAX หรือมองผ่านช่องเติมน้ำกลั่น โดยระดับน้ำกลั่นที่เหมาะสมควรท่วมแผ่นธาตุเล็กน้อย หากพบว่าระดับน้ำลดลง ไม่ควรใช้น้ำอื่นเติม เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">แบตเตอรี่ลูกที่ติดมากับรถยนต์จากโรงงาน มักมีอายุการใช้งานยาวนาน อาจใช้ได้ถึง 3 ปี เพราะระบบการชาร์จไฟของรถยนต์ยังมีสภาพสมบูรณ์ เมื่อเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ลูกที่ 2 ระบบการชาร์จไฟเริ่มเสื่อมสภาพลง ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลงด้วย โดยเฉลี่ยประมาณ 2 ปี แม้ยังใช้งานได้ก็ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความสบายใจ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"> น้ำมันเชื้อเพลิง </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">เครื่องยนต์เบนซิน ควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทนเหมาะสมตามกำหนด ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละเครื่องยนต์ อย่าเลือกค่าออกเทนต่ำกว่ากำหนด เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย และไม่ควรเลือกค่าออกเทนสูงเกินกำหนด เพราะไม่ได้ทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น และสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์การเติมน้ำมันเบนซินต่างยี่ห้อหรือต่างค่าออกเทน ไม่จำเป็นต้องล้างถังหรือปล่อยให้น้ำมันเกือบหมดถังก่อน สามารถเติมผสมกันได้ แต่เน้นว่าค่าออกเทนของน้ำมันเดิมและใหม่ต้องไม่ต่ำกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">ยี่ห้อของน้ำมันเบนซินมีความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพการเผาไหม้น้อยมากสำหรับเครื่องยนต์ทั่วไป ดังนั้นไม่ต้องกังวลกับยี่ห้อมากนัก เน้นเพียงค่าออกเทน และดูสภาพของสถานีบริการว่าเสี่ยงต่อการปลอมปนหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยพบ เพราะการทุจริตต่อลูกค้าจะทำให้เสียชื่อเสียงได้ง่าย ไม่ค่อยคุ้มกันเครื่องยนต์หัวฉีด ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่า 1/4 ของถัง เพราะปั๊มส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอาจดูดได้ไม่เต็มที่ เมื่อขึ้น-ลงทางชันหรือเลี้ยวโค้งจนน้ำมันเชื้อเพลิงในถังแกว่ง เครื่องยนต์อาจสะดุดชั่วคราว และปั๊มส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอาจมีอายุการใช้งานสั้นลง </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"> น้ำหอม </font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4"><br /></font></span></p><p><span style="color: DarkOrange"><font size="4">หากต้องการใช้ ควรศึกษาให้ดีว่ามีส่วนผสมที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจหรือไม่ ควรวางให้ห่างจมูกมากที่สุด และถ้าห้องโดยสารมีกลิ่นไม่พึงประสงค์มาก ควรใช้วิธีทำความสะอาดก่อนการดับกลิ่นด้วยน้ำหอมนอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว สารพัดของเหลวในรถยนต์ยังต้องได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถยนต์อยู่เสมอ </font></span>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="new@nymph, post: 862330, member: 1056"][b]สารพัดของเหลวในรถยนต์[/b] [SIZE="4"][COLOR="Red"]สารพัดของเหลวในรถยนต์[/COLOR][/SIZE] [COLOR="DarkOrange"][SIZE="4"]นอกจากการเลือกใช้และดูแลน้ำมันเครื่องแล้ว -สารพัดของเหลวในรถยนต์- ล้วนต้องได้รับความสนใจ และควรมีความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้หรือเปลี่ยนของเหลวได้เหมาะสมกับการใช้งาน น้ำมันเครื่อง ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องของรถยนต์ส่วนใหญ่ แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ MIN ต่ำสุด และMAX สูงสุด ระดับของน้ำมันเครื่องบนก้านวัด ควรอยู่ระหว่าง 2 จุดนี้ไม่สูงหรือต่ำกว่า หากว่าต่ำจนเกิน MIN เครื่องยนต์อาจมีการสึกหรอเพิ่มขึ้น เพราะน้ำมันเครื่องในอ่างเก็บมีน้อยมาก แต่ถ้าสูงเกิน MAX ก็หน่วงกำลังเครื่องยนต์ เพราะถ้ามีน้ำมันเครื่องในอ่างเก็บมากเกินไป ข้อเหวี่ยงอาจตีไปโดนและกระเด็นเข้าสู่ห้องเผาไหม้ จนทำให้เกิดควันขาว การเติมน้ำมันเครื่องควรค่อย ๆ เติม เมื่อเติมเสร็จแล้วให้ปิดฝาเติมน้ำมันเครื่อง จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อให้น้ำมันเครื่องมีการไหลเวียน และดับเครื่องยนต์ แล้วรอให้น้ำมันเครื่องไหลลงไปที่อ่างน้ำมันเครื่องก่อน อาจเสียเวลาเล็กน้อย แต่ได้ระดับน้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง หากขับผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมสูง ควรตรวจสอบว่ามีน้ำเข้ามาปะปนกับน้ำมันเครื่องหรือไม่ ถ้ามี น้ำมันเครื่องจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเหมือนกาแฟใส่นม ให้รีบเปลี่ยนทันที น้ำมันเกียร์ & น้ำมันเฟืองท้าย เสื่อมสภาพได้ตามระยะทางและเวลา มีอายุการใช้งานประมาณ 20,000-30,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปีเมื่อครบ 1 ปีแล้ว แต่ยังใช้งานไม่ครบตามระยะทางที่กำหนดก็ควรเปลี่ยน เพราะความชื้นหรือความร้อนในระหว่างการใช้งานก็ทำให้เสื่อมสภาพได้หลังการขับรถยนต์ลุยน้ำก็ควรเปลี่ยน แม้ยังไม่ถึงระยะกำหนดที่หมดอายุก็ตาม เพราะน้ำอาจแทรกซึมเข้าไปผสมกับน้ำมันจนเสื่อมสภาพได้ รถยนต์ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งมีชุดเกียร์รวมกับชุดเฟืองท้าย มักใช้น้ำมันหล่อลื่นร่วมกัน ส่วนรถยนต์ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนใหญ่มีชุดเกียร์แยกกับชุดเฟืองท้าย อาจใช้น้ำมันหล่อลื่นเหมือนหรือต่างชนิดกัน ต้องเลือกใช้ตามกำหนดในคู่มืออย่างเคร่งครัดรถยนต์บางรุ่นมีรายละเอียดมาก เช่น มิตซูบิชิ อีโวลูชั่น โฟร์ เฉพาะชุดเฟืองท้ายของล้อหลังแบ่งเป็น 3 ห้อง ใช้น้ำมันหล่อลื่นต่างกัน 3 ชนิด คือ น้ำมันเด็กซ์รอน ทู-ทรี น้ำมันลิมิเต็ดสลิป และน้ำมันพิเศษของมิตซูบิชิ เอวายซี ห้ามเติมสลับกันเด็ดขาด เพราะจะทำให้ชุดเฟืองท้ายเสียหาย หากใช้น้ำมันเกียร์หรือน้ำมันเฟืองท้ายแบบสังเคราะห์เพื่อการหล่อลื่นอย่างเหนือชั้น แม้โดยพื้นฐานมีอายุและระยะทางในการใช้งานมากกว่าน้ำมันเกียร์หรือน้ำมันเฟืองท้ายแบบธรรมดา คล้ายกรณีของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ที่ทนทานกว่า แต่ในการใช้งานจริงไม่ควรยืดระยะออกมาก ควรยึดกำหนดเดิมไว้ เพราะระยะเดิม 20,000-30,000 กิโลเมตรก็มากพอสมควรแล้ว และแม้จะยืดระยะทางออกไปก็มักเกินกำหนดเวลา 1 ปีอยู่ดี เพราะเมืองไทยมีฝนตกหนักและน้ำท่วมทุกปี ดังนั้นยึดตามกำหนดปกติไว้ดีกว่า เพราะค่าใช้จ่ายในการซ่อม-เปลี่ยนเกียร์หรือเฟืองท้ายไม่ใช่ถูกๆ เลย การตรวจวัดระดับน้ำมันเกียร์หรือเฟืองท้าย หากมีก้านวัดระดับอย่าหลงลืม เพราะอาจสร้างความเสียหายได้ในระยะสั้น ศึกษาให้ดีว่าตามคู่มือกำหนดให้วัดด้วยวิธีไหน ขณะดับเครื่องยนต์หรือติดเครื่องยนต์ หากไม่มีก้านวัดระดับ ควรหมั่นสังเกตการรั่วซึมหรือหยดน้ำมันอยู่เสมอ น้ำมันคลัตช์ ส่วนใหญ่ใช้ชนิดเดียวกันกับน้ำมันเบรก ควรตรวจสอบน้ำมันในกระปุกทุกสัปดาห์ ถ้าพร่อง ควรเติมน้ำมันชนิดและยี่ห้อเดียวกับน้ำมันเดิมที่อยู่ในกระปุก และควรเปลี่ยนถ่ายทุก 1-1 ปีครึ่ง ทำโดยการไล่ทิ้งเหมือนน้ำมันเบรก น้ำมันเบรก น้ำมันเบรกก็มีอายุการใช้งานแม้มีการพร่องลงน้อยมาก แต่ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตามกำหนดเวลา เพื่อควบคุมจุดเดือดและไล่ความชื้น ที่อาจทำให้เกิดสนิมในระบบเบรกควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก 1-1 ปีครึ่ง แม้ทั้งระบบยังเป็นปกติและไม่มีการรั่วซึม เพราะน้ำมันเบรกต้องทำงานภายใต้สภาวะความร้อนตลอดเวลาน้ำมันเบรกมีจุดเดือดและจุดเดือดชื้นในตัวเอง ตามการแบ่งระดับด้วยตัวย่อ DOT แล้วตามด้วยตัวเลข เช่น 3, 4 หรือ 5 ยิ่ง DOT เลขสูงก็จะมีจุดเดือดสูง รถยนต์ทั่วไปใช้ DOT 3-4 ไม่มีความจำเป็นต้องข้ามไปใช้ DOT 5 หากไม่ใช่รถแข่งหรือจานเบรกร้อนมากๆ ในรถยนต์พลังแรง น้ำมันเบรกจะมีจุดเดือดต่ำลง เมื่อมีความชื้นในอากาศหรือน้ำจากการลุยน้ำแทรกตัวเข้าไปผสมกับน้ำมันเบรก และอาจทำให้เกิดสนิมในระบบเบรก จนกระบอกเบรกหรือลูกยางเบรกเสียหาย การไล่น้ำมันเบรกไม่ยุ่งยากมากนัก เพียงดูดน้ำมันเบรกเดิมออกให้หมดกระปุก เติมน้ำมันเบรกใหม่เข้าไปสักครึ่งกระปุก ไล่น้ำมันเบรกในแต่ละล้อออก พร้อมเติมน้ำมันเบรกเพิ่มอย่าให้หมด ทำจนกว่าน้ำมันเบรกเดิมถูกไล่ออกจนหมด และมีน้ำมันเบรกใหม่ใสๆ ไหลออกมา หากมีเอบีเอสให้ถอดฟิวส์เอบีเอสออกก่อนไล่ลมและไล่น้ำมันเบรก หรืออาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษสำหรับเอบีเอสในรถยนต์บางรุ่น ซึ่งไม่ยุ่งยากนัก และค่าใช้จ่ายรวมไม่น่าเกิน 500-1,000 บาท เพียงปีละ 1 ครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการขับและยืดอายุลูกยางเบรก หากน้ำมันเบรกพร่องลงไป ไม่ควรเติมผสมข้ามยี่ห้อหรือข้ามรุ่น เพราะน้ำมันเบรกอาจทำปฏิกริยาทางลบเมื่อผสมกัน แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็พอจะใช้ได้ชั่วคราว และควรถ่ายทิ้งหลังพ้นความจำเป็นไปแล้ว ปกติน้ำมันเบรกจะลดระดับลงช้ามาก 1 เดือนแทบไม่ยุบลงเลย ถ้าลดลงเร็วมากเมื่อไร ให้สันนิษฐานว่ามีการรั่วซึม ต้องตรวจสอบและซ่อมแซม น้ำหม้อน้ำ ควรเติมน้ำยาป้องกันความร้อน ซึ่งอาจมีผลด้านการช่วยระบายความร้อนไม่มาก แต่ช่วยป้องกันสนิมได้อีกทางหนึ่งอัตราส่วนการเติมน้ำยาป้องกันความร้อนในรถยนต์แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน บางรุ่นห้ามเติมล้วนๆ บางรุ่นกำหนดให้เติมล้วนๆ ต้องศึกษาจากคู่มือหรือสอบถามฝ่ายเทคนิคของบริษัทรถยนต์ แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เครื่องยนต์ที่ใช้อะลูมินั่มทั้งบล็อกเสื้อสูบและฝาสูบ จำเป็นต้องผสมน้ำยาพิเศษที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนของอะลูมินั่ม ซึ่งจะมีผลต่อการระบายความร้อน และอาจสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์เมื่ออะลูมินั่มกร่อนมากๆ น้ำที่ใช้ผสมเติมหม้อน้ำควรใช้น้ำกรอง เพราะน้ำประปาหรือน้ำบาดาลอาจทำให้เกิดตะกอนขึ้นได้ หมั่นตรวจสอบระดับน้ำหม้อน้ำทุก 2-5 วัน โดยปกติไม่ควรลดระดับลงเร็วมากเกินสัปดาห์ละครึ่งลิตร ควรล้างหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำทุก 6-9 เดือน และควรระวังน้ำยาล้างบางชนิดที่อาจกัดกร่อนซีลยางต่างๆ ได้ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ หมั่นตรวจสอบและเติมให้เต็มเสมอทุก 1 สัปดาห์ ปกติแล้วน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์จะลดระดับลงช้ามาก 1 เดือนแทบไม่ยุบลงเลย ถ้าลดลงเร็วมากเมื่อไร ให้สันนิษฐานว่ามีการรั่วซึม ต้องตรวจสอบและซ่อมแซม แม้ไม่มีกำหนดการเปลี่ยน แต่ถ้าเปลี่ยนทุก 1-2 ปี ก็จะทำให้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ทนทานขึ้น มีวิธีเปลี่ยน 2 แบบ คือ เปลี่ยนเองง่ายๆ โดยดูดน้ำมันเก่าออกให้หมดแล้วเติมน้ำมันใหม่ลงไปให้เต็ม ติดเครื่องยนต์สักพัก แล้วดูดออกทิ้ง แล้วเติมใหม่ ทำซ้ำสัก 5 ครั้ง เปลืองน้ำมันเพาเวอร์หน่อยแต่ทำเองได้แม้ไม่ค่อยหมดจดนักก็ตาม อีกวิธีคือใช้เครื่องมือพิเศษดูดออก ในเมืองไทยพอมีให้บริการตามร้านใหญ่ๆ บ้างแล้ว ราคาแพงหน่อยแต่หมดจด ถ้าผ่านการลุยน้ำแล้วมีน้ำแทรกซึมเข้าไปในน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ให้รีบเปลี่ยนออก เพราะอาจเกิดความเสียหายได้ไม่ควรเติมน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ต่างรุ่นหรือต่างยี่ห้อผสมกันโดยไม่จำเป็น น้ำฉีดกระจก หมั่นเติมให้เต็ม เพราะมีโอกาสได้ใช้ตลอดเวลา และควรผสมน้ำยาทำความสะอาดไว้ด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และควรปรับทิศทางของหัวฉีดน้ำ ให้ฉีดลงบนกระจกหน้าอย่างทั่วถึง น้ำกลั่นแบตเตอรี่ ควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่นทุกสัปดาห์ โดยมองที่ด้านข้างของตัวแบตเตอรี่ที่มักมีขีดวัดระดับ MIN และMAX หรือมองผ่านช่องเติมน้ำกลั่น โดยระดับน้ำกลั่นที่เหมาะสมควรท่วมแผ่นธาตุเล็กน้อย หากพบว่าระดับน้ำลดลง ไม่ควรใช้น้ำอื่นเติม เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง แบตเตอรี่ลูกที่ติดมากับรถยนต์จากโรงงาน มักมีอายุการใช้งานยาวนาน อาจใช้ได้ถึง 3 ปี เพราะระบบการชาร์จไฟของรถยนต์ยังมีสภาพสมบูรณ์ เมื่อเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ลูกที่ 2 ระบบการชาร์จไฟเริ่มเสื่อมสภาพลง ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลงด้วย โดยเฉลี่ยประมาณ 2 ปี แม้ยังใช้งานได้ก็ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความสบายใจ น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์เบนซิน ควรเลือกใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทนเหมาะสมตามกำหนด ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละเครื่องยนต์ อย่าเลือกค่าออกเทนต่ำกว่ากำหนด เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย และไม่ควรเลือกค่าออกเทนสูงเกินกำหนด เพราะไม่ได้ทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น และสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์การเติมน้ำมันเบนซินต่างยี่ห้อหรือต่างค่าออกเทน ไม่จำเป็นต้องล้างถังหรือปล่อยให้น้ำมันเกือบหมดถังก่อน สามารถเติมผสมกันได้ แต่เน้นว่าค่าออกเทนของน้ำมันเดิมและใหม่ต้องไม่ต่ำกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ ยี่ห้อของน้ำมันเบนซินมีความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพการเผาไหม้น้อยมากสำหรับเครื่องยนต์ทั่วไป ดังนั้นไม่ต้องกังวลกับยี่ห้อมากนัก เน้นเพียงค่าออกเทน และดูสภาพของสถานีบริการว่าเสี่ยงต่อการปลอมปนหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยพบ เพราะการทุจริตต่อลูกค้าจะทำให้เสียชื่อเสียงได้ง่าย ไม่ค่อยคุ้มกันเครื่องยนต์หัวฉีด ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่า 1/4 ของถัง เพราะปั๊มส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอาจดูดได้ไม่เต็มที่ เมื่อขึ้น-ลงทางชันหรือเลี้ยวโค้งจนน้ำมันเชื้อเพลิงในถังแกว่ง เครื่องยนต์อาจสะดุดชั่วคราว และปั๊มส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอาจมีอายุการใช้งานสั้นลง น้ำหอม หากต้องการใช้ ควรศึกษาให้ดีว่ามีส่วนผสมที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจหรือไม่ ควรวางให้ห่างจมูกมากที่สุด และถ้าห้องโดยสารมีกลิ่นไม่พึงประสงค์มาก ควรใช้วิธีทำความสะอาดก่อนการดับกลิ่นด้วยน้ำหอมนอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว สารพัดของเหลวในรถยนต์ยังต้องได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถยนต์อยู่เสมอ [/SIZE][/COLOR][/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Nissan Car Clubs
>
BLUEBIRD CLUB
>
ใช้รถขับหน้าให้ทนทาน
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...