Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Mitsubishi Car Clubs
>
Evolution Thailand
>
เครืองEvo2 ดังแค๊กๆๆ!!
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="smegal, post: 990834, member: 503"]<span style="color: LemonChiffon">เอาคร่าวๆน๊ะครับทั้งเลขตัวหน้าและตัวหลังมันเป็นตัวเลขเกรดค่าความหนืดที่ถูกกำหนดขึ้นมาไม่ใช่เลขของอุณหภูมิ โดย w = winter ถ้าตัวเลข ยิ่งต่ำน้ำมันจะมีค่าความหนืดตำ (ใสกว่า) โดยในการทดสอบหาเลขตัวหน้า w ของน้ำมันจะทดสอบความหนืดของน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันเครื่องยังสามารถดูดไหลเวียนในอุณหภูมิที่ติดลบมากๆ เช่น น้ำมันที่จะได้ 0w ต้องมีความใสพอที่ปั๊มจะดูดให้ไหลเวียนได้ที่อุณหภูมิถึง -40 5w น้ำมันจะยังคงใสพอที่จะไหลได้ที่ -35 10w ใสพอไหลได้ต่ำสุดที่ -30 15w ไหลได้ที่ต่ำสุด -25 20w ไหลได้ต่ำสุดที่ -20 ต่ำกว่านี้น้ำมันจะข้นจนไหลไม่ได้จะเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์มากๆเพราะปั๊มไม่สามารถดูดน้ำมันเครื่องขึ้นไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นถ้าน้ำมันที่ถูกส่งเข้าทดสอบเพื่อขอค่าความหนืดสามารถไหลเวียนได้ที่อุณภูมิต่ำสุดแค่ประมาณ -20 กว่าๆไม่เกิน -25 น้ำมันตัวนั้นจะได้เลขตัวหน้า 15w ครับ </span></p><p><span style="color: LemonChiffon"><br /></span></p><p><span style="color: LemonChiffon">จริงๆถ้าจะลงลึกอีกหน่อยเราจะพูดถึง หน่วยของค่าความหนืด = cP (centipoise) น้ำมันที่ตัวเลขหน้า w ต่ำๆ จะมีค่า cP ที่ต่ำกว่า เช่น ทีอุณภูมิประมาณ -30 น้ำมัน 0w จะมีค่าความหนืดประมาณ 3,250 cP ส่วน 5w จะประมาณ 3.500 cP</span></p><p><span style="color: LemonChiffon"><br /></span></p><p><span style="color: LemonChiffon">ส่วนในการทดสอบเลขตัวหลัง w ของน้ำมันจะทดสอบหาค่า Low Shear ที่อุณหภูมิ 100 องศาและค่า High Shear ที่ 150 องศา ค่า Low Shear จะทดสอบหาความแข็งแรงและความหนืดของฟิล์มน้ำมันที่อุณภูมิใช้งานปกติโดยเฉลี่ยก็คือ 100 องศาเพื่อทดสอบว่าฟิล์มน้ำมันมีความหนาแน่นหรือบางแค่ไหนในขณะเครื่องยนต์ใช้งานปกติซึ่งการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่อุณภูมิขนาดนี้จะต่ำมาก ส่วนค่า High Shear จะเป็นการทดสอบหาความแข็งแรงและความหนืดของฟิล์มน้ำมัน ที่ 150 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงที่เริ่มเกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ถ้าน้ำมันเครื่องอุณหภูมิขึ้นสูงขนาดนี้ฟิล์มน้ำมันจะบางมากๆชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จะเสียดสีกันรุนแรงมากถ้าฟิล์มน้ำมันไม่แข็งแรงพอ ณ อุณหภูมิขนาดนี้ก็จะเกิดอาการไหม้บริเวณชิ้นส่วนที่เสียดสีกันโดยเฉพาะบริเวณชาร์ฟ ที่คุ้นๆกันเป็นอย่างดีก็คือชาร์ฟละลายนั่นเอง น้ำมันเลขตัวหลัง 30 จะมีค่าความหนืดประมาณ 9.3-12.5 cP ที่ 100 องศา และ 2.9 cP ที่ 150 องศา น้ำมันที่เลขตัวหลัง 40 จะมีค่าความหนืดประมาณ 12.5-16.3 cP ที่ 100 องศา และระหว่าง 2.9-3.7 cP ที่ 150 องศา ส่วนน้ำมันที่เลขตัวหลัง 50 จะมีค่าความหนืดประมาณ 16.3-21.9 cP ที่ 100 องศา และ 3.7 cP ที่ 150 องศา ดังนั้นถ้าน้ำมันที่ถูกส่งเข้าทดสอบเพื่อขอค่าความหนืดเลขตัวหลัง มีความหนืดอยู่มากกว่า 12.5 cP แต่ไม่เกิน 16.3 cP ที่ 100 องศา และ มากกว่า 2.9 cP แต่ไม่เกิน 3.7 cP ที่ 150 องศา น้ำมันตัวนี้จะได้เลขตัวหลังที่ 40 ครับ</span></p><p><span style="color: LemonChiffon"><br /></span></p><p><span style="color: LemonChiffon">ถ้าดูจากตัวเลขที่ยกตัวอย่างขึ้นมา เวลาขับใช้งานปกติถ้าเครื่องยนต์ยังสภาพดีฟิตๆอยู่ น้ำมันเบอร์หลัง 30 จะใสและลื่นกว่า เบอร์ 40 และเบอร์ 40 ก็จะใสและลื่นกว่าเบอร์ 50 แต่ถ้าขับอย่างรุนแรงบูชหนักอัดแช่กันยาวๆหรือในสนามแข่งอุณภูมิน้ำมันสูงมากๆ เบอร์หลัง 30 ซึ่งมีค่าความหนืดน้อยฟิล์มน้ำมันจะบางมากๆการสึกหรอของเครื่องยนต์จะสูงกว่าและโอกาสเครื่องพังชาร์ฟละลายมีสูงกว่าเบอร์หลัง 40 และ 50 ตามลำดับ แต่ยังไงก็ตามน้ำมันเบอร์เดียวกันต้องดูค่าดัชนีความหนืด (Viscosity Index) ประกอบด้วย เครื่องอีโวยังไงพยายามเลือกเบอร์หลัง 50 เข้าไว้จะดีกว่าเพราะคนขับเท้าหนักไม่ค่อยได้ขับเบาๆกันซักเท่าไหร่ </span></p><p><span style="color: LemonChiffon"><br /></span></p><p><span style="color: LemonChiffon">ใครมีไรเพิ่มเติมก็โพสเข้ามาจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ผมก็อธิบายเท่าๆที่พอรู้อาจจะมีผิดๆถูกๆบ้าง</span></p><p><span style="color: LemonChiffon"><br /></span></p><p><span style="color: LemonChiffon"></span> <img src="styles/default/xenforo/clear.png" class="mceSmilieSprite mceSmilie1" alt=":)" unselectable="on" unselectable="on" /><img src="styles/default/xenforo/clear.png" class="mceSmilieSprite mceSmilie1" alt=":)" unselectable="on" unselectable="on" /><img src="styles/default/xenforo/clear.png" class="mceSmilieSprite mceSmilie1" alt=":)" unselectable="on" unselectable="on" />[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="smegal, post: 990834, member: 503"][COLOR="LemonChiffon"]เอาคร่าวๆน๊ะครับทั้งเลขตัวหน้าและตัวหลังมันเป็นตัวเลขเกรดค่าความหนืดที่ถูกกำหนดขึ้นมาไม่ใช่เลขของอุณหภูมิ โดย w = winter ถ้าตัวเลข ยิ่งต่ำน้ำมันจะมีค่าความหนืดตำ (ใสกว่า) โดยในการทดสอบหาเลขตัวหน้า w ของน้ำมันจะทดสอบความหนืดของน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันเครื่องยังสามารถดูดไหลเวียนในอุณหภูมิที่ติดลบมากๆ เช่น น้ำมันที่จะได้ 0w ต้องมีความใสพอที่ปั๊มจะดูดให้ไหลเวียนได้ที่อุณหภูมิถึง -40 5w น้ำมันจะยังคงใสพอที่จะไหลได้ที่ -35 10w ใสพอไหลได้ต่ำสุดที่ -30 15w ไหลได้ที่ต่ำสุด -25 20w ไหลได้ต่ำสุดที่ -20 ต่ำกว่านี้น้ำมันจะข้นจนไหลไม่ได้จะเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์มากๆเพราะปั๊มไม่สามารถดูดน้ำมันเครื่องขึ้นไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นถ้าน้ำมันที่ถูกส่งเข้าทดสอบเพื่อขอค่าความหนืดสามารถไหลเวียนได้ที่อุณภูมิต่ำสุดแค่ประมาณ -20 กว่าๆไม่เกิน -25 น้ำมันตัวนั้นจะได้เลขตัวหน้า 15w ครับ จริงๆถ้าจะลงลึกอีกหน่อยเราจะพูดถึง หน่วยของค่าความหนืด = cP (centipoise) น้ำมันที่ตัวเลขหน้า w ต่ำๆ จะมีค่า cP ที่ต่ำกว่า เช่น ทีอุณภูมิประมาณ -30 น้ำมัน 0w จะมีค่าความหนืดประมาณ 3,250 cP ส่วน 5w จะประมาณ 3.500 cP ส่วนในการทดสอบเลขตัวหลัง w ของน้ำมันจะทดสอบหาค่า Low Shear ที่อุณหภูมิ 100 องศาและค่า High Shear ที่ 150 องศา ค่า Low Shear จะทดสอบหาความแข็งแรงและความหนืดของฟิล์มน้ำมันที่อุณภูมิใช้งานปกติโดยเฉลี่ยก็คือ 100 องศาเพื่อทดสอบว่าฟิล์มน้ำมันมีความหนาแน่นหรือบางแค่ไหนในขณะเครื่องยนต์ใช้งานปกติซึ่งการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่อุณภูมิขนาดนี้จะต่ำมาก ส่วนค่า High Shear จะเป็นการทดสอบหาความแข็งแรงและความหนืดของฟิล์มน้ำมัน ที่ 150 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงที่เริ่มเกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ถ้าน้ำมันเครื่องอุณหภูมิขึ้นสูงขนาดนี้ฟิล์มน้ำมันจะบางมากๆชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จะเสียดสีกันรุนแรงมากถ้าฟิล์มน้ำมันไม่แข็งแรงพอ ณ อุณหภูมิขนาดนี้ก็จะเกิดอาการไหม้บริเวณชิ้นส่วนที่เสียดสีกันโดยเฉพาะบริเวณชาร์ฟ ที่คุ้นๆกันเป็นอย่างดีก็คือชาร์ฟละลายนั่นเอง น้ำมันเลขตัวหลัง 30 จะมีค่าความหนืดประมาณ 9.3-12.5 cP ที่ 100 องศา และ 2.9 cP ที่ 150 องศา น้ำมันที่เลขตัวหลัง 40 จะมีค่าความหนืดประมาณ 12.5-16.3 cP ที่ 100 องศา และระหว่าง 2.9-3.7 cP ที่ 150 องศา ส่วนน้ำมันที่เลขตัวหลัง 50 จะมีค่าความหนืดประมาณ 16.3-21.9 cP ที่ 100 องศา และ 3.7 cP ที่ 150 องศา ดังนั้นถ้าน้ำมันที่ถูกส่งเข้าทดสอบเพื่อขอค่าความหนืดเลขตัวหลัง มีความหนืดอยู่มากกว่า 12.5 cP แต่ไม่เกิน 16.3 cP ที่ 100 องศา และ มากกว่า 2.9 cP แต่ไม่เกิน 3.7 cP ที่ 150 องศา น้ำมันตัวนี้จะได้เลขตัวหลังที่ 40 ครับ ถ้าดูจากตัวเลขที่ยกตัวอย่างขึ้นมา เวลาขับใช้งานปกติถ้าเครื่องยนต์ยังสภาพดีฟิตๆอยู่ น้ำมันเบอร์หลัง 30 จะใสและลื่นกว่า เบอร์ 40 และเบอร์ 40 ก็จะใสและลื่นกว่าเบอร์ 50 แต่ถ้าขับอย่างรุนแรงบูชหนักอัดแช่กันยาวๆหรือในสนามแข่งอุณภูมิน้ำมันสูงมากๆ เบอร์หลัง 30 ซึ่งมีค่าความหนืดน้อยฟิล์มน้ำมันจะบางมากๆการสึกหรอของเครื่องยนต์จะสูงกว่าและโอกาสเครื่องพังชาร์ฟละลายมีสูงกว่าเบอร์หลัง 40 และ 50 ตามลำดับ แต่ยังไงก็ตามน้ำมันเบอร์เดียวกันต้องดูค่าดัชนีความหนืด (Viscosity Index) ประกอบด้วย เครื่องอีโวยังไงพยายามเลือกเบอร์หลัง 50 เข้าไว้จะดีกว่าเพราะคนขับเท้าหนักไม่ค่อยได้ขับเบาๆกันซักเท่าไหร่ ใครมีไรเพิ่มเติมก็โพสเข้ามาจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ผมก็อธิบายเท่าๆที่พอรู้อาจจะมีผิดๆถูกๆบ้าง [/COLOR] :):):)[/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Mitsubishi Car Clubs
>
Evolution Thailand
>
เครืองEvo2 ดังแค๊กๆๆ!!
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...