เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Team and group
>
Team and Group
>
DAMS
>
เจาะลึกเรื่องแบตเตอรี (Batteries)
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="icy_engine, post: 232572, member: 30547"]<font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: Red"><u>ถอดแบตเตอรี่อย่างไรจึงจะปลอดภัย</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">การเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็ต้องมีวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้การเสียหายเกิดขึ้น ข้อพึงระวังสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่เอง คือ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">1. ต้องดับเครื่องก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกครั้ง (OFF) </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">2. ในการถอดแบตเตอรี่ ต้องถอดขั้วลบ (-) ออกก่อนเสมอ เพื่อป้องกัน การลัดวงจร </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">3. และเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เข้าไป ต้องใส่ขั้วบวก (+) ก่อนเสมอ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">จำหลักง่ายๆ "ถอดลบ (-) ใส่บวก (+)" เสมอ เพื่อป้องกันการลัดวงจรและเกิดประกายไฟกับรถยนต์แสนร ักของคุณ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>ดูและแบตเตอรี่เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่า</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">การดูแลแบตเตอรี่ ให้ถูกวิธีจะช่วยให้เราใช้งานแบตเตอรี่ได้คุ้มค่าที่ สุด ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได ้ ในช่วงเวลาเดียวกัน </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจาย ของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: Red"><u>เราจะทราบได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">หากสังเกตดีๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อมสภาพจะมีสัญญาณเตือนดังนี้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เมื่อมีสัญญาณเตือนดังนี้ ก็เข้าร้านที่ไว้ใจได้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เลยค่ะ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>การติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">บางครั้ง หากมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์เพิ่ม แบตเตอรี่ก็ควรถูก</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ปรับเปลี่ยนความจุให้มีมากขึ้นด้วย ซึ่งหากมีการติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่ใน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ยานพาหนะ ควรปฏิบัติดังนี้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">1. สังเกตว่าแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งจะใช้ติดรถ อยู่ในสภาพไฟเต็ม </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">2. ควรบันทึกวันที่เริ่มใช้แบตเตอรี่ใหม่ ไว้เพื่อการตรวจสอบสภาพ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เป็นช่วงๆ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">3. ยึดแบตเตอรี่และแท่นวางแบตเตอรี่ให้แน่น ไม่เคลื่อนไหว </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">4. ถ้าแบตเตอรี่มีท่อยาวระบายอากาศ อย่าให้ท่อระบายอากาศถูกกดทับ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">5. ใส่ขั้วไฟก่อน (อาจเป็นขั้วบวกหรือขั้วลบก็แล้วแต่ชนิดของรถ) ก่อนใส่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ควรขยายขั้วสวมให้โตกว่าขั้วแบตเตอรี่เล็กน้อย ห้ามตอกขั้วต่ออัดลงไป</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เพราะจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่ทรุดตัว แบตเตอรี่อาจเสียหายได้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">6. เมื่อต่อขั้วเรียบร้อย ทาขั้วด้วยจารบี หรือวาสลิน </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">7. ต่อขั้วดินเป็นอันดับสุดท้าย</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">จากนั้นก่อนสตาร์ทเครื่อง ก็ควรตรวจดูความถูกต้องในการต่อขั้วอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของรถยนต์และตัวคุณเองค่ะ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>การต่อพ่วงแบตเตอรี่ฉุกเฉิน</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">บางครั้งแบตเตอรี่รถยนต์ของเรา หรือรถยนต์คันอื่นๆ เกิดการไฟหมด</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">อาจจะต้องมีการต่อพ่วงกัน เราจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้การต่อพ่วงอย่าง</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ถูกวิธีไว้บ้าง เริ่มจากจอดรถใกล้กันแต่อย่าให้สัมผัสกัน ใช้สายพ่วงที่ใหญ่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แต่ไม่ยาวเกินไป จากนั้นปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">1. ต่อขั้วบวก (+) ของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ลูกที่ไฟหมด</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">2. ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ลูกที่ดี</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">3. ต่อขั้วลบ (-) ของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่ลูกที่ดี</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">4. ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับโครงรถคันที่แบตเตอรี่ไฟหมด</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">5. เมื่อสตาร์ทรถยนต์คันที่ไฟหมด ติดแล้ว จึงค่อยถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ทวนตามลำดับที่กล่าวมาข้า งต้น</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>การเก็บแบตเตอรี่อย่างถูกวิธี</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">การที่คุณจอดรถไว้โดยไม่ได้ใช้งานเกิน 2 สัปดาห์ จะมีผลกับแบตเตอรี่ของคุณ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แน่นอน เพราะแบตเตอรี่จะมีการคายประจุไฟออกมาตลอดเวลา ถ้าไม่มีการชาร์จ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ไฟเข้า แผ่นธาตุภายในจะเสื่อมสภาพ ไม่สามารถเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ได้ แต่ถ้า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">จำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้ควรเก็บรักษาแบตเตอรี่ เพื่อให้สามารถนำแบตเตอรี่กลับ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ไปใช้งานได้อีก ตามวิธีดังนี้ คือ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red">- การเก็บแบตเตอรี่แบบแห้ง (Dry Storage) </span>เป็นการเก็บแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีสารละลายอยู่ในแบตเต อรี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเก็บ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แบตเตอรี่ที่ผลิตออกมาจากโรงงานใหม่ๆ เมื่อต้องการจะใช้งานก็จะนำแบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ไปเติมสารละลายและประจุไฟฟ้าให้เต็ม แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมีสารละลาย</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">อยู่ภายในแบตเตอรี่ การเก็บให้ถอดแบตเตอรี่ออกจากรถนำไปชาร์จไฟให้เต็มแล ้ว</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เทน้ำยาทิ้ง ใช้น้ำกลั่นล้างแล้วเทคว่ำให้แห้ง เมื่อต้องการจะใช้แบตเตอรี่ก็นำไปเติมน้ำยาและชาร์จไฟใหม่ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red">- การเก็บแบตเตอรี่แบบเปียก (Wet Storage) </span>แบตเตอรี่ถึงแม้จะชาร์จไฟเต็มแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะสามารถคายประจุไฟออกมาเอง ดังนั้นการเก็บแบตเตอรี่ในขณะที่แบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">มีน้ำกรดอยู่ภายใน ควรนำไปประจุไฟทุกๆ 15 วัน การเก็บแบตเตอรี่แบบนี้ถือว่าเป็นการจัดเก็บแบบชั่วค ราว เพื่อลดปัญหาแบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เสื่อมสภาพ อย่าลืมเก็บแบตเตอรี่ให้ถูกวิธีนะค่ะ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u><br /></u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหญ่ แอมป์สูงดีใหม?</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">หากแบตเตอรี่หมดสภาพ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และแบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ลูกเดิมมีแอมป์ไม่สูงนัก ก็ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ลูกใหญ่ขึ้น แอมป์สูงขึ้น </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ด้วยราคาที่สูงกว่ากันเพียงไม่กี่ร้อยบาท แต่จะทำให้รถยนต์ของคุณมีกำลังไฟฟ้า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">สำรองมากขึ้น กำลังไฟฟ้าแรงขึ้น และทำให้ไดชาร์จทำงานหนักน้อยลง ทำให้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ไม่พังง่าย ฉะนั้นเมื่อแบตเตอรี่หมดสภาพหรือมีการติดตั้งอุปกรณ์ ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ควรคำนึงถึงคำถามที่ว่า "เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหญ่ แอมป์สูงดีไหม" นี้ด้วย </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เพราะเสียเงินเพิ่มไม่กี่ร้อยบาท แต่ได้สิ่งที่คุ้มค่ากว่ากลับคืนมา</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>การดูแลแบตเตอรี่ด้วยการตรวจน้ำกลั่น</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">การดูแลรักษาแบตเตอรี่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าของรถ ยนต์ให้ใช้งานได้นานนั้น </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ทุกสัปด าห์ โดยเติม</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">น้ำกลั่นให้ปริมาณได้ระดับอยู่เสมอ หากถ้าแบตเตอรี่ของคุณเป็นแบบที่มีผิวด้าน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ข้างใส ก็สามารถส่องดูจากด้านข้างแบตเตอรี่ได้ แต่ถ้าแบตเตอรี่เป็นแบบผิวทึบ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">หรือมองจากทางด้านข้างของแบตเตอรี่ไม่สะดวก ก็ให้เติมน้ำกลั่นให้ท่วมแถบ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แผ่นธาตุไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ไม่ควรใช้น้ำกรองหรือใช้น้ำที่ไม่ใช่น้ำกลั่นเติมแบต เตอรี่โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>ทำไมแบตเตอรี่หมด</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">หากไดชาร์จปกติ แบตเตอรี่ไม่เสื่อม และไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติมจนกิน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">กระแสไฟฟ้ามากเกินไปแบตเตอรี่จะไม่มีการหมด นอกจากในเครื่องยนต์รอบเดินเบา</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ไดชาร์จผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าการใช้อยู่มาก และจอดนิ่งนานหลายชั่วโมง แบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ี่อาจหมดได้ ซึ่งไม่ค่อยพบปัญหานี้ในการใช้งานบนสภาพจราจรปกติ เพราะในการใช้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">รถยนต์ เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าจากหลายอุปกรณ์ เช่น เครื่องยนต์ แอร์ เครื่องเสียง ไฟส่อง</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">สว่าง ฯลฯ ก็จะมีไดชาร์จคอยส่งไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้คืนกลับเข ้าไปสู่แบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">อยู่ตลอด หากแบตเตอรี่หมด เพราะไดชาร์จผิดปกติ คือผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ แต่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แบตเตอรี่ ยังไม่หมดสภาพจะมีการดึงไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ไปใช้เร ื่อยๆ ก็แค่ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ซ่อมแซมระบบไดชาร์จให้เป็นปกติ ใช้เครื่องประจุแบตเตอรี่ให้เต็ม หรือทำให้ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เครื่องยนต์ติดแล้วให้ไดชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าสู่แบตเต อรี่ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">หลังจอดรถยนต์ไว้ ถ้าแบตเตอรี่หมดหรือกระแสไฟฟ้าอ่อนลงมากจนไดสตาร์ตหม ุน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เครื่องยนต์ไม่ไหว ขณะที่ระบบไดชาร์จและเครื่องยนต์ปกติ แสดงว่าแบตเตอรี่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">หมดสภาพ ก็ถึงคราวจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันแล้วคราวนี้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>ขั้นตอนการทำความสะอาดแบตเตอรี่</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ฟองก๊าชที่เกิดจากแบตเตอรี่จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให ้เกิดขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่และ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">สายไฟได้ แต่วิธีทำความสะอาดแบตเตอรี่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><b>ขั้นแรก</b> ใช้แปรงลวดปัดทำความสะอาดด้านบนของแบตเตอรี่ เพื่อขจัดคราบ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">สกปรกในเบื้องต้นก่อน </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><b>ขั้นที่สอง</b> ใช้แปรงลวดจุ่มโซเดี่ยมคาร์บอเนต หรือโซดาผง ผสมน้ำ ปัดเพื่อทำ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ความสะอาดแบตเตอรี่ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><b>ขั้นที่สาม</b> ล้างโซเดี่ยมคาร์บอเนตออกด้วยน้ำสะอาด แล้วใช้ลูกยางดูดน้ำออกให้หมด </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><b>ขั้นที่สี่</b> ถอดสายแบตเตอรี่ออก (ถอดขั้วลบออกก่อน และเมื่อประกอบกลับคืน ให้ใส่ขั้วบวกก่อน เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟ) </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">จากนั้นเช็ดเพื่อเอาคราบน้ำมันและจาระบีออก </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>แบตเตอรี่หมดเมื่อเปิดไฟหน้าทิ้งไว้</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">การเปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้หลังดับเครื่องยนต์ ไม่มีผลกับเครื่องยนต์แต่อย่างใด </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แต่แบตเตอรี่จะถูกดึงกระแสไฟฟ้าไปใช้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการประจุไฟเข้า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แบตเตอรี่จากไดชาร์จเหมือนกับช่วงเวลาที่ติดเครื่องย นต์ ทำให้กระแสไฟฟ้าหมด</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">หรือเหลือน้อยจนไม่เพียงพอสำหรับการสตาร์ตเครื่องยนต ์ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">หากรู้ตัวว่าลืมปิดไฟหน้า เมื่อจอดรถยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลานาน ไม่ควรรีบสตาร์ต</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เครื่องยนต์ทันที ควรปิดไฟแล้วรอให้แบตเตอรี่เก็บประจุ ประมาณ 5-10 นาที </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แล้วจึงทดลองสตาร์ต ถ้าสตาร์ต 2-3 ครั้งแล้วเครื่องยนต์ยังไม่ติด ไม่ควรพยายาม</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">สตาร์ตต่อ ที่สำคัญ ไม่ควรบิดกุญแจค้างไว้นานเกินไปในช่วงที่สตาร์ต เพราะอาจ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ทำให้ไดสตาร์ตเสียหายได้</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow"><span style="color: red"><u>ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแบตเตอรี่</u></span></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">แบตเตอรี่ เป็นอุปกรณ์ประกอบรถยนต์ที่สำคัญ ทำหน้าที่เก็บกระแสไฟฟ้าสำรอง </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เมื่อเครื่องยนต์ถูกใช้งาน จะมีการประจุไฟฟ้าเข้า-ออก หมุนเวียนสู่แบตเตอรี่อยู่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ตลอดเวลา โดยมีคัตเอาต์ทำหน้าที่ตัดประจุเมื่อไฟฟ้าเต็มแบตเตอ รี่ และต่อการประจุ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่พร่องลง ปกติแล้ว แบตเตอรี่โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งาน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">ประมาณ 1.5-2.5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ซึ่งในปัจจุบันมีแบตเตอรี่แบบไม่ต้อง</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">เติมน้ำกลั่นบ่อย และแบตเตอรี่แบบแห้ง ซึ่งสะดวกต่อการดูแล มีความทนทาน </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">และมีอายุการใช้งานมากกว่าแบบทั่วไป 3-6 เท่า หรือ 5-10 ปี แต่ก็มีราคาที่</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: Yellow">สูงกว่าเช่นกัน</span></font>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="icy_engine, post: 232572, member: 30547"][SIZE="4"][COLOR="Yellow"][COLOR="Red"][U]ถอดแบตเตอรี่อย่างไรจึงจะปลอดภัย[/U][/COLOR] การเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ก็ต้องมีวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้การเสียหายเกิดขึ้น ข้อพึงระวังสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่เอง คือ 1. ต้องดับเครื่องก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกครั้ง (OFF) 2. ในการถอดแบตเตอรี่ ต้องถอดขั้วลบ (-) ออกก่อนเสมอ เพื่อป้องกัน การลัดวงจร 3. และเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เข้าไป ต้องใส่ขั้วบวก (+) ก่อนเสมอ จำหลักง่ายๆ "ถอดลบ (-) ใส่บวก (+)" เสมอ เพื่อป้องกันการลัดวงจรและเกิดประกายไฟกับรถยนต์แสนร ักของคุณ [COLOR="red"][U]ดูและแบตเตอรี่เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่า[/U][/COLOR] การดูแลแบตเตอรี่ ให้ถูกวิธีจะช่วยให้เราใช้งานแบตเตอรี่ได้คุ้มค่าที่ สุด ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้ 1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า 2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด 3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์ 4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได ้ ในช่วงเวลาเดียวกัน 5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจาย ของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น 6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี 7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป [COLOR="Red"][U]เราจะทราบได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม[/U][/COLOR] เมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไปได้สัก 1 ปีครึ่ง หรือ 2 ปี แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ หากสังเกตดีๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อมสภาพจะมีสัญญาณเตือนดังนี้ 1. เครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก 2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง 3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง 4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปรกติ เมื่อมีสัญญาณเตือนดังนี้ ก็เข้าร้านที่ไว้ใจได้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เลยค่ะ [COLOR="red"][U]การติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่[/U][/COLOR] บางครั้ง หากมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์เพิ่ม แบตเตอรี่ก็ควรถูก ปรับเปลี่ยนความจุให้มีมากขึ้นด้วย ซึ่งหากมีการติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่ใน ยานพาหนะ ควรปฏิบัติดังนี้ 1. สังเกตว่าแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งจะใช้ติดรถ อยู่ในสภาพไฟเต็ม 2. ควรบันทึกวันที่เริ่มใช้แบตเตอรี่ใหม่ ไว้เพื่อการตรวจสอบสภาพ เป็นช่วงๆ 3. ยึดแบตเตอรี่และแท่นวางแบตเตอรี่ให้แน่น ไม่เคลื่อนไหว 4. ถ้าแบตเตอรี่มีท่อยาวระบายอากาศ อย่าให้ท่อระบายอากาศถูกกดทับ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้ 5. ใส่ขั้วไฟก่อน (อาจเป็นขั้วบวกหรือขั้วลบก็แล้วแต่ชนิดของรถ) ก่อนใส่ ควรขยายขั้วสวมให้โตกว่าขั้วแบตเตอรี่เล็กน้อย ห้ามตอกขั้วต่ออัดลงไป เพราะจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่ทรุดตัว แบตเตอรี่อาจเสียหายได้ 6. เมื่อต่อขั้วเรียบร้อย ทาขั้วด้วยจารบี หรือวาสลิน 7. ต่อขั้วดินเป็นอันดับสุดท้าย จากนั้นก่อนสตาร์ทเครื่อง ก็ควรตรวจดูความถูกต้องในการต่อขั้วอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของรถยนต์และตัวคุณเองค่ะ [COLOR="red"][U]การต่อพ่วงแบตเตอรี่ฉุกเฉิน[/U][/COLOR] บางครั้งแบตเตอรี่รถยนต์ของเรา หรือรถยนต์คันอื่นๆ เกิดการไฟหมด อาจจะต้องมีการต่อพ่วงกัน เราจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้การต่อพ่วงอย่าง ถูกวิธีไว้บ้าง เริ่มจากจอดรถใกล้กันแต่อย่าให้สัมผัสกัน ใช้สายพ่วงที่ใหญ่ แต่ไม่ยาวเกินไป จากนั้นปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ 1. ต่อขั้วบวก (+) ของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ ลูกที่ไฟหมด 2. ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ ลูกที่ดี 3. ต่อขั้วลบ (-) ของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่ลูกที่ดี 4. ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับโครงรถคันที่แบตเตอรี่ไฟหมด 5. เมื่อสตาร์ทรถยนต์คันที่ไฟหมด ติดแล้ว จึงค่อยถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ทวนตามลำดับที่กล่าวมาข้า งต้น [COLOR="red"][U]การเก็บแบตเตอรี่อย่างถูกวิธี[/U][/COLOR] การที่คุณจอดรถไว้โดยไม่ได้ใช้งานเกิน 2 สัปดาห์ จะมีผลกับแบตเตอรี่ของคุณ แน่นอน เพราะแบตเตอรี่จะมีการคายประจุไฟออกมาตลอดเวลา ถ้าไม่มีการชาร์จ ไฟเข้า แผ่นธาตุภายในจะเสื่อมสภาพ ไม่สามารถเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ได้ แต่ถ้า จำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้ควรเก็บรักษาแบตเตอรี่ เพื่อให้สามารถนำแบตเตอรี่กลับ ไปใช้งานได้อีก ตามวิธีดังนี้ คือ [COLOR="red"]- การเก็บแบตเตอรี่แบบแห้ง (Dry Storage) [/COLOR]เป็นการเก็บแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีสารละลายอยู่ในแบตเต อรี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเก็บ แบตเตอรี่ที่ผลิตออกมาจากโรงงานใหม่ๆ เมื่อต้องการจะใช้งานก็จะนำแบตเตอรี่ ไปเติมสารละลายและประจุไฟฟ้าให้เต็ม แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมีสารละลาย อยู่ภายในแบตเตอรี่ การเก็บให้ถอดแบตเตอรี่ออกจากรถนำไปชาร์จไฟให้เต็มแล ้ว เทน้ำยาทิ้ง ใช้น้ำกลั่นล้างแล้วเทคว่ำให้แห้ง เมื่อต้องการจะใช้แบตเตอรี่ก็นำไปเติมน้ำยาและชาร์จไฟใหม่ [COLOR="red"]- การเก็บแบตเตอรี่แบบเปียก (Wet Storage) [/COLOR]แบตเตอรี่ถึงแม้จะชาร์จไฟเต็มแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะสามารถคายประจุไฟออกมาเอง ดังนั้นการเก็บแบตเตอรี่ในขณะที่แบตเตอรี่ มีน้ำกรดอยู่ภายใน ควรนำไปประจุไฟทุกๆ 15 วัน การเก็บแบตเตอรี่แบบนี้ถือว่าเป็นการจัดเก็บแบบชั่วค ราว เพื่อลดปัญหาแบตเตอรี่ เสื่อมสภาพ อย่าลืมเก็บแบตเตอรี่ให้ถูกวิธีนะค่ะ [COLOR="red"][U] เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหญ่ แอมป์สูงดีใหม?[/U][/COLOR] หากแบตเตอรี่หมดสภาพ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และแบตเตอรี่ ลูกเดิมมีแอมป์ไม่สูงนัก ก็ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ลูกใหญ่ขึ้น แอมป์สูงขึ้น ด้วยราคาที่สูงกว่ากันเพียงไม่กี่ร้อยบาท แต่จะทำให้รถยนต์ของคุณมีกำลังไฟฟ้า สำรองมากขึ้น กำลังไฟฟ้าแรงขึ้น และทำให้ไดชาร์จทำงานหนักน้อยลง ทำให้ ไม่พังง่าย ฉะนั้นเมื่อแบตเตอรี่หมดสภาพหรือมีการติดตั้งอุปกรณ์ ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ควรคำนึงถึงคำถามที่ว่า "เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหญ่ แอมป์สูงดีไหม" นี้ด้วย เพราะเสียเงินเพิ่มไม่กี่ร้อยบาท แต่ได้สิ่งที่คุ้มค่ากว่ากลับคืนมา [COLOR="red"][U]การดูแลแบตเตอรี่ด้วยการตรวจน้ำกลั่น[/U][/COLOR] การดูแลรักษาแบตเตอรี่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าของรถ ยนต์ให้ใช้งานได้นานนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ทุกสัปด าห์ โดยเติม น้ำกลั่นให้ปริมาณได้ระดับอยู่เสมอ หากถ้าแบตเตอรี่ของคุณเป็นแบบที่มีผิวด้าน ข้างใส ก็สามารถส่องดูจากด้านข้างแบตเตอรี่ได้ แต่ถ้าแบตเตอรี่เป็นแบบผิวทึบ หรือมองจากทางด้านข้างของแบตเตอรี่ไม่สะดวก ก็ให้เติมน้ำกลั่นให้ท่วมแถบ แผ่นธาตุไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร ไม่ควรใช้น้ำกรองหรือใช้น้ำที่ไม่ใช่น้ำกลั่นเติมแบต เตอรี่โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง [COLOR="red"][U]ทำไมแบตเตอรี่หมด[/U][/COLOR] หากไดชาร์จปกติ แบตเตอรี่ไม่เสื่อม และไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติมจนกิน กระแสไฟฟ้ามากเกินไปแบตเตอรี่จะไม่มีการหมด นอกจากในเครื่องยนต์รอบเดินเบา ไดชาร์จผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าการใช้อยู่มาก และจอดนิ่งนานหลายชั่วโมง แบตเตอรี่ ี่อาจหมดได้ ซึ่งไม่ค่อยพบปัญหานี้ในการใช้งานบนสภาพจราจรปกติ เพราะในการใช้ รถยนต์ เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าจากหลายอุปกรณ์ เช่น เครื่องยนต์ แอร์ เครื่องเสียง ไฟส่อง สว่าง ฯลฯ ก็จะมีไดชาร์จคอยส่งไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้คืนกลับเข ้าไปสู่แบตเตอรี่ อยู่ตลอด หากแบตเตอรี่หมด เพราะไดชาร์จผิดปกติ คือผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ แต่ แบตเตอรี่ ยังไม่หมดสภาพจะมีการดึงไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ไปใช้เร ื่อยๆ ก็แค่ ซ่อมแซมระบบไดชาร์จให้เป็นปกติ ใช้เครื่องประจุแบตเตอรี่ให้เต็ม หรือทำให้ เครื่องยนต์ติดแล้วให้ไดชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าสู่แบตเต อรี่ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ หลังจอดรถยนต์ไว้ ถ้าแบตเตอรี่หมดหรือกระแสไฟฟ้าอ่อนลงมากจนไดสตาร์ตหม ุน เครื่องยนต์ไม่ไหว ขณะที่ระบบไดชาร์จและเครื่องยนต์ปกติ แสดงว่าแบตเตอรี่ หมดสภาพ ก็ถึงคราวจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันแล้วคราวนี้ [COLOR="red"][U]ขั้นตอนการทำความสะอาดแบตเตอรี่[/U][/COLOR] ฟองก๊าชที่เกิดจากแบตเตอรี่จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให ้เกิดขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่และ สายไฟได้ แต่วิธีทำความสะอาดแบตเตอรี่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ [B]ขั้นแรก[/B] ใช้แปรงลวดปัดทำความสะอาดด้านบนของแบตเตอรี่ เพื่อขจัดคราบ สกปรกในเบื้องต้นก่อน [B]ขั้นที่สอง[/B] ใช้แปรงลวดจุ่มโซเดี่ยมคาร์บอเนต หรือโซดาผง ผสมน้ำ ปัดเพื่อทำ ความสะอาดแบตเตอรี่ [B]ขั้นที่สาม[/B] ล้างโซเดี่ยมคาร์บอเนตออกด้วยน้ำสะอาด แล้วใช้ลูกยางดูดน้ำออกให้หมด [B]ขั้นที่สี่[/B] ถอดสายแบตเตอรี่ออก (ถอดขั้วลบออกก่อน และเมื่อประกอบกลับคืน ให้ใส่ขั้วบวกก่อน เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟ) จากนั้นเช็ดเพื่อเอาคราบน้ำมันและจาระบีออก [COLOR="red"][U]แบตเตอรี่หมดเมื่อเปิดไฟหน้าทิ้งไว้[/U][/COLOR] การเปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้หลังดับเครื่องยนต์ ไม่มีผลกับเครื่องยนต์แต่อย่างใด แต่แบตเตอรี่จะถูกดึงกระแสไฟฟ้าไปใช้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการประจุไฟเข้า แบตเตอรี่จากไดชาร์จเหมือนกับช่วงเวลาที่ติดเครื่องย นต์ ทำให้กระแสไฟฟ้าหมด หรือเหลือน้อยจนไม่เพียงพอสำหรับการสตาร์ตเครื่องยนต ์ หากรู้ตัวว่าลืมปิดไฟหน้า เมื่อจอดรถยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลานาน ไม่ควรรีบสตาร์ต เครื่องยนต์ทันที ควรปิดไฟแล้วรอให้แบตเตอรี่เก็บประจุ ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงทดลองสตาร์ต ถ้าสตาร์ต 2-3 ครั้งแล้วเครื่องยนต์ยังไม่ติด ไม่ควรพยายาม สตาร์ตต่อ ที่สำคัญ ไม่ควรบิดกุญแจค้างไว้นานเกินไปในช่วงที่สตาร์ต เพราะอาจ ทำให้ไดสตาร์ตเสียหายได้ [COLOR="red"][U]ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแบตเตอรี่[/U][/COLOR] แบตเตอรี่ เป็นอุปกรณ์ประกอบรถยนต์ที่สำคัญ ทำหน้าที่เก็บกระแสไฟฟ้าสำรอง เมื่อเครื่องยนต์ถูกใช้งาน จะมีการประจุไฟฟ้าเข้า-ออก หมุนเวียนสู่แบตเตอรี่อยู่ ตลอดเวลา โดยมีคัตเอาต์ทำหน้าที่ตัดประจุเมื่อไฟฟ้าเต็มแบตเตอ รี่ และต่อการประจุ เมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่พร่องลง ปกติแล้ว แบตเตอรี่โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งาน ประมาณ 1.5-2.5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ซึ่งในปัจจุบันมีแบตเตอรี่แบบไม่ต้อง เติมน้ำกลั่นบ่อย และแบตเตอรี่แบบแห้ง ซึ่งสะดวกต่อการดูแล มีความทนทาน และมีอายุการใช้งานมากกว่าแบบทั่วไป 3-6 เท่า หรือ 5-10 ปี แต่ก็มีราคาที่ สูงกว่าเช่นกัน[/COLOR][/SIZE][/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Team and group
>
Team and Group
>
DAMS
>
เจาะลึกเรื่องแบตเตอรี (Batteries)
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...