เนื่องจากรถกระบะที่มีอยู่ตอนนี้เปลี่ยนมือเป็นกรรมสิทธิ์ของพี่ชายกับน้องชายไปแล้วคับ (รับมรดกเพราะคุณพ่อเสียได้ปีกว่าๆแระคับ) ส่วนผมกับพี่สาวได้รถเก๋งเก่าๆคนละคัน(3ห่วง) แต่ผมกับพี่สาวยังอยู่ด้วยกันเพราะไม่มีครอบครัว มีแต่หลานๆมาอยู่ด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องใช้รถกระบะคับ ก้อเลยกะว่าจะเอา3ห่วง1คันไปเทิร์นออกกระบะมือสองล่ะคับ(ออกมือ1ไม่ไหวแพงเกินความจำเป็น)ที่เคยถามเรื่องนิสสันไปแล้วคงเปลี่ยนใจคับ ตอนนี้ก้อมองไว้คือมิตซูล้วนๆคับ เพราะชอบเรื่องช่วงล่างกับเครื่องที่คุ้นเคย(4d56) เลยอยากสอบถามคับว่าชั่วโมงนี้เลือกตัวไหนคุ้มสุดระหว่าง 1.สตราด้า2.8glxปี05 ปั๊มดิบ ส่วนตัวชอบและคิดว่าดูแล ซ่อมบำรุงได้ง่าย โมพอท้วมๆได้ง่าย ทนทาน รถยังปีใหม่อยู่น่าจะใช้ได้อีกนาน(คันเก่าปี96ช่วงล่างเดิมยังอยู่ได้ตั้งนาน) 2.ไทรทั่น2.5gl ปี06 ปั๊มไฟฟ้า ส่วนตัวเห็นว่าเพิ่มอีกนิดหน่อยได้รถบอดี้ใหม่ ช่วงล่างยังสด เครื่อง4d56น่าจะใส่ปั๊มดิบได้ โมท้วมๆน่าจะง่าย แต่เสียดายออฟชั่นน้อยไป แต่แลกกับความสดกว่าสตรด้าก้อน่าจะคุ้มกว่า(สตราด้เดิมก้อกระจกมือหมุน ก้อใช้มาได้เป็น10ปีอิอิ) 3.ไทรทั่น2.5glx คอมมอนเรล อันนี้ก้ออยากได้คับเพราะดูจะคุ้มสุดได้ทั้งความสด และเครื่องยนต์รุ่นใหม่ ออฟชั่นโอเค (แต่คงเป็นหนี้เพิ่มอิอิ) แต่เครื่องคอมมอนเรลนี่ไม่เคยใช้(เคยได้ขับอีสุสุ) กลัวเรื่องซ่อมบำรุงและการโมเพิ่มฌพราะใช้เงินสูง(กล่องแพง) และคอมมอนเรลของไทรทั่นตัวแรกๆทำไมเสียงมันดังน่ากลัวมากคับ(ดังกว่า4d56ที่ผมเคยใช้อีก) ตัวแรกมันมีปัญหาเรื่องเครื่องหรือป่าวคับ กลัวเอามาแล้วต้องซ่อมนี่คงไม่ไหวคับ เลยมารบกวนพี่ๆเพื่อนๆน้องๆแนะนำหน่อยคับ จะได้มีข้อมูลในการตัดสินใจเพิ่มคับ ไม่ใช่ว่ามาอวดร่ำอวดรวยอะไรนะคับ เพราะมันเป็นของพ่อทำมาให้คับ ถ้าเป็นตัวผมเองก้อคงไม่มีปัญญาคับ รบกวนขอคำแนะนำด้วยคับขอบคุณล่วงหน้าคับ
1.สตราด้า2.8glxปี05 ปั๊มดิบ ส่วนตัวชอบและคิดว่าดูแล ซ่อมบำรุงได้ง่าย โมพอท้วมๆได้ง่าย ทนทาน รถยังปีใหม่อยู่น่าจะใช้ได้อีกนาน(คันเก่าปี96ช่วงล่างเดิมยังอยู่ได้ตั้งนาน) ผมเชียร์ครับตัวนี้ ลองดูครับหมดเงินไม่เยอะแต่วิ่งดีครับ
ไม่ 1 ก็ 3 แต่เป็น3 นี่เลือกเชฟก็ดีนะครับ สุดท้ายยก็ขึ้นกับงบ ต่อไปปั๊มดิบก็จะค่อยๆหายไปนะครับ ถ้าจะใช้นานๆก็ลองคิดดูครับ
ตายด้าน!!เอ้ยไทรทั่น เกียร์ก็เยี่ยม เฟืองท้ายก็ดีมาตั้งแต่เกิด อัตราทดนี่น้องๆหรือไม่ก็เทียบเท่า J เลยอ่า(น้าจิตรรวมช่างฯบอกมาครับ) แต่ได้ยินมาว่าบูสต์มากแล้วน้ำชอบหายจริงเท็จยังงัยก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
เชียรไททั่นครับเสียงเคื่องที่ดังพี่เคยได้ยินไหมว่าเงียบพังดังวิ่งล้อเล่นครับที่ดังมันมาจากเวอร์ชั่นของกล่องครับมันมีหลายเวอร์ชั่นมาก(กล่องเดิมที่มาจากโรงงานนะครับ อย่างตัว 2500 116 ม้า ใช้เวอร์ชั่น 3 มันจะดังแต่เซฟน้ำมัน ถ้า เวอร์ชั่น 5 จะเงียบแต่กลิ่นน้ำมัน แต่ถ้าอยากแรงในกล่องเดิมไปเอาโปรมแกรมของเครื่อง 3200 เวอร์ชั่น 5 มาลงแรงทันตาเห็นในงบไม่เกิน 300 บาท น้องๆกล่องดันราง และอีกอย่างเกียรและเฟืองท้ายเดิมไททั่นบางคันที่วิ่งกันในสนามยังใช้ของเดิมอยุ่เลยครับ งั้นเอาข้อดีอีกข้อล้อมัน 5 รู114 มาจากโรงงานหาล้อลายสวยง่ายดีไม่ต้องแปลงอะลืมบอกไปอีกข้อที่ว่าเครื่องดังอะครับพี่ลองไปนั่งในรถนะครับผมว่าเก็บเสียงดีนะ ส่วนของเสียไม่รุ้อะครับเพราะใช้แต่ไททั่นอะพี่ ลองดูครับแล้วจะรู้ว่า 116 ล้อม้าก็มันได้ (โปรดใช้วิจรยานในการรับฟัง)
ถ้าเป็นตัว2.8ปั๊มดิบ ผมอ่ะมีพอดีคับคุณเอ๋ แต่ก้ออย่างว่าคับอยากลองเทคโนโลยีใหม่ๆบ้างเหมือนกันคับเสียดายไหนๆจะซื้อทั้งที ถ้าคอมมอนเรลก้อต้องเป็นหนี้อีกเหมือนกันคับ ลังเลอยู่คับเนี่ยอิอิ หรือไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐดีกว่าน้อ
ไทรทัน คอมมอนเรลเลยครับ ผมว่าช่วงล่างกับเบรคแน่นอนดี เรื่องเครื่องยนต์เสียงดัง สามารถแก้ไขโดยการอัพโหลดโปรแกรมกล่องจากศูนย์บริการได้นะครับ เป็น v.5 เสียงเครื่องจะเรียบมาก แล้วไม่ดัง แต่ว่าเวลาเบิ้ลเครื่องรอบมันจะช้านะครับ ถ้ายอมรับเสียงแขกได้ ก็ใช้เป็น v.3 ตัวเดิมนี่แหละครับ รอบเครื่องไวดี ---------- เพิ่มกระทู้เมื่อ 21:09:39 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 21:09:20 ---------- ไทรทัน คอมมอนเรลเลยครับ ผมว่าช่วงล่างกับเบรคแน่นอนดี เรื่องเครื่องยนต์เสียงดัง สามารถแก้ไขโดยการอัพโหลดโปรแกรมกล่องจากศูนย์บริการได้นะครับ เป็น v.5 เสียงเครื่องจะเรียบมาก แล้วไม่ดัง แต่ว่าเวลาเบิ้ลเครื่องรอบมันจะช้านะครับ ถ้ายอมรับเสียงแขกได้ ก็ใช้เป็น v.3 ตัวเดิมนี่แหละครับ รอบเครื่องไวดี
ปั๊ม ดิบ ซ่อมง่าย เผื่อไป แป็ก ไกล ๆ ครับ แต่ ทุกวันนี้ ถ้าเอาแรง ง่าย ผมยอม คอม ฯ แต่ราคา ค่าตัว รวมถึง การโม ยัง สูงอยู่ ครับ (ส่วนตัวนะ ) แต่ ................. ถ้าเป็นผม ใช้งาน เอามาใช้งานจริง ๆไม่คิดอะไร 1 . เลือก กระบะ อะไรก็ได้ แล้วแต่ชอบ (ถ้าเป็นผม ชอบบอดี้ตามังกร) วางเจเติมแกส ...... 2. เลือก อีสุอีกแหละ .... ประหยัดดี ซ่อมง่าย ฉุกเฉิน เข้าอู่ไหนก็ได้ ครับ ถ้าเป็นเครื่อง คอมฯ เพื่อนผม เคยมีประสพการณ์ ..... แต่นานแล้ว ปีนึงและ ไป ร่วง แถว ๆ ตะกั่วป่า พังงา ... กล่องพัง โนไปเยอะ + รอนานโคตร ๆ กว่าจะได้กลับ รอกล่องใหม่ + ใส่ เซ็ต ............... ต้องลองเลือกดู ครับ แต่ปัจจุบัน เครื่องคอม ผมว่า ช่าง ต่างหวัดก็ น่าจะ ซ่อมกันได้แล้ว ครับ แต่ถ้าให้เลือก ตามที่ พี่ ตั้งโจทย์มา ผมคงเลือก บอดี้ไททรัน เพราะ แคบใหญ่ นั่ง สบายกว่า ครับ รับส่ง หลาน ๆ ได้ สบายเลย ........................................... ลองดูครับ
โทษทีครับ สตราด้า งั้นแคปก็ใหญ่เหมือนกัน แต่คงเลือกไทรทรัน อยู่ดี เพราะ .................... รถใหม่ มีผลต่อการรับ ญ ครับ เหอ ๆ
1. VE Pump อนุรักษ์แนวRetro ทำง่าย แต่งง่ายบำรุงรักษาง่าย 2. ปั้มไฟฟ้าตัดทิ้ง ไม่แนะนำ ทำได้ไม่มาก 3. Commonrail ก็แนะเป็นพวกเซพกับอีซุดีก่า แต่ถ้ารักมิตซูหรือไทรตั้นก็ต้องยอมเสียเวลาให้มันหน่อยละกันคับ
เอางี้ใจรักอะไรก็จัดไป ของทุกอย่างมีดีมีเสียคับ แล้วค่อยไปเครียดทีหลัง 55555 เอาแบบงบถึงจ่ายไหว ไม่เครียดอ่ะครับ เรื่องโมค่อยว่าทีหลัง
พี่โอ ผมหนับหนุน รถอะไรก็ได้ ที่เป็นหนี้ค่างวดน้อยที่สุด หุหุ ไม่ใช่อะไรครับพี่ ลองนึกถึงเวลาสิ้นเดือน มันใจหายยังไงไม่รู้เนอะพี่
อัพไปอีก ยังไงก็ อีซุปั้มดิบคับ บำรุงรักษาง่าย ไป ตจว. พังมางหาสาเหตุง่ายกว่า แต่ก็ต่างจิต ต่างใจคับ แต่ล่ะคนคิดไม่เหมือนกัน อิอิ
คอมมอนเรลไทรทั่น มีปัญหาในเรื่องอะไรหรอคับ(ทำไมหลายท่านไม่อยากให้เล่นจัง)ขอรายละเอียดเป็นความรู้หน่อยคับ ขอบคุณคับ
ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยครับ เพราะว่าที่บ้านมี ไทรทันอยู่ 2 คัน มีดีแม็กช์ 2.5 2คัน แต่ไทรทันไม่เคยเป็นไรเลยครับ ส่วนดีแม็กช์เครื่องพังไปคันนึงแล้ว ส่วนตัวนะครับ ผมว่าถ้าเอารถมาโมเครื่องยนต์หนักๆ หรือเน้นไปงานยาวๆ ผมว่าไง เครื่องตระกลูมิตซูก็ทนสุด ตัวอย่างเช่น อัตราส่วนการอัดก็น้อย เครื่องไม่ค่อยร้อน แถมตัวหัวลูกสูบของไทรทัน คอมมอนเรล ก็ทนทานกว่าเพื่อนนะครับ เพราะว่าลูกสูบเค้า จะเคลือบสาร กราไฟท์ มาจากโรงงานแล้ว
เท่าที่เคยคุยกับคนจูนไทรทรันนะ(ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า) เขาบอกว่าข้อมูลในกล่องECUของไทรทรันมันมีทั้งหมด4ชุด ชุดแรกคือชุดที่ใช้คุมการทำงานของเครื่องยนต์ และชุดนี้แหล่ะที่เราเอากล่องเข้าไปพ่วง เวลาปรับจูนมันก็จะจูนได้ไม่เต็มที่ เพราะถ้าจูนมากเกินลิมิตที่กล่องมันจะรับได้ กล่องมันก็จะเปลี่ยนไปเป็นข้อมูลชุดที่สองเพื่อให้การทำงานของเครื่องยนต์กลับมาสู่สภาวะปกตินั่นเอง อันนี้ฟังเขามาแล้วมาบอกอีกทีนะครับผิดถูกยังไงก็ขออภัยด้วยครับ + อ้างถึง ตอบกลับ