Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Pickup Car Clubs
>
Sport Truck.
>
<<<Midnight Racing>>>
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="Reloaded, post: 1239512, member: 30843"]*Los Angeles, California / Free Way, Interstate 5 / Sunday 3.30 am.</p><p>พอร์ช 911 คาเรร่า 2 กำลังเร่งความเร็วแข่งกับนิสสัน 300 ZX อย่างดุเดือด การแข่งรถบนพรีเวย์ของคนแถบนี้ใช้ระยะทางยาวเกินกว่า 20 กิโลเมตรขึ้นไป รถคันไหนไม่เหนียวจริงจะทนต่อการใช้งานในสภาวะเช่นนี้ไม่ได้ คนที่โมดิฟายรถเองเท่านั้นที่จะรู้ดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในช่วงความเร็วขนาดนี้ 911 ยังคงนำหน้าอยู่สักครึ่งคัน 300 ZX ตีคู่ และมีท่าทีว่าจะแซงได้ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องตกใจเมื่อขับลงเนินมาแล้วเห็นเหตุการณ์ข้างหน้า</p><p>รถเทรลเลอร์แบบหัวลากพร้อมตู้พ่วงขนาด 24 ล้อพลิกตะแคงขวางถนน 8 เลนไปเกือบหมด พร้อมกับมีวัสดุคล้ายกล่องขนาดใหญ่ที่บรรทุกมาตกเกลื่อนถนน ดูแล้วคาดว่าเหตุการณ์คงเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เนื่องจากยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และป้ายให้สัญญาณไฟที่อยู่เหนือหัวยังไม่ได้มีข้อความว่ามีการเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด </p><p>ความเร็วเกิน 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง กับรถแข่งนอกกฎหมายสองคัน กับช่องการจราจรที่เหลือเพียงขอบทางเพียงด้านละ 1 เลน</p><p>นักซิ่งทั้งสองยกคันเร่งเกือบจะพร้อมกัน เหมือนรู้หน้าที่ จากรถที่ขับเคียงคู่กันมาก็แยกออกเป็นคนละทาง ระยะห่างระหว่างรถที่เพิ่งเริ่มจะแตะเบรกกับรถเทรลเลอร์จอดขวางห่างกันประมาณ 300 เมตร แต่อุปสรรคมีเพิ่มอีกคือวัสดุขนาดใหญ่ที่กองอยู่เกลื่อนกลาด</p><p>911 เป็นรถสปอร์ตเต็มตัวมากับเบรกคุณภาพสูง เจ้าของจึงกดแป้นเบรกได้เต็มแรง แม้อาการของรถที่ความเร็วเกิน 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง นั้นไม่เคยมีนิตยสารเล่มใดทดสอบมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว </p><p>เอียดดดดดดดดดด...เสียงยางเสียดสีกับผิวถนนดังลั่น ถึงแม้จะมี ABS แต่ความเร็วที่เกินธรรมดาบวกกับผิวถนนที่เปียกชื้นเพราะอากาศเย็น 911 จึงลื่นไถลถึงตอนนี้หน้ายางขนาด 275 มิลลิเมตร ดูจะเป็นตัวเพิ่มความอันตรายให้แก่ผู้ขับเสียแล้ว เพราะยางหน้ากว้างเมื่อตกอยู่ในสภาวะลื่นไถล จะออกอาการมากกว่ายางหน้าแคบที่มีผิวสัมผัสน้อยกว่า ใครที่คิดว่ายางหน้ากว้างๆ จะดีกว่าของเดิมติดรถในทุกๆ ด้านโปรดคิดใหม่</p><p>300 ZX ดูออกอาการน้อยกว่า เพราะใช้ล้อและยางที่เพิ่มขนาดขึ้นไม่มากนัก หน้ายางที่กว้าง 225 มิลลิเมตร จะลื่นไถลน้อยกว่า 275 มิลลิเมตร มากอย่างเห็นได้ชัด เบรกที่ความเร็วเท่ากันบนผิวถนนลื่น 300 ZX จึงทรงตัวได้ดีกว่า เมื่อความเร็วลดลงจนอยู่ในย่านที่ผู้ขับคุมอยู่จึงสามารถบังคับให้ผ่านช่องทางเล็กๆ และหลุดรอดจากการชนไปได้ ส่วน 911 ยังคงลื่นไถลไปไกลว่า 50 เมตร รถมีอาการสไลด์แถเอาข้างไปอย่างไร้จุดหมายและท้ายรถแกว่งไปมาอยู่หลายเที่ยว ผู้ขับทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากรอเพียงโอกาสที่ความเร็วจะลดลงเท่านั้น และโชคจะเข้าข้างเท่านั้น</p><p>แต่ทว่าระยะห่างระหว่างรถที่พลิกตะแคงนั้นกระชั้นมากขึ้น การปล่อยให้รถตัวเองช้าลงดูจะไม่ทันการเสียแล้ว ความเร็วบนหน้าปัดยังชี้เกิน 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนคันเกียร์ยังอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุดคือเกียร์ 6 เวลาไม่มีเหลือพอให้ตัดสินใจอะไรมากนัก รถที่ลื่นไถลค่อยๆ เข้าใกล้วัตถุจอดนิ่งมากยิ่งขึ้นทุกทีๆ </p><p>ขณะนี้ผู้ขับ 911 ดูจะเรียกสติกลับคืนมาได้แล้ว จากเกียร์ 6 ลดลงเหลือ 2 ทันที พร้อมกระแทกคันเร่งให้ล้อหลังหมุนฟรีเพื่อปรับการกระจายน้ำหนักของรถให้ไปอยู่ด้านท้ายอีกครั้ง ทันทีที่เข็มวัดรอบกวาดถึงเลข 6000 รถที่ไถลไม่รู้ทิศทางก็กลับนิ่ง เปลี่ยนเป็นคนละบุคลิกกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ผู้ขับเพียงแค่เลี้ยงพวงมาลัยประคองแต่งเท่านั้น พอคุมรถได้แล้ว ก็สามารถใช้เบรกเพื่อลดความเร็วได้อีกครั้ง และ 911 สามารถหยุดรถได้ก่อนที่จะพุ่งชนเพลาท้ายรถเทรลเลอร์เพียงไม่ถึง 4 ฟุต </p><p>ไม่มีใครลงมาดูรถตัวเองขณะอยู่บนฟรีเวย์ ผู้ขับ 911 ถอยรถและหาช่องทางเดินหน้าต่อ และพอพ้นจากสิ่งกีดขวางก็เห็น 300 ZX จอดติดเครื่องรออยู่ด้านขอบทางด้านขวา รถ 911 ขับช้าๆ ขึ้นไปเทียบข้าง แต่รถยังไม่เคลื่อนไปถึงดี 300 ZX ก็เร่งเครื่องเบิร์นยางจนควันขาวคลุ้งไปหมด </p><p>"ได้เลยเพื่อน" เจ้าของ 911 รำพึงในใจ กดเร่งรอบเครื่องยนต์จนท่อไอเสียแผดเสียงแตกพร่า</p><p>ไม่กี่อึดใจ รถสปอร์ตทั้งสองคันก็เริ่มการแข่งกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลืมเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เสียสนิทใจ หารู้ไม่ว่าถลำเข้าใกล้ความตายเข้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว</p><p><br /></p><p>* * * * * * * * * * *</p><p>Los Angeles, California / Free Way, Interstate 5 / Sunday 4.30 am.</p><p>พอร์ช คาเรร่า 2 ยังคงกดคันเร่งแช่จนสุด ทางด้านนิสสัน 300ZX แม้จะแพ้ด้านอัตราเร่ง แต่ท๊อปสปีดนั้นกลับทำได้สูงกว่าเพราะเป็นรถที่โมดิฟายมามาก เสียงเวสเกตท์ระบายไอเสียดังลั่นตลอดทางที่รถทั้งสองคันขับผ่าน </p><p>รถทั้งสองคันขับเคี่ยวกันมากว่า 20 กิโลเมตรแล้ว แม้เข็มความร้อนไม่ชี้ว่าผิดปกติ แต่เข็มวัดแรงดันและอุณหภูมิน้ำมันเครื่องต่างหากที่กำลังจะฟ้องเตือน หากไม่มีเรื่องผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเสียก่อน</p><p>เครื่องยนต์รหัส VG30DETT ปริมาตร 3000 ซีซี 6 สูบ รูปตัว V อัดอากาศเข้าห้องเผาไหม้ด้วยเทอร์โบขนาดย่อมสองตัวที่ทำงานแยกกันอย่างอิสระคนละพากของเสื้อสูบ การระบายความร้อนของตัวเทอร์โบอาศัยเพียงน้ำมันเครื่องที่ไหลผ่านแกนเทอร์ไบน์ ยิ่งขับแช่นานๆ น้ำมันเครื่องก็ยิ่งร้อน ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตัวเทอร์โบเลยแม้แต่น้อย </p><p>ผู้ขับคงคิดไม่ถึงว่าโข่งหลังของเทอร์โบได้เปลี่ยนจากสีเดิมที่เป็นโลหะกลายเป็นสีเหลืองออกไปทางส้ม ความร้อนที่ตัวเทอร์โบผลิตออกมาคือต้นเหตุที่ทำลายคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ไหลผ่าน รถที่ขับใช้งานในลักษณะนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้บ่อยกว่าปกติ และเลือกเกรดให้เหมาะสมกับการใช้งาน</p><p>เข็มในมาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่องเริ่มลดต่ำลง แต่เจ้าของคงไม่รู้เรื่อง ยังคงกดคันเร่งแช่ แต่ที่อันตรายมากไปกว่านั้นกลับเป็นเรื่องของระบบเบรกที่เพิ่งผ่านการใช้งานหนักมา</p><p>พอร์ช 911 ใช้ยางหน้ากว้าง 275 มิลลิเมตร แต่การที่รถลื่นไถลนั้นไม่ทำให้ยางเสียหายมากนัก ผิดกับ 300ZX ที่เบรกจนจานเบรกร้อนและเกิดรอยแตกที่รูเจาะแบบ Cross Drill ในจานเบรกหน้าที่เจ้าของโมดิฟายโดยการเจาะเอง หารู้ไม่มันคือดาบอีกคมหนึ่งที่กำลังจะหันมาฆ่าตัวเขาเอง</p><p>ความเร็วเกิน 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะกำลังจะเข้าโค้งขวาก็พบรถโดยสารขนาดใหญ่ขับชิดขวา แม้ถนนจะกว้างถึง 8 เลน แต่ฝั่งซ้ายปิดการจราจรไปเสีย 2 เลน ผู้ขับไม่รู้ตัวล่วงหน้า ป้ายเตือนแบบเหนือศีรษะ (Over Head Sign) ก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด </p><p>ถนนที่เหลืออีกมากถึง 5 ช่องการจราจร แต่รถทั้งคู่กล้าเสี่ยงเพราะมุมโค้งของถนนและรถโดยสารขนาดใหญ่ขับบังไว้เสียสนิท ไม่มีใครแน่ใจว่าการจราจรที่ปิดอยู่สองเลนซ้ายสุดจะมีวัสดุหรือสิ่งอื่นใดยื่นล้ำออกมามากกว่าที่เห็นหรือไม่ เพราะไม่มีการติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบบอกแต่อย่างใดเลย</p><p>รถแข่งนอกกฎหมายทั้งคู่ต้องเบรกกะทันหันอีกครั้ง คราวนี้ 911 ออกอาการน้อยกว่า เครื่องยนต์วางหลังทำให้น้ำหนักถ่ายมาทางด้านหน้าขณะเบรกได้น้อยกว่า ส่วน 300ZX ที่เครื่องยนต์วางด้านหน้า แถมต้องกดเบรกในโค้งเสียอีก ยังไม่พอ ปัจจัยสำคัญคือจานเบรกหน้าในด้านขวาที่เกิดรอยแตกแล้วต่างหาก</p><p>การยึดเกาะและการตอบสนองของ 911 ดีกว่ามาก จึงขับขึ้นหน้าพุ่งทะยานออกจากโค้งไปได้ก่อน 300ZX เบรกสั่นมากจนจานแกว่ง ร่องคมของจานเบรกที่เป็นรอยแตกค่อยๆ หั่นเฉือนเนื้อผ้าเบรกจนหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เกิดความร้อนสะสมในระบบมากจนน้ำมันเบรก Dot 5 เดือด แป้นเบรกที่เคยตั้งอยู่สูงสามารถกดยุบได้จนติดพื้นรถราวกับแป้นคลัตช์ กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งเข้ามาในห้องโดยสาร </p><p>ความเร็วลดจาก 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง เหลือเพียงแค่160 ระบบเบรกก็ตัดการทำงาน เพราะน้ำมันเบรกหมดคุณสมบัติในการส่งผ่านแรงดัน จานเบรกที่เกิดรอยแตกขนาดยาวกำลังจะแยกตัวหลุดออกเป็นชิ้นๆ ส่วนผ้าเบรกนั้นหลุดรุ่ยเป็นขุยหายไปหมดแล้วเหลือแต่เปลือกนอกด้านที่ติดกับคาลิเปอร์เท่านั้น</p><p>ผู้ขับแม้จะตกใจแต่ยังดูจะมีสติดี ทำอะไรไม่ได้มากนอกเสียจากปล่อยให้รถมีความเร็วน้อยลง ขณะนี้รถกำลังอยู่กลางโค้ง แต่สถานการณ์ข้างหน้าดูจะยิ่งแย่เสียยิ่งกว่า เพราะมองไปก็เห็นแต่ไฟท้ายสีแดงของรถขนส่งและรถโดยสารจอดเต็มไปหมด กลิ่นเหม็นไหม้ยังไม่จางหาย ลองแตะเบรกดูก็ยังมีอาการเหมือนเดิมคือ 'จม' </p><p>พอร์ช 911 อาศัยความไวเล็ดลอดท้ายแถวที่จอดอยู่ของรถขนาดใหญ่ไปได้ แต่นิสสัน 300ZX ยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง แม้อยากเบรกแทบขาดใจ แต่ทำไม่ได้ ทุกครั้งที่กดแป้นเบรกก็ได้ยินแต่เสียงโลหะเสียดสีกัน แถมความเร็วก็ไม่ได้ลดลงไปสักเท่าไรเลย ไฟท้ายสีแดงสดจำนวนมากที่อยู่ด้านหน้าเริ่มมองชัดเจนมากขึ้นทุกที </p><p>ผู้ขับต้องลดความเร็วลงให้ได้ หรือไม่ก็ต้องยืดระยะห่างระห่างรถตัวเองกับท้ายรถที่จอดอยู่เป็นจำนวนมากให้ยาวขึ้น ไม่มีช่องทางอื่นให้เล็ดลอดไปไหนเลยแม้แต่น้อย </p><p>ระบบบังคับเลี้ยวยังคงเป็นปกติดี เบรกมือที่ใช้สายเคเบิลสั่งงานยังสามารถใช้ได้ ผู้ขับจะต้องตัดสินใจว่าจะทำอะไรโดยด่วนก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น </p><p>แต่ผู้ขับดูเหมือนจะใจเย็น ยังคงลองกดแป้นเบรกอยู่หลายครั้ง แม้ว่าอาการตอบสนองของรถยังคงเดิม เหยียบๆ ย่ำๆ อยู่นานจนจานเบรกที่แตกเกิดหลุดกระเด็นออกมาข้างนอก จานเบรกที่บิดเบี้ยวและแตกมีรอยคมบาดและเฉือนตัวคาลิเปอร์จนสึกไปถึงลูกสูบด้านใน ทำให้น้ำมันเบรกทะลักออกจากระบบทั้งหมด</p><p>แป้นเบรกจมค้างสนิทกับพื้นรถไม่ยอมเด้งขึ้นทำให้ผู้ขับตกใจมากยิ่งขึ้น ไหนยังจะลนลานกับรถขนาดใหญ่ที่จอดเรียงแถวอยู่ด้านหน้าอีกหลายคัน ไม่มีเวลามากพอสำหรับความเร็วที่ยังเกิน 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง อีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนี้เลือกได้เพียงแค่ว่าจะ 'ชนตรงไหน' เท่านั้น </p><p>ผู้ขับเปิดไฟสูง กดแตร แล้วจึงเลือกพุ่งเข้าชนท้ายรถขนส่งสินค้าคันหนึ่ง</p><p>'โครมมม.. ม .. ม เปรี้ยงง ..ง .ง.' </p><p>ถุงลมนิรภัยทั้ง 2 ใบในรถพองตัวออกทันทีก่อนที่ใบหน้าจะฟาดลงไปบนด้านบนของวงพวงมาลัย แม้จะรู้ตัวผู้ขับจึงเอามือยันพวงมาลัยไว้แล้ว แต่ไม่อาจทานแรงปะทะมหาศาลนั้นได้ การพุ่งเข้าชนแบบไม่เบรกเลยทำให้รถบรรทุกพุ่งไปชนคันหน้าอีกทอดหนึ่งอย่างแรง ถึงแม้ว่าผู้ขับรถใหญ่จะเหยียบเบรกไว้แล้วก็ตามที</p><p>การปะทะที่แรงมากทำให้พวงมาลัยอัดปะทะลำตัวท่อนบนของผู้ขับจนบิดเบี้ยวทั้งวง ถุงลมนิรภัยแตกและหลุดกระเด็นออกมานอกเบ้า เหลือเพียงแต่คอกับแกนพวงมาลัยที่ลักษณะคล้ายหอกทิ่มปักอยู่ที่หน้าอกผู้ขับ หน้ารถย่นยับยู่ กันชนหน้ามารวมกับแผงคอลโซลหน้าปัดและถูกอัดดันยกตัวขึ้นไปอยู่ติดบนหลังคาตอนหน้า รถมีสภาพไม่ต่างอะไรไปจากกองเศษเหล็ก เครื่องยนต์แตกกระจายไปซุกอยู่ใต้ท้องรถบรรทุก เรือนเกียร์ที่ฉีกขาดสองท่อนมาอยู่แทนที่ตำแหน่งผู้ขับ</p><p>กระจกทุกบานแตกละเอียดเกลื่อนกระจาย พื้นรถตรงที่วางเท้าด้านหน้าฉีกขาดเป็นแนวยาว บานประตูย่นยู่จนเสียรูปและดีดเปิดออกอย่างแรง เสา A กับ B อัดบี้รวมกลายเป็นชิ้นเดียวกัน หลังคา พริ้วเป็นลอนก่อนที่จะบิดตัวเป็นรูปคลื่นขนาดใหญ่และเผยอตัวขึ้นที่ด้านหลัง ซุ้มล้อหลังทั้งสองข้างบิดและฉีกขาดจนหลุดรุ่ย ฝาท้ายบิดเบี้ยวจนไฟท้ายแตก แรงปะทะทำให้ท้ายรถลอยสูงขึ้นสัก 2 ฟุต และตกลงพื้นพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกลามมาจากทางด้านหน้า โครงรถแอ่นโค้งขึ้น ชิ้นส่วนทุกอย่างเสียหายหมด จะเหลือก็แต่เพียงแผ่นป้ายทะเบียนหลังที่สภาพยังพอดูได้ว่าเป็นทะเบียนอะไรอยู่เพียงชิ้นเดียว</p><p>ผู้ขับเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ</p><p>พอร์ช 911 ขับนำไปไกลมากแล้ว แต่ผู้ขับยังคงมองกระจกส่องหลังหาเพื่อนที่อัดรถด้วยกันมาตลอดทาง ชะเง้อมองผ่านกระจกหลังเท่าไรก็หาไม่เจอ</p><p>แล้วจู่ๆ ก็พบรถนิสสัน 300ZX คันนั้นนำอยู่ข้างหน้า![/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="Reloaded, post: 1239512, member: 30843"]*Los Angeles, California / Free Way, Interstate 5 / Sunday 3.30 am. พอร์ช 911 คาเรร่า 2 กำลังเร่งความเร็วแข่งกับนิสสัน 300 ZX อย่างดุเดือด การแข่งรถบนพรีเวย์ของคนแถบนี้ใช้ระยะทางยาวเกินกว่า 20 กิโลเมตรขึ้นไป รถคันไหนไม่เหนียวจริงจะทนต่อการใช้งานในสภาวะเช่นนี้ไม่ได้ คนที่โมดิฟายรถเองเท่านั้นที่จะรู้ดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในช่วงความเร็วขนาดนี้ 911 ยังคงนำหน้าอยู่สักครึ่งคัน 300 ZX ตีคู่ และมีท่าทีว่าจะแซงได้ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องตกใจเมื่อขับลงเนินมาแล้วเห็นเหตุการณ์ข้างหน้า รถเทรลเลอร์แบบหัวลากพร้อมตู้พ่วงขนาด 24 ล้อพลิกตะแคงขวางถนน 8 เลนไปเกือบหมด พร้อมกับมีวัสดุคล้ายกล่องขนาดใหญ่ที่บรรทุกมาตกเกลื่อนถนน ดูแล้วคาดว่าเหตุการณ์คงเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เนื่องจากยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และป้ายให้สัญญาณไฟที่อยู่เหนือหัวยังไม่ได้มีข้อความว่ามีการเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด ความเร็วเกิน 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง กับรถแข่งนอกกฎหมายสองคัน กับช่องการจราจรที่เหลือเพียงขอบทางเพียงด้านละ 1 เลน นักซิ่งทั้งสองยกคันเร่งเกือบจะพร้อมกัน เหมือนรู้หน้าที่ จากรถที่ขับเคียงคู่กันมาก็แยกออกเป็นคนละทาง ระยะห่างระหว่างรถที่เพิ่งเริ่มจะแตะเบรกกับรถเทรลเลอร์จอดขวางห่างกันประมาณ 300 เมตร แต่อุปสรรคมีเพิ่มอีกคือวัสดุขนาดใหญ่ที่กองอยู่เกลื่อนกลาด 911 เป็นรถสปอร์ตเต็มตัวมากับเบรกคุณภาพสูง เจ้าของจึงกดแป้นเบรกได้เต็มแรง แม้อาการของรถที่ความเร็วเกิน 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง นั้นไม่เคยมีนิตยสารเล่มใดทดสอบมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว เอียดดดดดดดดดด...เสียงยางเสียดสีกับผิวถนนดังลั่น ถึงแม้จะมี ABS แต่ความเร็วที่เกินธรรมดาบวกกับผิวถนนที่เปียกชื้นเพราะอากาศเย็น 911 จึงลื่นไถลถึงตอนนี้หน้ายางขนาด 275 มิลลิเมตร ดูจะเป็นตัวเพิ่มความอันตรายให้แก่ผู้ขับเสียแล้ว เพราะยางหน้ากว้างเมื่อตกอยู่ในสภาวะลื่นไถล จะออกอาการมากกว่ายางหน้าแคบที่มีผิวสัมผัสน้อยกว่า ใครที่คิดว่ายางหน้ากว้างๆ จะดีกว่าของเดิมติดรถในทุกๆ ด้านโปรดคิดใหม่ 300 ZX ดูออกอาการน้อยกว่า เพราะใช้ล้อและยางที่เพิ่มขนาดขึ้นไม่มากนัก หน้ายางที่กว้าง 225 มิลลิเมตร จะลื่นไถลน้อยกว่า 275 มิลลิเมตร มากอย่างเห็นได้ชัด เบรกที่ความเร็วเท่ากันบนผิวถนนลื่น 300 ZX จึงทรงตัวได้ดีกว่า เมื่อความเร็วลดลงจนอยู่ในย่านที่ผู้ขับคุมอยู่จึงสามารถบังคับให้ผ่านช่องทางเล็กๆ และหลุดรอดจากการชนไปได้ ส่วน 911 ยังคงลื่นไถลไปไกลว่า 50 เมตร รถมีอาการสไลด์แถเอาข้างไปอย่างไร้จุดหมายและท้ายรถแกว่งไปมาอยู่หลายเที่ยว ผู้ขับทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากรอเพียงโอกาสที่ความเร็วจะลดลงเท่านั้น และโชคจะเข้าข้างเท่านั้น แต่ทว่าระยะห่างระหว่างรถที่พลิกตะแคงนั้นกระชั้นมากขึ้น การปล่อยให้รถตัวเองช้าลงดูจะไม่ทันการเสียแล้ว ความเร็วบนหน้าปัดยังชี้เกิน 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนคันเกียร์ยังอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุดคือเกียร์ 6 เวลาไม่มีเหลือพอให้ตัดสินใจอะไรมากนัก รถที่ลื่นไถลค่อยๆ เข้าใกล้วัตถุจอดนิ่งมากยิ่งขึ้นทุกทีๆ ขณะนี้ผู้ขับ 911 ดูจะเรียกสติกลับคืนมาได้แล้ว จากเกียร์ 6 ลดลงเหลือ 2 ทันที พร้อมกระแทกคันเร่งให้ล้อหลังหมุนฟรีเพื่อปรับการกระจายน้ำหนักของรถให้ไปอยู่ด้านท้ายอีกครั้ง ทันทีที่เข็มวัดรอบกวาดถึงเลข 6000 รถที่ไถลไม่รู้ทิศทางก็กลับนิ่ง เปลี่ยนเป็นคนละบุคลิกกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ผู้ขับเพียงแค่เลี้ยงพวงมาลัยประคองแต่งเท่านั้น พอคุมรถได้แล้ว ก็สามารถใช้เบรกเพื่อลดความเร็วได้อีกครั้ง และ 911 สามารถหยุดรถได้ก่อนที่จะพุ่งชนเพลาท้ายรถเทรลเลอร์เพียงไม่ถึง 4 ฟุต ไม่มีใครลงมาดูรถตัวเองขณะอยู่บนฟรีเวย์ ผู้ขับ 911 ถอยรถและหาช่องทางเดินหน้าต่อ และพอพ้นจากสิ่งกีดขวางก็เห็น 300 ZX จอดติดเครื่องรออยู่ด้านขอบทางด้านขวา รถ 911 ขับช้าๆ ขึ้นไปเทียบข้าง แต่รถยังไม่เคลื่อนไปถึงดี 300 ZX ก็เร่งเครื่องเบิร์นยางจนควันขาวคลุ้งไปหมด "ได้เลยเพื่อน" เจ้าของ 911 รำพึงในใจ กดเร่งรอบเครื่องยนต์จนท่อไอเสียแผดเสียงแตกพร่า ไม่กี่อึดใจ รถสปอร์ตทั้งสองคันก็เริ่มการแข่งกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลืมเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เสียสนิทใจ หารู้ไม่ว่าถลำเข้าใกล้ความตายเข้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว * * * * * * * * * * * Los Angeles, California / Free Way, Interstate 5 / Sunday 4.30 am. พอร์ช คาเรร่า 2 ยังคงกดคันเร่งแช่จนสุด ทางด้านนิสสัน 300ZX แม้จะแพ้ด้านอัตราเร่ง แต่ท๊อปสปีดนั้นกลับทำได้สูงกว่าเพราะเป็นรถที่โมดิฟายมามาก เสียงเวสเกตท์ระบายไอเสียดังลั่นตลอดทางที่รถทั้งสองคันขับผ่าน รถทั้งสองคันขับเคี่ยวกันมากว่า 20 กิโลเมตรแล้ว แม้เข็มความร้อนไม่ชี้ว่าผิดปกติ แต่เข็มวัดแรงดันและอุณหภูมิน้ำมันเครื่องต่างหากที่กำลังจะฟ้องเตือน หากไม่มีเรื่องผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเสียก่อน เครื่องยนต์รหัส VG30DETT ปริมาตร 3000 ซีซี 6 สูบ รูปตัว V อัดอากาศเข้าห้องเผาไหม้ด้วยเทอร์โบขนาดย่อมสองตัวที่ทำงานแยกกันอย่างอิสระคนละพากของเสื้อสูบ การระบายความร้อนของตัวเทอร์โบอาศัยเพียงน้ำมันเครื่องที่ไหลผ่านแกนเทอร์ไบน์ ยิ่งขับแช่นานๆ น้ำมันเครื่องก็ยิ่งร้อน ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตัวเทอร์โบเลยแม้แต่น้อย ผู้ขับคงคิดไม่ถึงว่าโข่งหลังของเทอร์โบได้เปลี่ยนจากสีเดิมที่เป็นโลหะกลายเป็นสีเหลืองออกไปทางส้ม ความร้อนที่ตัวเทอร์โบผลิตออกมาคือต้นเหตุที่ทำลายคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ไหลผ่าน รถที่ขับใช้งานในลักษณะนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้บ่อยกว่าปกติ และเลือกเกรดให้เหมาะสมกับการใช้งาน เข็มในมาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่องเริ่มลดต่ำลง แต่เจ้าของคงไม่รู้เรื่อง ยังคงกดคันเร่งแช่ แต่ที่อันตรายมากไปกว่านั้นกลับเป็นเรื่องของระบบเบรกที่เพิ่งผ่านการใช้งานหนักมา พอร์ช 911 ใช้ยางหน้ากว้าง 275 มิลลิเมตร แต่การที่รถลื่นไถลนั้นไม่ทำให้ยางเสียหายมากนัก ผิดกับ 300ZX ที่เบรกจนจานเบรกร้อนและเกิดรอยแตกที่รูเจาะแบบ Cross Drill ในจานเบรกหน้าที่เจ้าของโมดิฟายโดยการเจาะเอง หารู้ไม่มันคือดาบอีกคมหนึ่งที่กำลังจะหันมาฆ่าตัวเขาเอง ความเร็วเกิน 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะกำลังจะเข้าโค้งขวาก็พบรถโดยสารขนาดใหญ่ขับชิดขวา แม้ถนนจะกว้างถึง 8 เลน แต่ฝั่งซ้ายปิดการจราจรไปเสีย 2 เลน ผู้ขับไม่รู้ตัวล่วงหน้า ป้ายเตือนแบบเหนือศีรษะ (Over Head Sign) ก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด ถนนที่เหลืออีกมากถึง 5 ช่องการจราจร แต่รถทั้งคู่กล้าเสี่ยงเพราะมุมโค้งของถนนและรถโดยสารขนาดใหญ่ขับบังไว้เสียสนิท ไม่มีใครแน่ใจว่าการจราจรที่ปิดอยู่สองเลนซ้ายสุดจะมีวัสดุหรือสิ่งอื่นใดยื่นล้ำออกมามากกว่าที่เห็นหรือไม่ เพราะไม่มีการติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบบอกแต่อย่างใดเลย รถแข่งนอกกฎหมายทั้งคู่ต้องเบรกกะทันหันอีกครั้ง คราวนี้ 911 ออกอาการน้อยกว่า เครื่องยนต์วางหลังทำให้น้ำหนักถ่ายมาทางด้านหน้าขณะเบรกได้น้อยกว่า ส่วน 300ZX ที่เครื่องยนต์วางด้านหน้า แถมต้องกดเบรกในโค้งเสียอีก ยังไม่พอ ปัจจัยสำคัญคือจานเบรกหน้าในด้านขวาที่เกิดรอยแตกแล้วต่างหาก การยึดเกาะและการตอบสนองของ 911 ดีกว่ามาก จึงขับขึ้นหน้าพุ่งทะยานออกจากโค้งไปได้ก่อน 300ZX เบรกสั่นมากจนจานแกว่ง ร่องคมของจานเบรกที่เป็นรอยแตกค่อยๆ หั่นเฉือนเนื้อผ้าเบรกจนหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เกิดความร้อนสะสมในระบบมากจนน้ำมันเบรก Dot 5 เดือด แป้นเบรกที่เคยตั้งอยู่สูงสามารถกดยุบได้จนติดพื้นรถราวกับแป้นคลัตช์ กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งเข้ามาในห้องโดยสาร ความเร็วลดจาก 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง เหลือเพียงแค่160 ระบบเบรกก็ตัดการทำงาน เพราะน้ำมันเบรกหมดคุณสมบัติในการส่งผ่านแรงดัน จานเบรกที่เกิดรอยแตกขนาดยาวกำลังจะแยกตัวหลุดออกเป็นชิ้นๆ ส่วนผ้าเบรกนั้นหลุดรุ่ยเป็นขุยหายไปหมดแล้วเหลือแต่เปลือกนอกด้านที่ติดกับคาลิเปอร์เท่านั้น ผู้ขับแม้จะตกใจแต่ยังดูจะมีสติดี ทำอะไรไม่ได้มากนอกเสียจากปล่อยให้รถมีความเร็วน้อยลง ขณะนี้รถกำลังอยู่กลางโค้ง แต่สถานการณ์ข้างหน้าดูจะยิ่งแย่เสียยิ่งกว่า เพราะมองไปก็เห็นแต่ไฟท้ายสีแดงของรถขนส่งและรถโดยสารจอดเต็มไปหมด กลิ่นเหม็นไหม้ยังไม่จางหาย ลองแตะเบรกดูก็ยังมีอาการเหมือนเดิมคือ 'จม' พอร์ช 911 อาศัยความไวเล็ดลอดท้ายแถวที่จอดอยู่ของรถขนาดใหญ่ไปได้ แต่นิสสัน 300ZX ยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง แม้อยากเบรกแทบขาดใจ แต่ทำไม่ได้ ทุกครั้งที่กดแป้นเบรกก็ได้ยินแต่เสียงโลหะเสียดสีกัน แถมความเร็วก็ไม่ได้ลดลงไปสักเท่าไรเลย ไฟท้ายสีแดงสดจำนวนมากที่อยู่ด้านหน้าเริ่มมองชัดเจนมากขึ้นทุกที ผู้ขับต้องลดความเร็วลงให้ได้ หรือไม่ก็ต้องยืดระยะห่างระห่างรถตัวเองกับท้ายรถที่จอดอยู่เป็นจำนวนมากให้ยาวขึ้น ไม่มีช่องทางอื่นให้เล็ดลอดไปไหนเลยแม้แต่น้อย ระบบบังคับเลี้ยวยังคงเป็นปกติดี เบรกมือที่ใช้สายเคเบิลสั่งงานยังสามารถใช้ได้ ผู้ขับจะต้องตัดสินใจว่าจะทำอะไรโดยด่วนก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น แต่ผู้ขับดูเหมือนจะใจเย็น ยังคงลองกดแป้นเบรกอยู่หลายครั้ง แม้ว่าอาการตอบสนองของรถยังคงเดิม เหยียบๆ ย่ำๆ อยู่นานจนจานเบรกที่แตกเกิดหลุดกระเด็นออกมาข้างนอก จานเบรกที่บิดเบี้ยวและแตกมีรอยคมบาดและเฉือนตัวคาลิเปอร์จนสึกไปถึงลูกสูบด้านใน ทำให้น้ำมันเบรกทะลักออกจากระบบทั้งหมด แป้นเบรกจมค้างสนิทกับพื้นรถไม่ยอมเด้งขึ้นทำให้ผู้ขับตกใจมากยิ่งขึ้น ไหนยังจะลนลานกับรถขนาดใหญ่ที่จอดเรียงแถวอยู่ด้านหน้าอีกหลายคัน ไม่มีเวลามากพอสำหรับความเร็วที่ยังเกิน 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง อีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนี้เลือกได้เพียงแค่ว่าจะ 'ชนตรงไหน' เท่านั้น ผู้ขับเปิดไฟสูง กดแตร แล้วจึงเลือกพุ่งเข้าชนท้ายรถขนส่งสินค้าคันหนึ่ง 'โครมมม.. ม .. ม เปรี้ยงง ..ง .ง.' ถุงลมนิรภัยทั้ง 2 ใบในรถพองตัวออกทันทีก่อนที่ใบหน้าจะฟาดลงไปบนด้านบนของวงพวงมาลัย แม้จะรู้ตัวผู้ขับจึงเอามือยันพวงมาลัยไว้แล้ว แต่ไม่อาจทานแรงปะทะมหาศาลนั้นได้ การพุ่งเข้าชนแบบไม่เบรกเลยทำให้รถบรรทุกพุ่งไปชนคันหน้าอีกทอดหนึ่งอย่างแรง ถึงแม้ว่าผู้ขับรถใหญ่จะเหยียบเบรกไว้แล้วก็ตามที การปะทะที่แรงมากทำให้พวงมาลัยอัดปะทะลำตัวท่อนบนของผู้ขับจนบิดเบี้ยวทั้งวง ถุงลมนิรภัยแตกและหลุดกระเด็นออกมานอกเบ้า เหลือเพียงแต่คอกับแกนพวงมาลัยที่ลักษณะคล้ายหอกทิ่มปักอยู่ที่หน้าอกผู้ขับ หน้ารถย่นยับยู่ กันชนหน้ามารวมกับแผงคอลโซลหน้าปัดและถูกอัดดันยกตัวขึ้นไปอยู่ติดบนหลังคาตอนหน้า รถมีสภาพไม่ต่างอะไรไปจากกองเศษเหล็ก เครื่องยนต์แตกกระจายไปซุกอยู่ใต้ท้องรถบรรทุก เรือนเกียร์ที่ฉีกขาดสองท่อนมาอยู่แทนที่ตำแหน่งผู้ขับ กระจกทุกบานแตกละเอียดเกลื่อนกระจาย พื้นรถตรงที่วางเท้าด้านหน้าฉีกขาดเป็นแนวยาว บานประตูย่นยู่จนเสียรูปและดีดเปิดออกอย่างแรง เสา A กับ B อัดบี้รวมกลายเป็นชิ้นเดียวกัน หลังคา พริ้วเป็นลอนก่อนที่จะบิดตัวเป็นรูปคลื่นขนาดใหญ่และเผยอตัวขึ้นที่ด้านหลัง ซุ้มล้อหลังทั้งสองข้างบิดและฉีกขาดจนหลุดรุ่ย ฝาท้ายบิดเบี้ยวจนไฟท้ายแตก แรงปะทะทำให้ท้ายรถลอยสูงขึ้นสัก 2 ฟุต และตกลงพื้นพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกลามมาจากทางด้านหน้า โครงรถแอ่นโค้งขึ้น ชิ้นส่วนทุกอย่างเสียหายหมด จะเหลือก็แต่เพียงแผ่นป้ายทะเบียนหลังที่สภาพยังพอดูได้ว่าเป็นทะเบียนอะไรอยู่เพียงชิ้นเดียว ผู้ขับเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ พอร์ช 911 ขับนำไปไกลมากแล้ว แต่ผู้ขับยังคงมองกระจกส่องหลังหาเพื่อนที่อัดรถด้วยกันมาตลอดทาง ชะเง้อมองผ่านกระจกหลังเท่าไรก็หาไม่เจอ แล้วจู่ๆ ก็พบรถนิสสัน 300ZX คันนั้นนำอยู่ข้างหน้า![/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Pickup Car Clubs
>
Sport Truck.
>
<<<Midnight Racing>>>
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...