เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Mitsubishi Car Clubs
>
Evolution Thailand
>
ชาร์ปละลายทำไงดีครับ
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="พัทยา@MRC#012, post: 1271663, member: 9244"]เรื่อง ชาร์ฟละลาย</p><p>ต้องรื้อออกมาดู สภาพและหาสาเหตุ ที่ทำให้เกิดปัญหาก่อนครับ</p><p>ว่าปัญหาเกิดจากอะไร และต้องได้รับการแก้ไข ก่อนประกอบชาร์ฟชุดใหม่ครับ</p><p><br /></p><p>ถ้าชาร์ฟเดิมโรงงาน ที่มีอายุการใช้งานมานานมากกว่า 3-5 ปี</p><p>1. โอกาสที่ผิวชาร์ฟจะร่อนและเสื่อมสภาพไปเองตามอายุการใช้งาน มีความเป็นไปได้ครับ</p><p>2. น้ำมันเครื่องสกปรก เสื่อมสภาพ หรือ ไหม้ อาจจะเกิดสะสมมาจากความผิดพลาด ของ นมค.มาระยะเวลาหนึ่งได้ครับ</p><p>เช่นคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องไม่สามารถรักษาฟิลม์น้ำมันและการถ่ายเทความร้อนได้ดี หรืออยู่ในระดับไม่ค่อยดี</p><p>แบบนี้อาจจะไม่พังในทันที แต่จะเกิดรอยไหม้สะสมบริเวณผิวชาร์ฟไปจนถึงระยะหนึ่ง จึงเกิดปัญหาครับ</p><p>3. แรงดัน นมค. ถอย หรือ ตก ในขณะใช้งานที่รอบสูง อันนี้ส่วนมากเจอที่ปั๊ม นมค. ที่เสื้อปั๊มเป็นรอยครับ</p><p>แค่รอยเส้นผมเล็กๆ ก็ทำให้แรงดันน้ำมันเครื่องLeak ข้ามไปห้องไหลกลับ และแรงดันตกได้ครับ</p><p>4. ระบบ Oil Cooling สกปรกอุดตัน หรือ ท่อเลี้ยงนมค.บุบบี้ ก็เป็นไปได้</p><p>5. Oil Thermostat เสื่อมสภาพ ทำให้แรงดันตกได้</p><p>6. พวกปัญหากำลังอัดดันลงแคร๊งค์ อันทให้แรงดันนมค. ผิดปกติได้ และเป็นสาเหตุของชารฟ์ละลายได้ง่ายมากครับ</p><p>ต้องหาสาเหตุพวกนี้ให้เจอก่อนครับ</p><p><br /></p><p>แต่ถ้าชาร์ฟเดิมโรงงาน ใช้งานเกิน 3-5 ปี โอกาสที่ผิวจะร่อนหรือไหม้ตามสภาพ มีความเป็นไปได้ครับ</p><p><br /></p><p>ส่วนถ้าไม่ได้ประกอบเครื่องใหม่ ความผิดพลาดจากการประกอบรูนมค.ไม่ตรงตำแหน่ง หรือ เคลียร์แแรนท์ไม่ได้ ตัดทิ้งได้ครับ</p><p><br /></p><p>มาเรื่องชาร์ฟ ระหว่าง ชาร์ฟเดิม กับ ชารฟ์ซิ่งของCalico ผมแนะนำชาร์ฟซิ่งของCalicoดีกว่าครับ</p><p>อก+ก้าน อยู่หมื่นกลางๆ แพงกว่าชาร์ฟเดิมโรงงานไม่กี่พันบาท</p><p>เมื่อก่อนผมใช้ชารฟ์ซิ่ง Power Ent. ชุด3หมื่นกว่าบาท </p><p>ตอนหลังพี่Mac Mactecแนะนำให้ดูเนื้องานและผิวของCalico </p><p>ผมว่าผิวงานถึงจะไม่เนียบเท่าPower แต่ราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง ผมเลยลองใช้ดูครับ</p><p>ตอนนี้ใส่มาได้ปีกว่าๆ ประกอบเครื่องใหม่ 4 ครั้ง รื้ออกมาดูสภาพผิวชาร์ฟยังเรียบเหมือนใหม่ ผิวดำสนิท 3 สูบ</p><p>มีชาร์ฟก้านสูบเดียวที่เป็นรอยเล็กน้อยมากๆ ผมถือว่าใช้ได้ครับสำหรับผม</p><p>ดีกว่าชาร์ฟโรงงาน ที่มักรื้อออกมาแล้วพบว่าเป็นรอยและไหม้เยอะกว่าCalicoอยู่มากครับ</p><p>ฉะนั้นชั่วโมงนี้ ผมถือว่า Calico เป็นตัวเลือกที่คุ้มราคาครับ</p><p><br /></p><p>ซึ่งที่อู่แนะนำว่า สำหรับการขับใช้งานไม่บ่อย มีซัดบางบ้างครั้ง ชาร์ฟโรงงานก็เอาอยู่ถือว่าถูกต้องแล้วครับ</p><p>แต่จากประสบการณ์ผมพบว่าชาร์ฟโรงาน สภาพผิวชาร์ฟจะมีอายุสั้นกว่าครับ เพราะไม่ได้เคลือบผิวให้แข็งแรงและทนความร้อนเอาไว้</p><p>หากไม่เกิดปัญหาเรื่อง แรงดันและคุณภาพของนมค. คงใช้งานได้พอๆกัน ไม่แตกต่าง</p><p>แต่เมื่อเกิดปัญหากับ แรงดันและคุณภาพของนมค. ขึ้นมา ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว</p><p>ชาร์ฟซิ่งจะรับภาระได้มากกว่า โอกาสที่จะเสียหายหนักเช่นใช้ชาร์ฟเดิมอาจจะละลายจนล็อค ก้านสูบหรือข้อเหวี่ยงขาด </p><p>ต้องเสียเครื่องทั้งตัว</p><p>เมื่อเราใช้ชาร์ฟซิ่ง อาจจะผ่อนหนักเป็นเบา เหลือแค่ ชาร์ฟลั่นหรือชาร์ฟเป็นรอยให้เราได้ยินก่อน</p><p>ถ้าเราไม่ขับต่อ ก็อาจจะแค่ถอดเป็นชารฟ์ใหม่ ไม่ต้องเสียหายหนักครับ</p><p>ยกตัวอย่าง ชาร์ฟPower Ent. ผมเคยขับในพีระ 7 รอบ สนามพบว่าใช้งานได้สบายเด็กๆอยู่แล้ว เพราะมันเทพอยู่แล้ว</p><p>แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งผม หลุดลงไปบนกองทรายตรงโค้งฮอนด้า เพราะเครื่องดับ ทำให้กองทราบกระแทกท่อออยคูลเลอร์บีบลงไปครึ่งหนึ่ง</p><p>ด้วยความคิดว่ากองทรายนิ่มๆ คงไม่ก่อปัญหาอะไรมาก จึงซัดรถเข้าสนามวิ่งต่อไปอีก 3 รอบสนาม จนจบการแข่งขัน</p><p>พอขับเข้า Park Firm พบว่าชาร์ฟลั่นไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นชาร์ฟโรงงานคงละลายไปเรียบร้อยแล้วครับ</p><p>เห็นความแตกต่างแล้วใช้มั้ยครับ</p><p>ทางที่ดี ถ้าชาร์ฟลั่นแล้วไม่ควรขับครับ เพราะเศษชาร์ฟที่ปนอยู่ในอ่าง นมค. อาจจะไปสร้างความเสียหาย ให้ชิ้นส่วนอื่นๆได้</p><p>โดยเฉพาะข้อเหวี่ยงกับเสื้อสูบ ผมว่าเรียกสไลด์ยกไปอู่ดีกว่าครับ 1500 คุ้มกว่าครับ</p><p><br /></p><p>ถ้าเกิดเสียหายมาก ข้อเหวียงกินลึก เราใช้การซ่อมแล้วเพิ่มขนาดชาร์ปเป็นเบอร์ 10 </p><p>สามารถทำได้ครับ แต่จุดที่ต้องให้ความสำคัญ คือการล้างข้อเหวี่ยง ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ</p><p>1. การล้างข้อเหวี่ยงทิ้งมากเกินไป ทำให้ความแข็งแรงของข้อเหวี่ยงลดลงครับ</p><p>2. การล้างข้อเหวี่ยงทุกครั้ง ควรจะ Dynamic Balance ข้อเหวี่ยงด้วยครับ </p><p>ถ้าคิดแล้ว ไม่อุ่นใจ หรือทำแล้วไม่คุ้มการลงทุน</p><p>ผมแนะนำหา ข้อเหวี่ยงใหม่และใช้ชาร์ฟเบอร์เดิม น่าจะเหมาะสม และลงทุนน้อยกว่าครับ</p><p>เพราะข้อเหวี่ยง 7 คงหาไม่ยากครับ ถ้าเป็นพวก1-3ที่อะไหล่เริ่มหายาก เราค่อยมองวิธีนี้กันครับ</p><p><br /></p><p>ส่วนเรื่องขยายความจุ อย่าพึ่งไปมองตรงนั้นครับ เพราะจะมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำเพิ่มตามมาครับ อีกหลายเงิน</p><p>ยกเว้นยากจะแรง ไหนๆจะเสียเงินแล้วก็เอาให้สุด ก็ว่ากันไปครับ จัดไปครับ</p><p><br /></p><p>ราคาอะไหล่</p><p>1. ชาร์ฟ อก+ก้าน 1 ชุด 16000 - 17000 / เดิมโรงงานก็ 6500-8500</p><p>2. ค่าแรงประกอบเครื่อง 3-5000</p><p>3. ค่า นมค. +กรอง 3000</p><p>4. ค่าบาลานซ์ชารฟ์ อันนี้แล้วแต่อู่ครับ อู่เล็กก็หลักพัน อู่เทพๆก็หลักหมื่น / ถ้าข้อเหวี่ยงมือสอง ก็มีตั้งแต่ 3-5 พัน ครับ</p><p>ถ้าเปิดแต่ท่อนล่างเปลี่ยน รวมราคาคงอยู่ที่ 2-3.5 หมื่น ครับ ตามของที่เลือกใช้</p><p><br /></p><p>ถ้าเปิดฝาสูบ ตรวจสอบ</p><p>5. ไหนๆเปิดเครื่องแล้ว พวกซีลยางต่างๆ และยางตีนวาวล์ ก็จับเปลี่ยนครับ</p><p>6. พวกบ่าวาวล์ก็จัดการบดใหม่ พอร์ดไอดี-เสีย ก็ขัดลื่นใหม่</p><p>7. พวกปั๊มน้ำ ปั๊ม นมค. ก็ไล่เปลี่ยนลูกปืน ลูกรอก ซีลต่างๆใหม่</p><p>8. พอเปิดเครื่องแล้วอาจจะเจออะไหล่เสียหายก็จับเปลี่ยนไปครับ</p><p>9. ค่าปะเก็นอีก 3-5000</p><p>ลองเลือกคำนวณดูครับ</p><p><br /></p><p>ส่วนอู่นี้ขอไม่ตอบครับ</p><p>เพราะการประกอบชาร์ฟจะผ่านหรือไม่ผ่าน อยู่ที่ช่างที่ประกอบให้เราครับ</p><p>ต้องละเอียด ระยะเคลียร์แลนท์ต้องได้ ถ้าไม่ได้วิธีการแก้ต้องไม่แก้แบบลูกทุ่ง ต้องแก้ด้วยความเข้าใจ</p><p>อย่างชาร์ฟCalicoที่ชุบผิว เพื่อความแข็งแรงมา ช่างประกอบบางคนไปขัดผิวออก เพื่อแต่งเคลียร์แลนท์ </p><p>ก็หมดกันครับ ความแข็งแรงหายหมด </p><p>ปัญหาเรื่องหาช่างที่ไว้ใจได้นี้ยากที่สุดเลยครับ</p><p>ส่วนใหญ่คนที่เป็นเจ้าสำนัก มักประกอบเครื่องผ่านทุกคนครับ</p><p>แต่ปัญหาอยู่ที่ ถ้าไม่สนิทกันมาก เจ้าสำนักมักไม่ได้ลงมือเอง</p><p>ส่งให้ช่างทำให้ ซึ่งถ้าคุมงานดีก็ผ่าน ถ้าคุมงานไม่ดีโอกาสผิดพลาดในการประกอบมีสูงมากครับ</p><p>พอไม่ผ่าน จะเครมก็พูดกันไม่ออก เพราะมันพิสูจน์ลำบากว่าพังเพราะอะไร แต่ผมดูออกครับว่าพังเพราะอะไร</p><p>ทำให้ ผมเลยไม่สามารถพูดเรื่องอู่ได้เลย</p><p>เพราะผมประกอบเครื่องบ่อยมาก และผ่าน</p><p>เพราะอาศัยว่ามีความรู้ และสนิทกันกับเจ้าของหลายอู่ จนสามารถสั่งงานช่างโดยตรงในหลายๆอู่ได้</p><p>ก็ไปนั่งกิน-นอนกินอยู่ที่อู่ จนช่างประกอบเครื่องให้เสร็จและออกมาวิ่งจูนครับ</p><p>ถ้าผ่านก็เพราะเราสั่ง ไม่ผ่านก็เพราะเราสั่ง </p><p>ไม่ต้องไปนั่งทะเลาะกับเจ้าของอู่ให้เสียมิตรภาพครับ</p><p>ส่วนอู่ดีๆ ที่รับผิดชอบเมื่อประกอบไม่ผ่านก้มีครับ แต่ราคาค่าประกอบเครื่องจะสูงมากครับ</p><p><br /></p><p>แต่ถ้าพยายามประกอบเครื่องสเป็คเดิมๆโรงงาน ไม่ไปยุ่งอะไรกับข้อเหวี่ยงมาก ผมว่าประกอบอู่ไหนก็โอกาสผ่านมีสูงมากครับ</p><p>เดี๋ยว จะกลัวการประกอบชารฟ์ไปซะก่อนครับ[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="พัทยา@MRC#012, post: 1271663, member: 9244"]เรื่อง ชาร์ฟละลาย ต้องรื้อออกมาดู สภาพและหาสาเหตุ ที่ทำให้เกิดปัญหาก่อนครับ ว่าปัญหาเกิดจากอะไร และต้องได้รับการแก้ไข ก่อนประกอบชาร์ฟชุดใหม่ครับ ถ้าชาร์ฟเดิมโรงงาน ที่มีอายุการใช้งานมานานมากกว่า 3-5 ปี 1. โอกาสที่ผิวชาร์ฟจะร่อนและเสื่อมสภาพไปเองตามอายุการใช้งาน มีความเป็นไปได้ครับ 2. น้ำมันเครื่องสกปรก เสื่อมสภาพ หรือ ไหม้ อาจจะเกิดสะสมมาจากความผิดพลาด ของ นมค.มาระยะเวลาหนึ่งได้ครับ เช่นคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องไม่สามารถรักษาฟิลม์น้ำมันและการถ่ายเทความร้อนได้ดี หรืออยู่ในระดับไม่ค่อยดี แบบนี้อาจจะไม่พังในทันที แต่จะเกิดรอยไหม้สะสมบริเวณผิวชาร์ฟไปจนถึงระยะหนึ่ง จึงเกิดปัญหาครับ 3. แรงดัน นมค. ถอย หรือ ตก ในขณะใช้งานที่รอบสูง อันนี้ส่วนมากเจอที่ปั๊ม นมค. ที่เสื้อปั๊มเป็นรอยครับ แค่รอยเส้นผมเล็กๆ ก็ทำให้แรงดันน้ำมันเครื่องLeak ข้ามไปห้องไหลกลับ และแรงดันตกได้ครับ 4. ระบบ Oil Cooling สกปรกอุดตัน หรือ ท่อเลี้ยงนมค.บุบบี้ ก็เป็นไปได้ 5. Oil Thermostat เสื่อมสภาพ ทำให้แรงดันตกได้ 6. พวกปัญหากำลังอัดดันลงแคร๊งค์ อันทให้แรงดันนมค. ผิดปกติได้ และเป็นสาเหตุของชารฟ์ละลายได้ง่ายมากครับ ต้องหาสาเหตุพวกนี้ให้เจอก่อนครับ แต่ถ้าชาร์ฟเดิมโรงงาน ใช้งานเกิน 3-5 ปี โอกาสที่ผิวจะร่อนหรือไหม้ตามสภาพ มีความเป็นไปได้ครับ ส่วนถ้าไม่ได้ประกอบเครื่องใหม่ ความผิดพลาดจากการประกอบรูนมค.ไม่ตรงตำแหน่ง หรือ เคลียร์แแรนท์ไม่ได้ ตัดทิ้งได้ครับ มาเรื่องชาร์ฟ ระหว่าง ชาร์ฟเดิม กับ ชารฟ์ซิ่งของCalico ผมแนะนำชาร์ฟซิ่งของCalicoดีกว่าครับ อก+ก้าน อยู่หมื่นกลางๆ แพงกว่าชาร์ฟเดิมโรงงานไม่กี่พันบาท เมื่อก่อนผมใช้ชารฟ์ซิ่ง Power Ent. ชุด3หมื่นกว่าบาท ตอนหลังพี่Mac Mactecแนะนำให้ดูเนื้องานและผิวของCalico ผมว่าผิวงานถึงจะไม่เนียบเท่าPower แต่ราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง ผมเลยลองใช้ดูครับ ตอนนี้ใส่มาได้ปีกว่าๆ ประกอบเครื่องใหม่ 4 ครั้ง รื้ออกมาดูสภาพผิวชาร์ฟยังเรียบเหมือนใหม่ ผิวดำสนิท 3 สูบ มีชาร์ฟก้านสูบเดียวที่เป็นรอยเล็กน้อยมากๆ ผมถือว่าใช้ได้ครับสำหรับผม ดีกว่าชาร์ฟโรงงาน ที่มักรื้อออกมาแล้วพบว่าเป็นรอยและไหม้เยอะกว่าCalicoอยู่มากครับ ฉะนั้นชั่วโมงนี้ ผมถือว่า Calico เป็นตัวเลือกที่คุ้มราคาครับ ซึ่งที่อู่แนะนำว่า สำหรับการขับใช้งานไม่บ่อย มีซัดบางบ้างครั้ง ชาร์ฟโรงงานก็เอาอยู่ถือว่าถูกต้องแล้วครับ แต่จากประสบการณ์ผมพบว่าชาร์ฟโรงาน สภาพผิวชาร์ฟจะมีอายุสั้นกว่าครับ เพราะไม่ได้เคลือบผิวให้แข็งแรงและทนความร้อนเอาไว้ หากไม่เกิดปัญหาเรื่อง แรงดันและคุณภาพของนมค. คงใช้งานได้พอๆกัน ไม่แตกต่าง แต่เมื่อเกิดปัญหากับ แรงดันและคุณภาพของนมค. ขึ้นมา ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว ชาร์ฟซิ่งจะรับภาระได้มากกว่า โอกาสที่จะเสียหายหนักเช่นใช้ชาร์ฟเดิมอาจจะละลายจนล็อค ก้านสูบหรือข้อเหวี่ยงขาด ต้องเสียเครื่องทั้งตัว เมื่อเราใช้ชาร์ฟซิ่ง อาจจะผ่อนหนักเป็นเบา เหลือแค่ ชาร์ฟลั่นหรือชาร์ฟเป็นรอยให้เราได้ยินก่อน ถ้าเราไม่ขับต่อ ก็อาจจะแค่ถอดเป็นชารฟ์ใหม่ ไม่ต้องเสียหายหนักครับ ยกตัวอย่าง ชาร์ฟPower Ent. ผมเคยขับในพีระ 7 รอบ สนามพบว่าใช้งานได้สบายเด็กๆอยู่แล้ว เพราะมันเทพอยู่แล้ว แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งผม หลุดลงไปบนกองทรายตรงโค้งฮอนด้า เพราะเครื่องดับ ทำให้กองทราบกระแทกท่อออยคูลเลอร์บีบลงไปครึ่งหนึ่ง ด้วยความคิดว่ากองทรายนิ่มๆ คงไม่ก่อปัญหาอะไรมาก จึงซัดรถเข้าสนามวิ่งต่อไปอีก 3 รอบสนาม จนจบการแข่งขัน พอขับเข้า Park Firm พบว่าชาร์ฟลั่นไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นชาร์ฟโรงงานคงละลายไปเรียบร้อยแล้วครับ เห็นความแตกต่างแล้วใช้มั้ยครับ ทางที่ดี ถ้าชาร์ฟลั่นแล้วไม่ควรขับครับ เพราะเศษชาร์ฟที่ปนอยู่ในอ่าง นมค. อาจจะไปสร้างความเสียหาย ให้ชิ้นส่วนอื่นๆได้ โดยเฉพาะข้อเหวี่ยงกับเสื้อสูบ ผมว่าเรียกสไลด์ยกไปอู่ดีกว่าครับ 1500 คุ้มกว่าครับ ถ้าเกิดเสียหายมาก ข้อเหวียงกินลึก เราใช้การซ่อมแล้วเพิ่มขนาดชาร์ปเป็นเบอร์ 10 สามารถทำได้ครับ แต่จุดที่ต้องให้ความสำคัญ คือการล้างข้อเหวี่ยง ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ 1. การล้างข้อเหวี่ยงทิ้งมากเกินไป ทำให้ความแข็งแรงของข้อเหวี่ยงลดลงครับ 2. การล้างข้อเหวี่ยงทุกครั้ง ควรจะ Dynamic Balance ข้อเหวี่ยงด้วยครับ ถ้าคิดแล้ว ไม่อุ่นใจ หรือทำแล้วไม่คุ้มการลงทุน ผมแนะนำหา ข้อเหวี่ยงใหม่และใช้ชาร์ฟเบอร์เดิม น่าจะเหมาะสม และลงทุนน้อยกว่าครับ เพราะข้อเหวี่ยง 7 คงหาไม่ยากครับ ถ้าเป็นพวก1-3ที่อะไหล่เริ่มหายาก เราค่อยมองวิธีนี้กันครับ ส่วนเรื่องขยายความจุ อย่าพึ่งไปมองตรงนั้นครับ เพราะจะมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำเพิ่มตามมาครับ อีกหลายเงิน ยกเว้นยากจะแรง ไหนๆจะเสียเงินแล้วก็เอาให้สุด ก็ว่ากันไปครับ จัดไปครับ ราคาอะไหล่ 1. ชาร์ฟ อก+ก้าน 1 ชุด 16000 - 17000 / เดิมโรงงานก็ 6500-8500 2. ค่าแรงประกอบเครื่อง 3-5000 3. ค่า นมค. +กรอง 3000 4. ค่าบาลานซ์ชารฟ์ อันนี้แล้วแต่อู่ครับ อู่เล็กก็หลักพัน อู่เทพๆก็หลักหมื่น / ถ้าข้อเหวี่ยงมือสอง ก็มีตั้งแต่ 3-5 พัน ครับ ถ้าเปิดแต่ท่อนล่างเปลี่ยน รวมราคาคงอยู่ที่ 2-3.5 หมื่น ครับ ตามของที่เลือกใช้ ถ้าเปิดฝาสูบ ตรวจสอบ 5. ไหนๆเปิดเครื่องแล้ว พวกซีลยางต่างๆ และยางตีนวาวล์ ก็จับเปลี่ยนครับ 6. พวกบ่าวาวล์ก็จัดการบดใหม่ พอร์ดไอดี-เสีย ก็ขัดลื่นใหม่ 7. พวกปั๊มน้ำ ปั๊ม นมค. ก็ไล่เปลี่ยนลูกปืน ลูกรอก ซีลต่างๆใหม่ 8. พอเปิดเครื่องแล้วอาจจะเจออะไหล่เสียหายก็จับเปลี่ยนไปครับ 9. ค่าปะเก็นอีก 3-5000 ลองเลือกคำนวณดูครับ ส่วนอู่นี้ขอไม่ตอบครับ เพราะการประกอบชาร์ฟจะผ่านหรือไม่ผ่าน อยู่ที่ช่างที่ประกอบให้เราครับ ต้องละเอียด ระยะเคลียร์แลนท์ต้องได้ ถ้าไม่ได้วิธีการแก้ต้องไม่แก้แบบลูกทุ่ง ต้องแก้ด้วยความเข้าใจ อย่างชาร์ฟCalicoที่ชุบผิว เพื่อความแข็งแรงมา ช่างประกอบบางคนไปขัดผิวออก เพื่อแต่งเคลียร์แลนท์ ก็หมดกันครับ ความแข็งแรงหายหมด ปัญหาเรื่องหาช่างที่ไว้ใจได้นี้ยากที่สุดเลยครับ ส่วนใหญ่คนที่เป็นเจ้าสำนัก มักประกอบเครื่องผ่านทุกคนครับ แต่ปัญหาอยู่ที่ ถ้าไม่สนิทกันมาก เจ้าสำนักมักไม่ได้ลงมือเอง ส่งให้ช่างทำให้ ซึ่งถ้าคุมงานดีก็ผ่าน ถ้าคุมงานไม่ดีโอกาสผิดพลาดในการประกอบมีสูงมากครับ พอไม่ผ่าน จะเครมก็พูดกันไม่ออก เพราะมันพิสูจน์ลำบากว่าพังเพราะอะไร แต่ผมดูออกครับว่าพังเพราะอะไร ทำให้ ผมเลยไม่สามารถพูดเรื่องอู่ได้เลย เพราะผมประกอบเครื่องบ่อยมาก และผ่าน เพราะอาศัยว่ามีความรู้ และสนิทกันกับเจ้าของหลายอู่ จนสามารถสั่งงานช่างโดยตรงในหลายๆอู่ได้ ก็ไปนั่งกิน-นอนกินอยู่ที่อู่ จนช่างประกอบเครื่องให้เสร็จและออกมาวิ่งจูนครับ ถ้าผ่านก็เพราะเราสั่ง ไม่ผ่านก็เพราะเราสั่ง ไม่ต้องไปนั่งทะเลาะกับเจ้าของอู่ให้เสียมิตรภาพครับ ส่วนอู่ดีๆ ที่รับผิดชอบเมื่อประกอบไม่ผ่านก้มีครับ แต่ราคาค่าประกอบเครื่องจะสูงมากครับ แต่ถ้าพยายามประกอบเครื่องสเป็คเดิมๆโรงงาน ไม่ไปยุ่งอะไรกับข้อเหวี่ยงมาก ผมว่าประกอบอู่ไหนก็โอกาสผ่านมีสูงมากครับ เดี๋ยว จะกลัวการประกอบชารฟ์ไปซะก่อนครับ[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Mitsubishi Car Clubs
>
Evolution Thailand
>
ชาร์ปละลายทำไงดีครับ
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...