• 
  
  ติดต่อลงโฆษณา [email protected] หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ชื่อ:

การตรวจสอบ:

กำลังโหลด...

ข้อความ:

<p>[QUOTE=&quot;RacingWeb, post: 1954559, member: 9984&quot;]<p style="text-align: center"><img src="https://lh3.googleusercontent.com/-NJc9szRITBM/Uap2GdIbm4I/AAAAAAAABGo/dkKesitvpuw/s815/aero-1.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>คำถามนี้เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เชื่อว่าผู้อ่านหลายๆท่านก็คงจะเคยสงสัยใคร่รู้ว่าความจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่? เท่าที่ผ่านมานั้น ซีดานและแฮทช์แบคถูกนำมาเปรียบเทียบกันในหลายหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็น ความคุ้มค่าและประโยชน์ใช้สอย สมรรถนะของรถ ความแข็งแรงของตัวถัง รวมไปถึงความสวยงามและดีไซน์ แต่น้อยครั้งนัก ที่จะมีการนำรถทั้งสองคันมาเปรียบเทียบในหัวข้อแอโรไดนามิคส์ แล้วทำไมต้องเปรียบเทียบแอโรไดนามิคส์ มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? ใช่แล้ว แอโรไดนามิคส์ของรถยนต์นั้นมีความสำคัญมาก เพราะว่ามีผลกระทบโดยตรงกับสมรรถนะของรถ ความเร็วสูงสุดที่รถทำได้ อัตราบริโภคน้ำมัน และความสามารถในการทรงตัวของรถโดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูง</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh5.googleusercontent.com/-icEP8S1-GpQ/Uap2F7dzawI/AAAAAAAABGg/HyuxD3Nqd8k/s640/aero-2.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">Chevrolet Cruze : <a href="http://www.autosavant.com/2010/09/03/chevy-adds-5th-door-to-cruze-makes-the-car-attractive/" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.autosavant.com/2010/09/03/chevy-adds-5th-door-to-cruze-makes-the-car-attractive/" rel="nofollow">http://www.autosavant.com/2010/09/03/chevy-adds-5th-door-to-cruze-makes-the-car-attractive/</a></p><p><br /></p><p>สมมติว่ามีรถอยู่ 2 คัน ทั้งสองคันมีเครื่องยนต์เหมือนกัน ใช้เกียร์อัตราทดเดียวกัน มีระบบเบรคและระบบกันสะเทือนเหมือนกัน แต่รถคันหนึ่งเป็นบอดี้ซีดาน ส่วนอีกคันเป็นแฮทช์แบค เมื่อขับทดสอบแล้วปรากฎว่า รถทั้งสองคันให้ฟีลลิ่งที่แตกต่างกัน อัตราเร่งและความเร็วสูงสุดก็แตกต่างกัน อัตราบริโภคน้ำมันก็ไม่เท่ากัน คำถามก็คือ เพราะเหตุใดจึงเกิดความแตกต่างขึ้น? ในเมื่อเครื่องยนต์ก็เป็นเครื่องเดียวกัน ทำไมอัตราเร่งและอัตราบริโภคน้ำมันไม่เท่ากัน? ในเมื่อช่วงล่างเหมือนกันทำไมความสามารถในการทรงตัวจึงไม่เท่ากัน? เชื่อว่ามีผู้อ่านหลายท่านตอบในใจว่า &quot;ก็น้ำหนักรถมันไม่เท่ากันไง&quot; คำตอบนี้ถูกครับ แต่ถูกเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะว่านอกจากน้ำหนักของรถที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีอีกตัวแปรสำคัญอักตัวหนึ่งที่แตกต่างกัน นั่นก็คือ &quot;การกระจายน้ำหนักของรถ&quot; (Weight distribution) (การกระจายน้ำหนักของรถ หมายถึงน้ำหนักที่กระจายลงล้อแต่ละล้อ) ดังนั้น ถ้าซีดานและแฮทช์แบคทั้ง 2 คันนี้ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเท่ากัน และมีการกระจายน้ำหนักเท่ากัน ก็จะไม่มีความแตกต่างใดๆเลย ใช่ไหม!?&nbsp; คำตอบคือ... ไม่ใช่ครับ เชื่อหรือไม่ว่า ถึงแม้จะมีน้ำหนักรวมและการกระจายน้ำหนักเท่ากันแล้ว แต่อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ความสามารถในการทรงตัว ก็ยังแตกต่างกันอยู่ดี ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า ยังเหลือแปรสำคัญอีกตัวหนึ่ง นั่นก็คือ &quot;แอโรไดนามิคส์&quot; รถซีดานและแฮทช์แบคมีรูปร่างที่ต่างกันทำให้มีแอโรไดนามิคส์ต่างกัน โดยเฉพาะที่ท้ายรถ (Rear-end) ดังนั้น <u>แอโรไดนามิคส์ที่ท้ายรถนี่เองเป็นตัวตัดสินว่ารถซีดานหรือแฮทช์แบคกันแน่ ที่มีแอโรไดนามิคส์ที่ดีกว่ากัน?</u> สรุปได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้ซีดานและแฮทช์แบคมีสมรรถนะต่างกันนั้น ได้แก่ 1.น้ำหนักรวมของตัวรถ (Total weight) 2.การกระจายน้ำหนักของรถ (Weight distribution) และ 3.แอโรไดนามิคส์ของรถ (Aerodynamics) และในบทความนี้เราจะเปรียบเทียบในหัวข้อแอโรไดนามิคส์เท่านั้น</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-aPENRjdHP-M/Uap2FzmuI3I/AAAAAAAABGc/3tgpRBfIC3w/s640/aero-3.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">2011 Mazda 3 : <a href="http://www.caranddriver.com/photos-11q2/398090/2011-mazda-3-s-sedan-and-hatchback-photo-398156" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.caranddriver.com/photos-11q2/398090/2011-mazda-3-s-sedan-and-hatchback-photo-398156" rel="nofollow">2011 Mazda 3 s sedan and hatchback photo</a></p><p><br /></p><p>ในการออกแบบรถให้มีแรงต้านอากาศต่ำนั้น (Low drag vehicle) นอกจากจะต้องมีรูปทรงปราดเปรียวเพรียวลมเพื่อให้อากาศไหลผ่านได้สะดวกแล้ว ยังต้องคำนึงถึงกระแสของอากาศที่ปล่อยออกมาทางด้านท้ายรถด้วย ปกติแล้วอากาศที่ปล่อยออกมาทางด้านท้ายรถ จะมีลักษณะเป็นลมหมุน (wake) ลมหมุนนี้เองเป็นตัวการทำให้แรงดันอากาศที่ด้านหลังของรถมีค่าลดลงอย่างมากหรือเป็นสุญญากาศมากขึ้น สุญญากาศที่เกิดขึ้นท้ายรถจะดูดรถไปทางด้านหลัง ทำให้เคลื่อนที่ลำบากขึ้น เราเรียกแรงนี้ว่า &quot;แรงต้านอากาศอันเนื่องมาจากความดัน&quot; (Pressure drag) (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความเรื่อง &quot;อากาศพลศาสตร์ของรถยนต์&quot;) สาเหตุของการเกิดลมหมุนที่ท้ายรถนั้นเกิดจาก &quot;การแยกตัวของอากาศ&quot; (Flow separation) ทำให้เกิดการหมุนย้อนกลับ กลายเป็นลมหมุนซึ่งมีความเร็วสูง และกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ยิ่งกว้างมากแรงต้านอากาศก็จะยิ่งมาก โดยพื้นที่ที่เกิดลมหมุนจะเรียกว่า &quot;Wake region&quot;&nbsp; เพราะเหตุนี้ ลมหมุนจึงเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นหรือต้องการให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดนั่นเอง (มีพื้นที่น้อยที่สุดนั่นเอง)</p><p><br /></p><p>ปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีผลกระทบต่อขนาดของลมหมุน (Wake region) คือ &quot;จุดที่อากาศเริ่มแยกตัว (Flow separation point)&quot; เนื่องจากอากาศมีคุณสมบัติเชิงกายภาพอันหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า &quot;ความเหนียว (Viscosity)&quot; ความเหนียวจะทำให้อากาศไหลติดไปกับพื้นผิวของรถ (ให้สังเกตการไหลของอากาศที่บริเวณหลังคา) เมื่อใดก็ตามที่ความเหนียวของอากาศไม่เพียงพอที่จะยึดอากาศให้ติดกับพื้นผิวรถ อากาศจะไม่สามารถไหลตามพื้นผิวของรถได้อีกต่อไป (No longer attached) ทำให้อากาศเริ่มไหลแยกตัวออกมาจากพื้นผิวรถ ซึ่งจุดที่อากาศเริ่มแยกตัวออกมานั้น เราเรียกว่า &quot;Flow separation point&quot; นั่นเอง รถหนึ่งคันจะมีจุดที่อากาศเริ่มแยกตัวอยู่ 2 จุด ได้แก่ จุดแยกตัวของอากาศที่ไหลด้านบนรถ และจุดแยกตัวของอากาศที่ไหลด้านล่าง (ความจริงแล้ว อาจจะมีจุดที่อากาศแยกตัวมากกว่า 2 จุด เช่น เกิดการแยกตัวที่ฝากระโปรงหน้า และที่หลังคาเป็นต้น แต่ในตอนนี้ขอกล่าวถึงเฉพาะการไหลของอากาศที่ด้านท้ายของรถ ซึ่งจะเกิดจุดแยกอากาศเพียง 2 จุด ดังที่ได้กล่าวไป)</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh4.googleusercontent.com/-RECWfmNs6Hw/Uap2HWJ4wGI/AAAAAAAABHA/lbJvLiZicWU/s640/aero-4.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><a href="http://www.greenoptimistic.com/2008/09/27/100-year-old-aerodynamics-problem-solved-could-increase-mpg-dramatically/" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://www.greenoptimistic.com/2008/09/27/100-year-old-aerodynamics-problem-solved-could-increase-mpg-dramatically/" rel="nofollow">100 Year-Old Aerodynamics Problem Solved: Could Increase MPG Dramatically</a></p><p><br /></p><p>เมื่อพิจารณาจากรูปด้านบน ระหว่างรถซีดานและรถแฮทช์แบค จะพบว่า สำหรับรถซีดาน จุดที่อากาศเริ่มแยกตัวทั้งสองจุดนั้นอยู่ใกล้กัน ทำให้เกิด Wake region น้อย ในทางตรงกันข้าม สำหรับรถแฮทช์แบคแล้ว จุดที่อากาศเริ่มแยกตัวนั้น อยู่ไกลกันมาก ทำให้เกิด Wake region มากกว่า เพราะเหตุนี้เอง แรงต้านอากาศของรถแฮทช์แบคจึงมีค่ามากกว่ารถซีดาน ดังนั้น &quot;จุดที่อากาศเริ่มแยกตัว&quot; นี่เอง เป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ทำไมรถซีดานจึงมีแอโรไดนามิคส์ที่ดีกว่ารถแฮทช์แบค? ยกตัวอย่างเช่น 2011 Subaru Impreza WRX STI มีทั้งเวอร์ชั่นซีดานและแฮทช์แบค โดยเวอร์ชั่นซีดานนั้นมีค่า Cd = 0.35 ส่วนเวอร์ชั่นแฮทช์แบคมีค่า Cd = 0.37 ต่างกันอยู่ 2% ส่วนเรื่องความเร็วสูงสุดนั้น เวอร์ชั่นซีดานทำได้ 255 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เวอร์ชั่นแฮชทช์แบคทำได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง[1] ถือว่าต่างกันไม่มากเท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าเวอร์ชั่นซีดานนั้นมีสปอยเลอร์หลังยกสูงขนาดใหญ่เป็นอาวุธลับ ประโยชน์ของมันคือสร้างแรงกดให้กับล้อหลัง เพื่อรักษาเสถียรภาพของรถในขณะขับด้วยความเร็วสูง ในขณะเดียวกันข้อเสียของมันก็คือสร้างแรงต้านอากาศให้กับรถ ถ้าเอาสปอยเลอร์ออก คาดว่า Cd น่าจะลดลงจาก 0.35 เหลือประมาณ 0.34 และจะสามารถทำความเร็วทะลุ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างแน่นอน!</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://lh6.googleusercontent.com/-79uOhyyhNco/Uap2Githa2I/AAAAAAAABG0/zv3XdESLDQA/s640/aero-5.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://lh5.googleusercontent.com/-UAUDJIERxy4/Uap2HGAq0vI/AAAAAAAABG8/tInziAqg6kM/s640/aero-6.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">Subaru Impreza WRX STI Sedan : <a href="http://cars.about.com/od/subaru/ig/2011-Subaru-STI-photo-gallery/2011-Subaru-STI-sedan-front-vw.htm" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://cars.about.com/od/subaru/ig/2011-Subaru-STI-photo-gallery/2011-Subaru-STI-sedan-front-vw.htm" rel="nofollow">2011 Subaru Impreza WRX STI sedan front view</a></p> <p style="text-align: center">Subaru Impreza WRX STI Hatchback : <a href="http://leftlanenews.com" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://leftlanenews.com" rel="nofollow">New and Used Car Reviews &amp; Auto-Industry News &amp; LeftLaneNews</a></p><p><br /></p><p>สรุปได้ว่า ถ้ารถรุ่นเดียวกัน แต่อยู่ในบอดี้ต่างกัน เช่น Subaru Impreza ที่มีทั้งบอดี้ซีดานและแฮทช์แบค เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว บอดี้ซีดานจะมีแรงต้านอากาศน้อยกว่า เนื่องจากมีลมหมุนที่ท้ายรถ (Wake in rear-end) น้อยกว่า ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วจะทำให้ซีดานมีความเร็วสูงสุดมากกว่า มีอัตราการบริโภคน้ำมันที่น้อยกว่า และมีความเสถียรอันเนื่องมาจากแอโรไดนามิคส์ที่ดีกว่า (Aerodynamics Stability) แสดงว่าซีดานมีแอโรไดนามิคส์ที่ดีกว่าแฮทช์แบคใช่ไหม? ไม่ใช่ครับ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในบทความเรื่อง &quot;อากาศพลศาสตร์ของรถยนต์&quot; ว่า <u>การจะตัดสินว่ารถคันใดคันหนึ่งมีแอโรไดนามิคส์ดีหรือไม่นั้น ไม่สามารถตัดสินได้จากแรงต้านอากาศเพียงแค่อย่างเดียว</u> เพราะว่ายังมีอีกหลายตัวแปรที่ต้องนำมาเปรียบเทียบกัน เช่น การระบายความร้อนของเครื่องยนต์และเกียร์ รวมไปถึงเสียงรบกวนจากลม ดังนั้น เราสามารถสรุปได้เพียงแค่ <u><b>รถประเภทซีดานจะมีแรงต้านอากาศน้อยกว่ารถประเภทแฮทช์แบค</b></u></p><p><br /></p><p><u>อ้างอิง (References)</u></p><p>[1] <a href="http://blogs.insideline.com/straightline/2010/04/2011-subaru-wrx-sti-sedan-love-the-wing-it-increases-top-speed.html" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://blogs.insideline.com/straightline/2010/04/2011-subaru-wrx-sti-sedan-love-the-wing-it-increases-top-speed.html" rel="nofollow">What&#039;s Hot</a></p><p><br /></p><p><br /></p><p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">***ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทั้งเนื้อหาภายในบทความรวมไปถึงรูปภาพประกอบของบทความนี้ </span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">ดังนั้น <b>ห้ามเผยแพร่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต</b></span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">เนื่องด้วยรูปภาพประกอบบทความทั้งหลายนี้ ผู้เขียนได้ทำการขออนุญาตจากเจ้าของภาพอย่างถูกต้องแล้ว </span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">ดังนั้นการนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของรูปภาพ อีกทั้งยังละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เขียนอีกด้วย </span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000"><br /></span></p> <p style="text-align: center"><span style="color: #FF0000">***หากต้องการนำไปเผยแพร่ ให้ขออนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรกับผู้เขียนผ่านทางอีเมล์ก่อนครับ ขอบคุณครับ (Email: <a href="mailto:uppsala1989@hotmail.com">uppsala1989@hotmail.com</a>)</span></p><p>[/QUOTE]</p><p><br /></p>

• เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
• เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
• เข้าสู่ระบบด้วย Google

ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:

คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?

• ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
• มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
• ลืมรหัสผ่านของคุณ?

อยู่ในระบบตลอดเวลา

• X