รูปและ Review RacingWeb ร่วมทดสอบยาง Michelin Pilot Sport 3 ที่สนามแก่งกระจาน

การสนทนาใน 'Review' เริ่มโดย Emporio, 2 เมษายน 2011

โดย Emporio เมื่อ 2 เมษายน 2011 เมื่อ 05:36
  1. Emporio

    Emporio Active Member ทีมงานสมาชิก Super Moderator

    377
    35
    28
    [​IMG]

    ช่วงกลางเดือน พี่เก่งชวนไปงานทดสอบยางรุ่นใหม่ของ Michelin
    รายละเอียดของงานนี้คือ 20 - 21 มีนาคม 2553 RacingWeb ได้รับเชิญจาก Michelin ให้เข้าร่วมทดสอบยางรถยนต์รุ่นใหม่ Pilot Sport 3
    โดยทาง Michelin เชิญไปร่วมงาน 2 คน ไปนอนที่หัวหินในคืนวันเสาร์ที่ 20 และในวันอาทิตย์ที่ 21 ไปทดสอบยางกันที่สนามแก่งกระจาน

    เนื่องจากพี่เก่งเองก็อยากพา อ้อ ไปเที่ยวด้วยเพียงแต่ว่าการใส่ชื่อพี่เก่งกับอ้อ 2 คนเพื่อไปทดสอบยางก็คงไม่เหมาะเพราะอ้อขับรถไม่เป็น
    การไปแบบนั้นคงไม่ดีแน่เพราะ Michelin ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเพื่อให้เราไปทดสอบยางและต้องการทราบผลการทดสอบจากผู้ที่ได้รับเชิญ
    เมื่อคิดถึงตรงนั้นแล้วจึงได้ชวนผมไปร่วมงานนี้ด้วยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับการได้รับเชิญในครั้งนี้ ทั้งเรื่องประโยชน์ด้านการทดสอบยาง
    และประโยชน์ในการเขียน Review ที่ผมค่อนข้างจะโม้เก่ง โดยตัวผมกับน้องแพนนั้นมีธุระของครอบครัวที่ต้องไปเพชรบุรีในวันเสาร์ที่ 20 พอดี
    เมื่อมีแพนไปด้วยพี่เก่งจึงพาอ้อไปเที่ยวพร้อมๆกันเลยในคราวเดียว

    RacingWeb จึงตอบรับและกลายเป็นว่าการไปในครั้งนี้
    ไปกันทั้ง ธุระของผมกับแพน + ไปร่วมทดสอบยางของ Michelin + ไปเที่ยวหัวหินทริปเล็กๆกัน 2 ครอบครัว

    ผ่านมา 1 อาทิตย์แล้วครับ งานเยอะมากๆจนไม่มีเวลาเขียน Review ให้ รูปที่ถ่ายมาก็นั่งปรับแต่งอยู่เกือบ 100 รูป
    วันนี้ว่างจึงได้มานั่งเขียนให้ได้อ่านกันว่าเราไปพบเจออะไรมาบ้างในการร่วมทดสอบยาง Michelin

    ต้องบอกไว้ก่อนว่า หนักใจนิดๆในการเขียน เพราะว่าเราต้องเขียนให้เป็นกลางที่สุด
    เขียนโดยใช้ความรู้สึกจากตัวเอง และไม่เขียนในแง่ของผลประโยชน์ทางธุรกิจของ Michelin
    จึงตั้งใจไว้ว่า Review นี้ขอเขียนในลักษณะพาเที่ยวนิดๆ + เทคโนโลยีของยางสมัยใหม่ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เราอาจจะไม่นึกถึง
    ซึ่งผมได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับหลักหรือแง่คิดในการผลิตยางรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
    และคงเขียนถึงผลการทดสอบที่สนามแก่งกระจานตามความเป็นจริงและเป็นกลางมากที่สุดนะครับ


    Day 1 : เสาร์ 20 มีนาคม 2553

    จริงๆแล้ว Michelin มีรถพาไปตั้งแต่กรุงเทพครับ แต่เนื่องจากผมกับพี่เก่งมีผู้ติดตาม 2 คน
    ดังนั้นเราจึงเอารถไปกันเอง เพราะผมต้องแวะทำธุระที่เพชรบุรีด้วย เราจึงออกเดินทางกันก่อน
    โดยที่คณะของทาง Michelin ออกเดินทางจากกรุงเทพในช่วงบ่าย

    เมื่อเราแวะเรื่องธุระของผมเสร็จจากที่เพชรบุรี จึงมุ่งหน้าสู่โรงแรม Intercontinental HUA HIN Resort
    ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ทาง Michelin เตรียมไว้ให้สำหรับผู้เข้าร่วมงาน
    ระหว่างทางรถ Terios เกิดงานเข้า แต่ก็ยังพอประคองไปได้จึงใช้เวลามากกว่าที่ควรไปซักหน่อย แต่เราก็ไปถึงก่อนคณะที่เดินทางมากับ Michelin
    เมื่อไปถึงเราได้พบกับเจ้าหน้าที่ของ Michelin ที่ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว จึงได้ทำการลงทะเบียนและ CheckIn เข้าห้องพัก
    เพื่อเตรียมตัวออกไปหาที่พักเพิ่มอีก 1 ห้องเพราะเรามากัน 4 คนซึ่งได้สอบถามทาง Michelin ก่อนมาแล้วว่าคงพักที่นี่ได้แค่ 2 คน
    แต่เมื่อพนักงานของทางโรงแรมเห็นเรามากัน 4 คนก็พูดขึ้นว่า ห้องนอนกัน 4 คนพอนะ เพราะห้องใหญ่และมีเตียงใหญ่ 2 เตียง
    เรางงเล็กน้อย พนักงานอาจจะพูดกันแบบจริงใจคือห้องมันใหญ่และเตียงใหญ่ 2 เตียงจริงๆ แต่ด้วยเหตุผลด้านธุรกิจของโรงแรม ปกติเค้าควรให้นอนแค่ 2 คน
    จะด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ เมื่อพนักงานพูดขึ้นมาแบบนั้น .... เราจึงขนกระเป๋าของเรา 4 คนขึ้นห้องพักกันในทันที

    สำหรับที่พักผมคงไม่พูดอะไรมาก หน้าที่ของผมคือเขียน Review เกี่ยวกับยาง Michelin Pilot Sport 3 ไม่ได้ให้มา Review ที่พัก
    คงพูดได้แต่เพียงว่า Michelin เลือกที่พักที่ดูแลเราได้เป็นอย่างดีครับ

    อย่างแรกที่พี่เก่งทำเมื่อมาถึง

    [​IMG]

    ภายในห้องพัก

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    อ่างแช่น้ำอยู่กลางห้อง

    [​IMG]

    น้ำหนักพี่เก่ง

    [​IMG]

    ระเบียงวิวสระว่ายน้ำและวิวริมทะเล

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    โทรศัพท์ระบบ VOIP (Voice Over IP) ของ Cisco

    [​IMG]

    บาร์น้ำริมสระที่ต้องลึกอยู่ในน้ำเพื่อเสิร์ฟลูกค้าที่ว่ายน้ำอยู่ได้

    [​IMG]

    [​IMG]

    เดินเล่นกันอยู่ซักพัก เมื่อได้เวลาผมกับพี่เก่งจึงไปเข้าห้องบรรยายที่ทาง Michelin จัดเตรียมไว้
    เพื่อฟังการบรรยายเกี่ยวกับยางรุ่นใหม่ Pilot Sport 3 ที่เราจะได้ไปทดสอบกันในสนามแก่งกระจานในวันรุ่งขึ้น

    ก่อนเข้าฟังบรรยายก็มีรถ Audi กับ Lexus ให้เราได้ทดลองขับกันก่อน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ก่อนเข้าพังบรรยายก็มีอาหารว่างให้ได้รับประทานกัน... เค้าให้ชิมแต่พี่เก่งไปยืนคั่วน้องเค้าซะงั้น

    [​IMG]

    บรรยากาศในห้องบรรยายครับ

    [​IMG]

    ผู้บริหารของ Michelin ขึ้นกล่าวต้อนรับผู้ไปร่วมงาน

    [​IMG]

    คุณต้น วิศวกรของทาง Michelin ขึ้นบรรยายเกี่ยวกับเทคโลยีและแนวคิดใหม่ๆในการผลิตยาง Pilot Sport 3

    [​IMG]

    สำหรับยาง Michelin Pilot Sport 3 นี้เป็นยางที่ผลิตออกมาสำหรับรถ Sport หรือรถที่นำมาแต่งสรรถนะของรถให้สูงขึ้น
    เป็นยางรุ่นที่ผลิตออกมาแทนที่ยาง Michelin รุ่นเก่า 2 กลุ่ม ... งงใช่ไหมล่ะ
    ความหมายในที่นี้หมายถึงว่า เมื่อปีที่แล้ว Michelin ผลิตยางสำหรับรถที่ต้องการสมรรถนะการเกาะถนนสูงบนท้องถนน 2 รุ่น
    นั่นคือ Michelin Pilot Preceda 2(PP2) สำหรับรถกลุ่ม Sport & Sportty
    และ Michelin Pilot Sport 2 (PS2) สำหรับรถกลุ่ม Super Sport
    แต่สำหรับในรุ่น Michelin Pilot Sport 3 นั้นผลิตออกมาแทนที่ยาง PP2 และ PS2 นั่นเอง
    ซึ่ง Michelin Pilot Sport 3 นั้น ณ ตอนนี้ถูกเลือกใช้จาก Audi A5 และ Benz E63 AMG ให้เป็นยางติดรถจากโรงงานอีกด้วย

    มาดูเทคโนโลยีของการผลิตยางรุ่นนี้กันบ้างดีกว่า

    - Michelin Pilot Sport 3 เป็นยางชนิดดอกยางไม่สมมาตร

    - ร่องดอกยางแบบหลบมุม
    ตรงนี้มีความรู้ที่เป็นประโยชน์แทรกอยู่นิดนึงครับว่าทำไมถึงต้องเป็นดอกยางแบบหลบมุม
    คุณต้นได้อธิบายให้เห็นภาพด้วยยางลบดินสอแบบแท่งสี่เหลี่ยม เมื่อซื้อมาใหม่ๆขอบยังเป็นมุมเหลี่ยมๆอยู่
    เวลาใช้งานมันจะลบไม่ค่อยดีนัก เมื่อเราถูไปบนพื้นส่วนที่เป็นมุมเหลี่ยมจะดิ้นไปมาและให้ตัวค่อนข้างมาก
    เมื่อเราใช้ยางลบไปเรื่อยๆจนมุมมันไม่เหลือแล้ว ตอนนั้นเราจะรู้สึกว่าเมื่อยางลบสัมผัสพื้นจะค่อนข้างลบได้ดี เกาะกับพื้นและไม่มีมุมให้ดิ้นตัว
    ด้วยเหตุนี้ยาง Michelin Pilot Sport 3 จึงผลิตดอกยางที่มีร่องยางแบบหลบมุมเพื่อการเกาะถนนที่ดีขึ้น

    - ดอกยางต่อเนื่องกันทั้งเส้น + คานเสริมแรง
    การออกแบบให้ดอกยางแต่ละแถบเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งเส้น มีส่วนช่วยให้ดอกยางขยับตัวน้อยลงเวลาเข้าโค้ง
    คือถ้าดอกยางต่อเนื่องกันทั้งเส้น เมื่อหน้าสัมผัสของดอกใดที่สัมผัสพื้นมีแรงเสียดทานมากระทำเช่นเวลาเข้าโค้ง
    ดอกยางในส่วนนั้นจะขยับตัวน้อยลงเพราะมีเนื้อยางติดอยู่กับดอกยางที่ไม่สัมผัสพื้น เนื้อยางที่ต่อเนื่องกันจะทำหน้าที่รั้งกันไว้อยู่นั่นเอง

    - หน้ายางอัจฉริยะแปรผันตามความเร็ว
    อันนี้ทาง Michelin ไม่ได้อธิบายถึงโครงสร้างว่าทำไมถึงทำงานในลักษณะนี้ได้ เพียงแต่อธิบายให้ฟังว่ายางทำงานในลักษณะใดคือ
    เมื่อยางยังมีอุณหภูมิต่ำและวิ่งด้วยความเร็วต่ำ ในยางทั่วไปยางจะยังเย็นอยู่และหน้ายางจะแข็ง
    Michelin Pilot Sport 3 หน้ายางจะขยับตัวได้มากเพื่อให้อุณหภูมิของยางสูงเร็วขึ้น ยางจึงร้อนเร็วและอยู่ในอุณหภูมิที่พร้อมใช้งานได้เร็ว
    เมื่อยางมีอุณหภูมิสูงและวิ่งด้วยความเร็วสูง ในยางทั่วไปมีโอากาสที่จะเกิดอาการโอเวอร์ฮีทที่หน้ายางได้
    Michelin Pilot Sport 3 หน้ายางจะขยับตัวได้น้อย เพื่อให้ยางไม่ร้อนเกินไปและรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมไว้ตลอดการใช้งาน

    - เพิ่มการออกแบบโพรไฟล์ยางพิเศษ "แอนติ เซิร์ฟ ซิสเต็ม"
    คือการเพิ่มมุมโค้งที่บริเวณไหล่ยางโดยไม่ลดหน้าสัมผัส ด้วยการออกแบบลักษณะนี้จะทำให้ดอกยางไล่น้ำออกจากหน้าสัมผัสพื้นได้หมดและเร็ว
    ช่วยให้ไม่เกิดอาการลื่นหรือเหิรน้ำ ซึ่งต่างจากยาง Sport ทั่วๆไป

    - สูตรเนื้อยาง สปอร์ตเพาเวอร์คอมปาวน์ด เทคโนโลยีจากสนามแข่ง
    - มีเส้นใยเวทกริปอีลาสโตเมอร์ มีความหนาแน่นและยึดเกาะสูง มีคุณสมบัติแทรกตัวเข้าจับพื้นผิวถนนและไล่น้ำออกจากหน้ายาง
    - มีส่วนผสมซิลิกา ที่มีคุณสมบัติในการเก็บรักษาพลังงานช่วยส่งผ่านกำลังขับของเครื่องยนต์ลงสู่พื้นถนนโดยไม่สูญเสียพลังงาน
    - ลองลาสติ้ง อีลาสโตเมอร์ มีคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่นและทนทาน ที่ทำให้ยางมีความสามารถที่จะเกาะพื้นถนนได้สูงโดยที่ยางไม่สึกเร็ว
    โดย Michelin Pilot Sport 3 มีค่า Tread Wear 320 ซึ่งมีค่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับยางที่เกาะถนนได้ในกลุ่มเดียวกัน

    สำหรับราคาในด้านการตลาดของยาง Michelin Pilot Sport 3 นั้นได้รับการแจ้งในห้องบรรยายว่า
    ราคาจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า Pilot Preceda 2 นิดหน่อย แต่ราคาไม่สูงถึงขนาด Pilot Sport 2
    โดยยกตัวอย่างยางขอบ 15 ซึ่งแจ้งไว้ว่าราคาไม่เกิน 3000 บาทต่อเส้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    จากการฟังบรรยายในห้องก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับยางรุ่นใหม่ของ Michelin มาตามนี้นะครับ
    คราวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวกันบ้าง จากการได้เห็นแค่สายตาโดยที่ยังไม่ได้ทดสอบ
    เริ่มแรกที่เห็นเลยเนี่ยะ ยังแอบนินทากับพี่เก่งเบาๆว่า ดอกยางไม่สวยเลย ทำไมลายของดอกยางไม่มีความ Sport เอาซะเลย
    ซึ่งมันก็สอดคล้องกับผลดีที่ว่า ดอกยางลายลักษณะนี้มันรีดน้ำได้ดีแน่ๆ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือการยึดเกาะถนนที่ได้จากดอกยางลัษณะนี้
    ซึ่งตามที่ฟังจากการบรรยายแล้วและ Cart ที่นำมาแสดงนั้นสมรรถนะด้านการเกาะถนนแห้งได้ค่อนข้างดีมากๆ
    ซึ่งพอจะสรุปได้ด้วยตัวเองว่า แม้โหง้วเฮ้งดอกยางจะออกไปทางรีดน้ำดีไม่ได้ออกไปทางยึดเกาะถนน
    แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆที่คิดค้นและออกแบบมาเพื่อผลิตยางรุ่นนี้จึงทำให้การยึดเกาะถนนแห้งออกไปในทางที่สมรรถนะดีมากๆก็เป็นได้
    ส่วนเรื่องการเพิ่มมุมโค้งที่ไหล่ยางนั้น บอกตามตรงครับว่าผมคิดเอาเองว่าถ้าเอาไปใส่กับแม็กหน้ากว้างกว่าหน้ายางอาจจะไม่สวยเท่าไหร่
    แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าถูกนำไปใส่กับแม็กหน้ากว้างมากๆแบบดึงแก้มยางตึงๆก็อาจจะแม็ชและสวยก็ได้นะครับคงต้องรอดูกันต่อไป
    ส่วนเมื่อได้ไปจับตัวอย่างยางตัวเป็นๆที่เอามาตั้งโชว์ในห้องบรรยายนั้น ผมว่าเป็นยางทีแก้มค่อนข้างแข็งทีเดียว
    ซึ่งเป็นข้อดีส่วนนึงที่จะทำให้การทรงตัวของรถที่ใช้ยางรุ่นนี้นั้นทรงตัวได้ดีในโค้งหนักๆโดยไม่ง้อแม็กหน้ากว้าง
    ทั้งนี้คงต้องรอทดสอบกันในวันรุ่งขึ้นที่สนามแก่งกระจานนั่นเอง

    เอาล่ะหมดภาคทฤษฎีไปแล้วก่อนปิดการบรรยายทางคุณต้นได้บอกรายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับการทดสอบยางในวันรุ่งขึ้นให้ทราบ
    ซึ่งผมกับพี่เก่งเองก็มีความคิดไปในแนวทางเดียวกันว่า Michelin เค้ากล้าจริงๆ
    รอดูรายละเอียดที่ผมจะเล่าให้ฟังในการทดสอบยางที่สนามแก่งกระจานดูแล้วกัน

    เมื่อเราฟังบรรยายเสร็จ จึงโทรเรียกผู้ติดตามของเราทั้งสองคนมาหา เห็นว่าไปเดินเล่นชมฝรั่งริมน้ำ
    พอดีวันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการแข่งเซิร์ฟบอร์ดที่ใช่ร่มหรืออะไรนี่แหละเรียกไม่เป็น ฝรั่งจึงมากันเยอะเลย
    และริมหาดก็มี Party เล็กๆด้วยจึงเดินเล่นกันเพลินเลย

    จบการบรรยายแล้วทาง Michelin เค้ามีอาหารเลี้ยงสำหรับผู้เข้าร่วมงานเพียงแต่ว่าเรามากันโดยมีผู้ติดตามมาด้วย
    และได้ลองสอบถามแล้วเจ้าหน้าที่ของทาง Michelin ดูแล้วว่าคงไม่เหมาะถ้าจะให้ผู้ติดตามมารับประทานอาหารด้วย
    เพราะปริมาณอาหารได้จัดเตรียมไว้ตามจำนวนผู้เข้าร่วมทดสอบยาง ก็ OK ครับเราทราบตรงนี้ดี จึงพากันออกไปกินข้าวกันข้างนอก
    ซึ่งที่หัวหินเองนั้นผมค่อนข้างถนัดเพราะไปบ่อยมากๆ ไปจนรู้ว่าตรงไหนมีอะไร ตรงไหนอร่อย
    ตัวพี่เก่งเองไม่เคยมาเที่ยวหัวหินเลยจึงให้ผมพาเที่ยว

    [​IMG]

    [​IMG]

    เราไปนั่งกินอาหารกันที่หัวหินไนท์บาร์ซ่าร์ ซึ่งเป็นที่ๆผมไปเป็นประจำ เพราะนอกจากอาหารทะเลจะอร่อยราคาไม่แพงแล้ว
    ยังมีเด็กๆตัวอ่อนๆ ให้ชมเยอะแยะมากมาย .....

    เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจึงกลับมาที่โรงแรมเพื่อเตรียมพักผ่อนครับ โดยที่ผมเองนั้นมีงานที่ต้องทำอีกมาก
    กลับมาถึงโรงแรมเห็นการจัดเลี้ยงผู้มาร่วมงานนั้นเสร็จไปแล้ว ที่ล๊อบบี้โรงแรมมีดนตรีแจ๊สเล่นสดให้ฟังเพลินๆด้วย

    [​IMG]

    เอามาลงซักหน่อย Terios ในสภาพไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก อุส่าห์พาเรามาถึงหัวหินได้แถมวันรุ่งขึ้นต้องพาเราไปแก่งกระจานและกลับให้ถึงกรุงเทพ
    ซึ่งสภาพตอนนั้นคือมีน้ำมันเครื่องอยู่ในหม้อน้ำแล้วครับ T-T เตรียมใจไว้แล้ว กลับถึงกรุงเทพได้คงโดนชุดใหญ่

    [​IMG]

    ก่อนเราขึ้นไปบนห้องพัก ได้ไปเดินเล่นชมบรรยากาศของโรงแรมตอนกลางคืน และเดินชม Party ริมหาด

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อเดินกลับมาถึงห้องพักครับ อันนี้วิวที่ระเบียงห้องพักตอนกลางคืน

    [​IMG]

    โต๊ะเล็กๆในห้องพักครับ เราเอาโน๊ตบุ๊คมาตั้งเพื่อนั่งทำงานกัน ทั้งพี่เก่งก็มีงาน และผมเองก็มีงานด่วน
    เป็นงานเพื่อนประเทศชาติซะด้วย ที่นั่นมี Wifi ให้ใช้ Internet ฟรีครับ ความเร็วสูงมากๆด้วย
    คืนนั้นนั่งทำงานถึงตี 4 เลยทีเดียว และโชคดีที่งานเสร็จลุล่วงไปด้วยดี

    [​IMG]


    Day 2 : อาทิตย์ 20 มีนาคม 2553

    เนื่องจากผมนั่งทำงานถึงตี 4 จึงออกแนวง่วงๆหน่อยเพราะต้องตื่นแต่เช้าเนื่องจากกิจกรรมที่แก่งกระจานมีตั้งแต่เช้า
    เราลงมา CheckOut แล้วออกไปหาข้าวกินกันแถวๆเขาตะเกียบ
    (จริงๆแล้วทาง Michelin มีอาหารของโรงแรมเตรียมไว้ให้นะครับเค้าดูแลเราเต็มที่ แต่ด้วยเหตุผลเดิมครับ เรามีผู้ติดตามมาด้วย)

    เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้วจึงเดินทางไปสนามแก่งกระจานโดยสภาพรถ ณ ตอนนั้นทำความเร็วไม่ได้มากนัก
    เราไปถึงหลังจากคณะที่เดินทางไปกับ Michelin ไปถึงไม่นาน ซึ่งนั่งเตรียมฟังการบรรยายอยู่ในห้องบรรยายแล้ว

    มาถึงก็เจอน้องๆพริ๊ตตี้ของ Michelin นั่งรอต้อนรับอยู่ด้านล่าง

    [​IMG]

    เริ่มการบรรยายโดยการแนะนำเจ้าหน้าที่ควบคุมการทดสอบยางรถยนต์ หน้าตาคุ้นๆกันทั้งนั้น

    [​IMG]

    บรรยากาศในการนั่งฟังบรรยาย

    [​IMG]

    คุณต้นกำลังอธิบาย Station ต่างๆที่จะให้ผู้เข้าร่วมทดสอบยาง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    อธิบายสัญลักษณ์ธงที่จะใช้ในสนามทดสอบเพื่อความปลอดภัย

    [​IMG]

    บัตรสำหรับลงความเห็นในการทดสอบยาง RacingWeb อยู่ในกลุ่ม A สีเขียวครับ

    [​IMG]

    เมื่อฟังการบรรยายเสร็จแต่ละกลุ่มก็เริ่มกระจายกันไปในสถานีที่กำหนดเพื่อเริ่มการทดสอบยางกัน
    สำหรับ RacingWeb ได้ไปเริ่มการทดสอบแรกที่สถานีการทดสอบในพื้นเปียก

    ฟังบรรยายวิธีการทดสอบก่อนที่จะลงทดสอบกันในสนาม

    [​IMG]

    รายละเอียดของการทดสอบมี 2 จุดคือ การเข้าโค้งในพื้นถนนเปียกและการเบรคบนถนนเปียก
    รถที่ใช้ในการทดสอบคือ Altis 2.0 ที่ปิดระบบช่วยการทรงตัวหมดทุกอย่างยกเว้น ABS
    ในช่วงแรกจะให้ขับผ่านโค้งที่มีน้ำอยู่ที่พื้น ส่วนช่วงที่สองจะให้ทดสอบการเบรคบนถนนเปียก
    โดยให้ขับรถ 2 คันเทียบระหว่างยางคู่แข่ง กับยาง Michelin Pilot Sport 3 ให้ขับคันละ 2 รอบ
    โดยก่อนทำการทดสอบจะให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้นั่งรถที่ผู้ควบคุมการทดสอบขับให้ดูก่อนคนละ 1 รอบ

    [​IMG]

    ขณะที่พี่เก่งขับทดสอบการเข้าโค้งนถนนเปียก

    [​IMG]

    การทดสอบในโค้งเปียกคันแรกที่ผมได้ทดสอบคือยางคู่แข่ง ในการขับรอบแรกนั้นยังติดนิสัยการขับรถในสนามอยู่พอสมควร
    ซึ่งการขับรถทดสอบ กับขับในสนามเพื่อการแข่งขันนั้นต่างกันพอสมควร
    หมายความว่า ในโค้งที่เราต้องการทดสอบนั้น เราต้องงดพฤติกรรมการช่วยการทรงตัวของรถทั้งหมด
    เหมือนกับที่เค้าปิดระบบการช่วยการทรงตัวของตัวรถนั่นแหละ เช่นเมื่ออยู่ในโค้งปกติเราจะยกคันเร่งเพื่อสร้างแรงกดให้กับล้อหน้าในการเข้าโค้ง
    แต่ในการทดสอบเค้าให้เราเดินคันเร่งตลอดเวลาในโค้ง นั่นคือจงใจให้รถออกอาการให้เห็นนั่นเอง
    ในรอบแรกแม้ผมจะขับรถที่เป็นยางคู่แข่ง แต่ในโค้งรถกลับไม่แสดงอาการอะไรเนื่องจากติดนิสัยการเข้าโค้งในลักษณะที่บอกมา
    รอบที่สองจึงปรับการขับใหม่ โดยคงคันเร่งไว้และเข้าโค้งไป จนตัวรถเกิดอาการ under ให้เห็นอย่างชัดเจน

    เมื่อสลับคันมาขับยาง Michelin Pilot Sport 3 รอบแรก under นิดๆครับแต่ไม่มากเท่ายางคู่แข่ง
    สาเหตุเนื่องจากพยายามให้มัน under นั่นเอง คือกลางโค้งนี่ทั้งเดินคันเร่งเพิ่มและหักพวงมาลัยให้มากขึ้นเพื่อทดสอบ
    ส่วนรอบสองลองเดินคันเร่งคงที่และหักพวงมาลัยให้คงที ซึ่งไม่เกิดอาการ under เลยแม้แต่น้อยทั้งๆที่ใช้ความเร็วเท่ากับที่ขับรถที่ใช้ยางคู่แข่ง

    การทดสอบระยะเบรคบนถนนเปียก

    [​IMG]

    ในส่วนของการเบรค เป็นการให้เร่งคันเร่งมาเต็มที่แล้วกดเบรค(กระทืบ)เต็มที่ที่จุดที่กำหนดแล้วจะมีเครื่อง V-Box วัดระยะทางเบรค
    จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วจะรู้ได้ไงว่าเริ่มเบรคที่จุดเดียวกัน บางคนอาจจะกดก่อน กดหลัง ระยะมันก็วัดได้ไม่แฟร์อยู่แล้ว
    คำตอบที่ได้คือ V-Box จะวัดระยะเบรคจากความเร็ว 80 - 10 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น
    หมายความว่าจะเริ่มกดเบรคก่อนหรือหลัง มันก็ยังไม่เริ่มวัด จะมาวัดตอนที่ความเร็วอยู่ในช่วง 80 - 10 นั่นเอง
    ก็พอให้หายสงสัยได้บ้างครับ แม้จะมีคำถามอยู่ในใจอีกหลายจุดเกี่ยวกับการทดสอบตรงนี้ที่จะมีตัวแปรที่ไม่คงที่อีกหลายจุด
    แต่เมื่อคิดว่าอย่างน้อยยางทั้งสองยี่ห้อก็ได้ทดสอบในสภาวะเดียวกัน
    ซึ่งผลทดสอบก็ออกมาค่อนข้างชัดเจนว่า Michelin Pilot Sport 3 นั้นใช้ระยะเบรคที่สั้นกว่ายางคู่แข่ง
    โดยที่การทำงานของระบบ ABS ของรถนั้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์ทุกรอบการทดสอบ

    [​IMG]

    ผลการทดสอบระยะเบรคพี่เก่งหมายเลข 4 ผมหมายเลข 5
    (พี่เก่งเบรคยังไงให้ระยะเบรคของยางคู่แข่งเท่ากับของ Michelin Pilot Sport 3)

    [​IMG]

    เสร็จจาก Station พื้นเปียกแล้วกลุ่ม A ต้องไปทำการขับรถทดสอบบนถนนจริงโดยรถทุกคันใช้ยาง Michelin Pilot Sport 3
    โดยให้ขับออกไปวนถนนรอบๆเขื่อนแก่งกระจาน ระยะทางประมาณ 40 กว่ากิโลเมตร
    ก็น่าตื่นเต้นดีครับ รถที่ให้ทดลองขับมีทั้ง Z4 Mini อิม ซึ่งพี่เก่งเป็นคนจับฉลากได้ขับ Mini เปิดประทุน

    ตอนจับฉลากว่าใครจะได้ขับคันไหนเค้าไม่ให้มองกล่องฉลากพี่เก่งเลยเลือกที่จะมอง .... แทน

    [​IMG]

    Z4 ที่ทุกคนไม่อยากจับฉลากได้

    [​IMG]

    Mini เปิดประทุน รถทดสอบสำหรับ RacingWeb

    [​IMG]

    อิมตัวใหม่

    [​IMG]

    ยังไม่ทันได้ออกไปไหนเลยก็เปิดประทุนเล่นกันแล้ว

    [​IMG]

    การทดสอบครั้งนี้ให้ขับกันเป็นขบวนครับ มีรถนำและมีวิทยุบอกสภาพเส้นทางตลอดการเดินทาง
    ตอนแรกก็คิดว่าแหมมีรถนำกำกับความเร็วในการเดินทางแบบนี้จะได้ลองอะไรกันนักหนา ก็กั๊กความเร็วให้ขับกันนิ่มๆหน่ะสิ
    แต่คิดผิดครับ รถคันละหลายล้านที่ให้มาขับทดสอบยางกันนั้น รถนำพาให้ขับกันความเร็ว 100 up
    บางช่วงต้องเร่งขับตามกันที่ความเร็ว 120 อาจจะเป็นเพราะทิ้งช่วงคันหน้าไปเยอะเลยต้องเร่งตาม
    แต่เฉลี่ยแล้วเมื่อรถว่างก็จะนำกันที่ความเร็วประมาณ 100 ตลอด คงเพื่อให้ได้ทดสอบความเงียบและความเกาะของยางนั่นเอง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สำหรับความเงียบนั้นรู้สึกได้ครับ เงียบจริงๆ ส่วนเรื่องความเกาะใน Station นี้ก็ได้ลองกันพอสมควรทั้งในโค้งและสลาลมหลบหลุม
    ก็ OK ครับคือว่าดีพอสมควร แม้จะคิดในแง่ที่ว่ารถแต่ละคันที่เอามาให้ทดสอบนั้นเป็นรถที่มีสมรรถนะที่ดีมากๆอยู่แล้วกันตาม

    [​IMG]

    เมื่อมาถึงสันเขื่อนก็จอดถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันก่อนสลับกันขับเพื่อขับกลับไปที่สนามแก่งกระจาน

    [​IMG]

    [​IMG]

    ซึ่งเส้นทางที่ขับกลับนั้นรถค่อนข้างเยอะ ทำความเร็วไม่ได้เลย จึงไม่ค่อยได้ทดสอบอะไรมากนัก
    นอกจากจะเปิดปิดประทุนเล่นจนเจ้าหน้าที่วิทยุมาบอกว่า รบกวนปิดครั้งนี้แล้วอย่าเปิดอีกเกรงว่าเปิดเล่นบ่อยๆจะพัง 555 เอ้าปิดก็ปิด

    เมื่อกลับมาถึงสนามแก่งกระจาน ก็ถึงเวลากินข้าวกลางวันพอดี โดยทาง Michelin ได้ให้ทาง Intercontinental HUA HIN Resort
    มาจัดการเรื่องอาหารให้กับผู้เข้าร่วมการทดสอบกันถึงสนามแก่งกระจาน ส่วนผมกับพี่เก่ง ก็เหมือนเดิมครับ พาผู้ติดตามออกไปกินกันข้างนอก

    เมื่อกินข้าวกลับเข้ามาระหว่างรอเวลาก็ขึ้นไปดูว่าเค้ามีอะไรให้กินบ้าง จึงได้กินขนมเพิ่มเติมอีกนิดๆหน่อยๆ
    ส่วนด้านล้างนั้นเค้ามีเกมให้นั่งเล่นฆ่าเวลา

    [​IMG]

    หลังจากนั้นจึงพานั่งรถตู้ไปที่โค้งปลายสนามเพื่อทดสอบใน Station พื้นแห้ง
    การทดสอบในสถานีนี้จะใช้รถ BMW 325 ปิดระบบช่วยการทรงตัวอีกเช่นเคย

    [​IMG]

    พี่วัว และนักแข่งรถต่างประเทศ(ถ้าจำไม่ผิดจะขับอยู่ที่ประเทศจีนหรือไงนี่แหละ) เป็นผู้ควบคุมการขับทดสอบ

    [​IMG]

    [​IMG]

    ก่อนเริ่มทดสอบก็จะให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบนั่งรถโดยให้ผู้ควบคุมการทดสอบขับให้นั่งดูก่อน
    สถานีนี้เป็นการทดสอบที่ความเร็วค่อนข้างสูงและโค้งค่อนข้างหนัก ตำแหน่งเบรคที่กำหนดไว้ก่อนเข้าโค้งจึงค่อนข้างสำคัญ
    ซึ่งสถานีนี้จะให้ขับคันละ 4 รอบเทียบระหว่างคันที่ใช้ยางคู่แข่งกับคันที่ใช้ยาง Michelin Pilot Sport 3
    เมื่อถึงรอบที่ RacingWeb จะได้ทดสอบ พี่เก่งลงไปทดสอบก่อน ซึ่งก็ขับรีบเหลือเกิน จนไปวนไล่ทันอีกคันในสนามซะงั้น

    [​IMG]

    และด้วยความเป็นนักแข่งของพี่เก่ง ก็จะเข้าโค้งแรงเป็นพิเศษ จนผู้ควบคุมที่นั่งไปด้วยตัดสินใจดึงเบรคมือเพื่อหยุดรถอยู่กลางโค้ง
    เรื่องจากไม่มั่นใจว่าพี่เก่งจะเอารถอยู่ .... พี่เก่งบ่นอุบว่าถ้านั่งไปกับพี่วัว แกคงให้ขับตามใจชอบไปแล้วเนื่องจากรู้จักกันอยู่ว่าขับรถแข่งอยู่

    [​IMG]

    เมื่อถึงคราวที่ผมต้องไปขับบ้าง ก็เหมือนเดิมครับ เลือกที่จะขับยางคู่แข่งก่อนเพื่อจับอาการ
    รอบนี้ทิ้งอารมณ์ขับในสนามไปหมดแล้ว ตั้งโหมดตัวเองเป็นการขับทดสอบ ผลที่ออกมาจึงค่อนข้างชัดเจน
    Station นี้จะมีจุดทดสอบที่ชัดเจนอยู่ 2 จุดคือ โค้งกว้างความเร็วสูง และโค้งกลับรถ
    ตอนขับยางคู่แข่ง เจออาการ over ของรถในโค้งกว้างที่ความเร็วสูง และที่โค้งกลับรถเจอทั้งอาการ under และ over ตามกันไป
    เมื่อมาขับรถที่ใช้ยาง Michelin Pilot Sport 3 อาการของรถคุมง่ายขึ้นมาก ในโค้งกว้างความเร็วสูงโค้งได้คมขึ้นจนเกือบจะลัดขอบทางเลยทีเดียว
    ส่วนในโค้งกลับรถมีอาการ under นิดๆแต่ก็ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นมากๆ ในรอบหลังๆลองความเร็วที่สูงขึ้นก็พบอาการ over บ้างเล็กน้อย
    ก็นั่นแหละครับ รถดีแค่ไหน ยางเกาะขนาดไหนยังไงมันก็มี Limit ของมัน เพียงแต่ยางที่ดีกว่าย่อมมี Limit ที่มากกว่านั่นเอง

    แต่ที่น่าสังเกตุคือ นั่งขับโดยมีนักแข่งต่างประเทศเป็นคนควบคุมการทดสอบนั้นเค้าจะบอกให้เบรคตั้งแต่ก่อนที่จะถึงจุดที่ควรเบรค
    คงกลัวเรื่องความปลอดภัยของการทดสอบ ซึ่งพี่เก่งเองก็บ่นเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าได้ขับกับพี่วัวคงสนุกกว่านี้
    แต่ก็ไม่ว่ากันครับ ความปลอดภัยต้องมาก่อนอยู่แล้ว

    ก่อนย้าย Station ก็ถ่ายรูปกับน้องเค้าซักหน่อย

    [​IMG]

    เอ้าถ่ายกับพี่วัวเค้าด้วย น่าเสียดายจริงๆที่ไม่ได้ขับโดยที่พี่วัวเป็นคนควบคุม ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้

    [​IMG]


    เรานั่งรถตู้กลับมาที่จุดพักครับ เพื่อรอเวลาเปลี่ยน Station มาถึงจุดพักก็......

    [​IMG]

    Station ต่อไปเป็นการขับรถ GT5 ซึ่งเป็นรถแข่งของทาง Michelin มาให้ขับทดสอบกันโดยใส่ยาง Michelin Pilot Sport 3

    [​IMG]

    เมื่อเจ้าหน้าที่เตรียมรถพร้อมแล้วจึงพานั่งรถตู้กลับไปในสนามเพื่อเริ่มทดสอบกัน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ก่อนทดสอบก็ฟังบรรยายการก่อนเพราะการทดสอบ GT5 นั้นไม่มีผู้ควบคุมนั่งไปด้วยแต่ก็จะมีรถนำให้เราขับตามในสนามเพื่อไม่ให้ใช้ความเร็วที่สูงเกินไป

    [​IMG]

    ก่อนขับทดสอบใน Station นี้ต้องใส่ชุดแข่งกันไฟกันด้วย

    [​IMG]

    และใน Station นี้เราก็ได้พบกับ ..... นางฟ้าาาาาาาา

    [​IMG]

    [​IMG]

    รวมถึงการปรากฏตัวของ ซาตาน !!!!

    [​IMG]

    และเนื่องจากการขับใน Station นี้ผมกับพี่เก่งขับอยู่ในรอบเดียวกันจึงทำให้ไม่มีเวลาถ่ายรูประหว่างขับทดสอบครับ

    [​IMG]

    [​IMG]


    ผลการทดสอบ ถ้าเอาจริงๆล่ะก็ ตอบตามตรงครับ แทบไม่ได้สังเกตุอาการของยางเลยแม้แต่น้อย
    เพราะรอบการทดสอบนั้นน้อยมากๆ แถมด้วยรถขับนำก็นำช้าพอสมควร ขนาดว่าแกล้งชลอทิ้งระยะให้มีระยะเหลือให้เราได้ทำความเร็ว
    รถนำรู้ทันครับ ชลอรอเราซะงั้น 555 กว่าจะชินกับเกียร์และตัวรถ พอเริ่มมั่นใจที่จะทำความเร็วได้แล้วนั้นก็หมดรอบซะงั้น
    แต่ก็ OK ครับเป็นอีก 1 ประสบการณ์ที่ได้รับจากการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

    พอเสร็จ Station GT5 ก็มาร่วมสนุกกับการทดลองเปลี่ยนล้อกับรถโมเดล F1 ของ Michelin
    โดยให้แต่ละกลุ่มเปลี่ยนล้อและจับเวลากันว่าได้เวลาเท่าไหร่ และเนื่องจากผมกับพี่เก่งเกิดอาการคิดต่างขึ้นมา
    จึงได้ลองวิธีการเปลี่ยนล้อในแบบอื่นเผื่อว่ามันจะเร็วกว่าคนอื่น ที่ไหนได้ ช้ากว่าคนอื่นเยอะเลย 555 ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราได้ลองวิธีที่ต่างออกไป

    [​IMG]

    แล้วก็มาถึง Station ทดสอบสมรรถนะยางโดยให้นั่งไปในรถ อิม ที่ขับโดย พี่วัว ณัฐวุฒิ เจริญสุขวัฒนะ และพี่อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี
    ซึ่งรถทั้งสองคันใส่ยาง Michelin Pilot Sport 3 เพื่อให้ได้สัมผัสการเกาะถนนของยางรุ่นนี้ว่าเอาอยู่ที่ความเร็วขนาดไหน

    [​IMG]

    [​IMG]

    และเราเลือกที่จะนั่งรถพี่วัวครับ แถมกระซิบบอกพี่วัวว่า "ขอใส่เต็มนะครับพี่ เอา Limit ของยางไปเลย"

    [​IMG]

    พี่วัวก็จัดให้ครับ เป็นรอบสุดท้ายของงานนี้พอดี น่าประทับใจมากๆจากทั้งการเกาะถนนอย่างไม่น่าเชื่อของทั้งรถอิมขับ 4 และยาง Michelin Pilot Sport 3

    [​IMG]

    เมื่อเสร็จกิจกรรมทั้งหมดก็ให้ขึ้นไปนั่งฟังบรรยายสรุปอีกรอบบนห้องบรรยาย

    [​IMG]

    และนำกราฟมาแสดงถึงระยะเบรคเฉลี่ยของวันนี้ที่ทุกคนได้ร่วมทดสอบระหว่างยางคู่แข่งกับยาง Michelin Pilot Spot 3
    ซึ่งระยะเบรคเฉลี่ยยาง Michelin Pilot Sport 3 จะทำระยะได้สั้นกว่า 1.9 เมตรครับ

    เมื่อฟังบรรยายสรุปเสร็จแล้วก็ลงมาถ่ายรูปร่วมกันก่อนเดินทางกลับ

    [​IMG]

    แอบไปถ่ายแก้มยางของรถที่พี่วัวขับ รอบสุดท้ายใส่เต็มจริงจัง

    [​IMG]

    เป็นอันจบกิจกรรมในครั้งนี้ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    สรุปบททดสอบ
    Michelin Pilot Sport 3 เป็นยางแนวคิดใหม่ครับ จริงอยู่ว่าดอกยางไม่ได้ดูซิ่งหรือ Sport
    ดูแล้วเหมือนดอกยางรถบ้านๆเดิมๆ แต่สมรรถนะของยางนั้นเกินหน้าตาของดอกยางไปเยอะเลย
    ฉีกแนวทางดอกยางแบบ Sport ที่ดอกต้องใหญ่ๆ ร่องน้อยๆ เพื่อเพิ่มหน้าสัมผัสในการเกาะถนนแต่ก็แลกด้วยการรีดน้ำที่ด้อยลง และเสียงยางที่ดัง
    ซึ่งใน Michelin Pilot Sport 3 เองนั้นมีร่องรีดน้ำที่เยอะจนเหมือนยางรถบ้านๆ แต่กลับมีคุณสมบัติในการเกาะถนนไม่เป็นรองยางที่มีดอกยางแนว Sport เลย
    จึงได้ทั้งการเกาะถนนและการรีดน้ำที่ดีเยี่ยม และนุ่มเงียบ ยิ่งได้มาทดสอบในสนามด้วยแล้วยิ่งบอกได้ว่าแตกต่างจากยางคู่แข่งในระดับเดียวกันค่อนข้างชัดเจน

    สำหรับยางคู่แข่งที่มาให้เราทดสอบนั้น ทาง RacingWeb ขอไม่เอ่ยถึงยี่ห้อและรุ่นนะครับ
    แต่เท่าที่ได้ลองสังเกตดู ปีที่ผลิตยางที่นำมาให้ทดสอบนั้นปลายปี 09 เท่าๆกันครับ
    ส่วนตัวแปรที่ไม่คงที่อื่นๆนั้นไม่สามารถบอกได้เพราะไม่มีข้อมูลครับ ดังนั้น RacingWeb เองจึงไม่ขอเปิดเผยยี่ห้อและรุ่นของยางคู่แข่งเพื่อความเป็นกลาง

    แต่ถ้าจะมองในแง่ของสมรรถนะที่ได้ทดสอบโดยไม่ต้องเทียบกับยางคู่แข่ง ผมก็บอกได้เต็มปากครับว่า
    Michelin Pilot Sport 3 เป็นยางที่ดีมากๆรุ่นนึง และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆในการออกแบบและผลิตยางเพื่อให้ผลดีสูงสุดต่อผู้ใช้งาน

    [​IMG]

    และขอชมเชยความพร้อมในการจัดการทดสอบในครั้งนี้ เนื่องจากว่าหลายๆคลับที่ไปร่วมกิจกรรมมีทั้งคนที่เคยขับรถแข่ง หรือไม่เคยเลยก็มีปะปนกันไป
    ดังนั้นถ้าการเตรียมพร้อมไม่ดีขนาดนี้คงได้มีเกิดอุบัติเหตุกันบ้าง แต่กิจกรรมที่ RacingWeb ไปร่วมในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี
    นั่นเป็นเพราะความพร้อมและการวางแผนการทดสอบมาเป็นอย่างดี ร่วมถึงผู้เข้าทดสอบก็ร่วมมือและปฏิบัติตามผู้ควบคุมเป็นอย่างดีนั่นเอง

    ทาง RacingWeb ขอขอบคุณยาง Michelin ที่ได้ให้ความไว้วางใจในการร่วมทดสอบยาง Michelin Pilot Sport 3 ในครั้งนี้ครับ
    และขออภัยที่เรามีผู้ติดตามไปด้วย เนื่องจากว่าต้องมีธุระที่ต้องไปทำร่วมกับผู้ติดตามที่เพชรบุรีจึงร่วมเดินทางไปด้วยกันทั้งหมดเลย
    อาจจะทำให้ไม่สะดวก และทาง Michelin เองก็คงไม่ได้เตรียมสถานที่สำหรับให้ผู้ติดตามนั่งรอที่สนามจนอาจเกิดความเข้าใจผิดกันไปบ้าง
    แต่ทางเราก็ได้เลือกทางที่ดีที่สุดและเกิดประโยชน์ที่สุดสำหรับการสื่อสมรรถนะของยาง Michelin Pilot Sport 3 ให้ได้ดีที่สุดแล้วด้วยเหตุผลที่กล่าวไปในตอนต้น
    หวังว่า RacingWeb จะได้รับเชิญให้ไปร่วมกิจกรรมดีๆ และได้รับความรู้ใหม่ๆในโอกาสต่อไป ขอบคุณครับ

    [​IMG]
     

ความคิดเห็น

การสนทนาใน 'Review' เริ่มโดย Emporio, 2 เมษายน 2011

แบ่งปันหน้านี้